bloggang.com mainmenu search
ณเดชน์

ณเดชน์ แม่แก้ว

ณเดชน์ แม่แก้ว

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram keaw_jung

ยูนิลีเวอร์ แถลง ไม่มีนโยบายถอนโฆษณารายการที่เกี่ยวกับ ณเดชน์ หลังมีข่าวขัดแย้ง แม่แก้ว ยันทำงานแบบมืออาชีพ ด้าน เอ ศุภชัย แจง ณเดชน์ ยังไม่โดนแบน ชี้เป็นการสื่อสารผิดพลาด

          จู่ ๆ ก็งานเข้าตั้งแต่ต้นปีเสียแล้ว สำหรับพระเอกหนุ่ม ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่มีกระแสข่าวออกมาว่า ณเดชน์ ถูกบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ยูนิลีเวอร์ ประกาศตัดขาด ไม่ขอร่วมงานด้วย พร้อมออกกฎเด็ดขาด ถอนโฆษณาจากละคร และรายการทุกช่วงที่มี ณเดชน์ เข้าไปเกี่ยวข้องอีกต่างหาก

งานนี้ แหล่งข่าววงในที่เชื่อถือได้ ก็มาเผยถึงสาเหตุที่ ณเดชน์ ถูกยูนิลีเวอร์ตัดขาด ว่า ก่อนหน้านี้ ทางยูนิลีเวอร์ ได้จ้าง ณเดชน์ ให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ยาสระผมยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งมีการตกลงค่าตัวโฆษณา รวมถึงการออกอีเว้นท์ และการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทางยูนิลีเวอร์จัดขึ้น มูลค่าเป็นหลัก 10 ล้านบาท โดยเมื่อเดือนก่อน ทางยูนิลีเวอร์ ก็ได้ตกลงซื้อโฆษณาซึ่งเป็นลักษณะการถ่ายแบบกับนิตยสารดัง โดยยกกองไปถ่ายทำกันถึงญี่ปุ่น ซึ่ง ณเดชน์ ก็มี แม่แก้ว ตามไปดูแลอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ระหว่างการทำงาน ทางนิตยสารก็เสนอให้พระเอกคนดังถือสินค้าที่ตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์ถ่ายแบบด้วย เพื่อให้การถ่ายแบบออกมาดีและคุ้มค่าต่อลูกค้าที่ซื้อโฆษณามากที่สุด แต่ทางแม่ของพระเอกดังกลับบอกว่า ไม่ได้ หากจะให้ถือ ต้องจ่ายเพิ่มอีก เป็นจำนวนเงินหลักหลายแสนบาท ทางนิตยสารจึงได้ต่อรองว่าจะถ่ายให้ดูเนียน สวยงามและเหมาะสม ไม่ดูฮาร์ดเซลจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อกลับมาถึงเมืองไทย ทาง บก. นิตยสารดัง ก็ได้ไปคุยกับทางยูนิลีเวอร์ว่าที่ญี่ปุ่นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง โดยรูปที่ถ่ายมา หากจะนำมาใช้ก็ต้องจ่ายค่าตัวณเดชน์เพิ่มอีก ทางยูนิลีเวอร์จึงได้ส่งดอกไม้พร้อมแนบการ์ดมีข้อความไปขอโทษ ประมาณว่า หากเกิดความผิดพลาดในการทำงานที่ญี่ปุ่นก็ต้องขออภัยด้วย แต่ทางฝั่งแม่ของณเดชน์ นอกจากจะไม่รับคำขอโทษแล้ว ยังส่งกระเช้าดอกไม้กลับคืน พร้อมด้วยสัญญาการทำงานที่กำลังจะหมดลงในเดือนมิถุนายนนี้กลับคืนมาด้วย พร้อมบอกว่า นี่คงเป็นการร่วมงานครั้งสุดท้ายกับทางยูนิลีเวอร์แล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง จึงได้สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากกับทางยูนิลีเวอร์ ถึงขั้นประกาศยกเลิกสัญญาทุกอย่าง และถอนโฆษณาออกจากช่อง 3 ทันที ในทุกช่วงที่ละครของณเดชน์ออกอากาศ รวมถึงทุก ๆ สื่อ และรายการที่มีณเดชน์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งก็ทำเอาสะเทือนกันทั้งวงการโฆษณาและเอเจนซี่เลยทีเดียว เพราะหากมีการถอนโฆษณาเกิดขึ้นจริง เม็ดเงินจำนวนมหาศาลจะละลายหายไปในพริบตา เพราะสินค้าของยูนิลีเวอร์นั้นแทบจะครอบคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า และเข้าไปอยู่ในแทบทุกครัวเรือน และมีการลงโฆษณามูลค่าเป็นร้อย ๆ ล้านต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่า อาจมีการตัดขาดเด็กในสังกัดของ เอ ศุภชัย คนอื่นอีกด้วย

