ร่วมด้วยช่วยกัน สำนึกรักบ้านเกิด และมูลนิธิเบญจรงคกุล นำประชาชนโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ จำนวน 87 คน กราบพระบรมศพ

ประชาชนจำนวนมากยังคงทยอยเดินทางเข้ากราบถวายบังคม พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กันเป็นจำนวนมาก โดยวันนี้มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกัน สำนึกรักบ้านเกิด และมูลนิธิเบญจรงคกุล ได้นำประชาชนจากโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 1 อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริ จำนวน 87 คน เดินทางมากราบบังคม พระบรมศพ เป็นรอบที่ 4 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

โดย นายอภิวัฒน์ รัตนนาคินทร์ ผู้อำนวยการร่วมด้วยช่วยกัน กล่าวว่า คณะเดินทางมาถึงประมาณ 04.00 น. ที่ผ่านมา และได้เข้าไปกราบถวายบังคม พระบรมศพ แล้ว โดยหลังจากนี้ ก็จะนำประชาชนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมระบุว่า ทางมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันฯ ได้ดำเนินโครงการนำประชาชนจากถิ่นทุรกันดารมาเป็นครั้งที่ 4 แล้ว โดยคัดเลือกประชาชนในโครงการพระราชดำริ ซึ่งมีมากกว่า 4,000 แห่ง 

สำหรับโครงการนี้ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนิน และทรงให้ประชาชนเลือกดูดฝิ่นและผล มาปลูกผลไม้เมืองหนาว สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่และเมื่อมีผลผลิตมากขึ้น ก็ได้ตั้งเป็นโรงงานแห่งนี้ขึ้นมา ทั้งนี้ ในวันนี้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันฯ และมูลนิธิเบญจรงคกุล จะประชุมหารือร่วมกัน เพื่อนำประชาชนจากโครงการอื่น ๆ มากราบพระบรมศพอีกเดือนละ 2 ครั้ง จำนวน 2 คณะ

ขณะที่ นางรสสุคนธ์ บุญทวี เจ้าหน้าที่ประจำโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 1 อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเดินทางมากับโครงการร่วมด้วยช่วยกัน บริการประชาชน นำชาวบ้านที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารและอยู่ในโครงการพระราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยเสด็จพระราชดำเนินมากราบถวายบังคม พระบรมศพ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่มีโครงการนี้ เพราะเป็นโครงการที่ดี ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ไม่สามารถเดินทางมาเองได้ ได้มากราบถวายบังคม พระบรมศพ ซึ่งชาวบ้านต่างรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และอยากเดินทางมากัน พร้อมระบุ ส่วนตัวเป็นเจ้าหน้าที่ส่งเสริมให้กับโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 1 อ.ฝาง รู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติที่ได้ทำงานในโครงการนี้ ได้พัฒนาบ้านเกิดของตัวเองให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตั้งใจจะทำความดีทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและจะเดินตามรอยพระองค์ท่าน 

ด้าน นางหลีคว่า แซ่ม้ง อายุ 56 ปี ตัวแทนชาวบ้านที่เดินทางมาในโครงการเดียวกัน กล่าวว่า รู้สึกตื่นตันใจและดีใจที่ได้มากราบ พระบรมศพ เพราะตนเองอยู่ไกล แต่โชคดีที่อยู่ในชุมชนที่มีโครงการหลวง และดีใจที่ในหลวง ร.9 ช่วยเกษตรชาวบ้านยาง ให้รู้จักปลูกพืชผักผลไม้ ตามแนวพระราชดำริ โดยส่วนตัวนั้นได้ ปลูกข้าวโพดอ่อน แครอท และผักส่งให้โครงการหลวงด้วย และต่อมาก็ปลูกผักปลอดสารพิษ เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ไว้กินเอง ใช้ชีวิตอย่างประหยัด รู้จักพอเพียง