สำหรับความคืบหน้าล่าสุดในกรณีดังกล่าว ได้มีการสอบถามไปยัง บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เกี่ยวกับกรณีสั่งแบน ณเดชน์ ในครั้งนี้ โดย น.ส.สุทธิภา ปัญญามหทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เส้นผม ได้เผยว่า ทางยูนิลีเวอร์ ไม่มีนโยบายที่จะถอนหรือยกเลิกโฆษณาในรายการที่มี ณเดชน์ คูกิมิยะ เป็นผู้แสดงแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ โดยการตัดสินใจซื้อโฆษณาแต่ละครั้งจะพิจารณาจากเรตติ้ง ความนิยม และความน่าสนใจของรายการเป็นหลัก

          สำหรับการปฏิบัติต่อพรีเซ็นเตอร์ ก็จะเป็นไปตามที่ระบุไว้ในสัญญา โดยทางยูนิลีเวอร์จะปฏิบัติตามสัญญาอย่างครบถ้วนจนกว่าสัญญาจะหมดลง ส่วนการพิจารณาว่าจะต่อสัญญากับ ณเดชน์ ก็ขึ้นอยู่กับแผนงานในอนาคตว่ามีความเหมาะสมต่อผลิตภัณฑ์หรือไม่ ซึ่งการพิจารณาต่อสัญญานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับยูนิลีเวอร์เพียงฝ่ายเดียว

          ด้านต้นสังกัดคนดังอย่าง เอ ศุภชัย ก็เผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ก่อนหน้านี้ณเดชน์ ได้ถูกติดต่อไปถ่ายแบบเพื่อโปรโมทภาพยนตร์ คู่กรรม ที่ประเทศญี่ปุ่น แต่เมื่อไปถึง ทางนิตยสารได้ให้ณเดชน์ถ่ายภาพกับสินค้ามากกว่าที่กำหนดไว้ จนเหมือนเป็นการถ่ายภาพเพื่อโฆษณาสินค้ามากกว่า ซึ่งถือเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด เพราะหากถ่ายแบบโฆษณาจะเป็นอีกราคาหนึ่ง ทางคุณแม่ของณเดชน์จึงรู้สึกงง และได้มาแจ้งให้ตนได้ทราบ จากนั้นตนจึงได้โทรไปชี้แจงกับทางนิตยสารและเจ้าของสินค้า

ส่วนเรี่องการส่งกระเช้าขอโทษจากทางยูนิลีเวอร์คืนพร้อมสัญญานั้น เอ ศุภชัย ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เพราะกระเช้ายังอยู่กับตน ไม่ได้ส่งคืน ส่วนเรื่องที่ ณเดชน์ ถูกทางยูนิลีเวอร์แบนนั้นก็ไม่เป็นความจริง ตอนนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับข่าวที่ออกมา แต่ตอนนี้เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
Create Date :04 มีนาคม 2556 Last Update :4 มีนาคม 2556 21:29:28 น. Counter : 1899 Pageviews. Comments :0