วัตถุโบราณที่ค้นพบจากภายในถ้ำ
จ.นครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างยาวนาน จากหลักฐานในบันทึกโบราณที่เขียนขึ้นในสมัยพุทธศตวรรษที่ 7-8 เรียกพื้นที่บริเวณนี้ว่า เมืองตามพรลิงก์ จนมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เมืองนี้มีชื่อเรียกว่า
ลิกอร์ ซึ่งสันนิษฐานว่าชาวโปรตุเกสที่เข้ามาติดต่อค้าขายในกรุงศรีอยุธยาเป็นผู้เรียกก่อน โดยเพี้ยนมาจากคำว่า
นคร ส่วนชื่อ
นครศรีธรรมราช นั้น มาจากพระนามของกษัตริย์ผู้ครองนครในอดีต มีพระนามว่า
พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช (ราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช) ซึ่งชื่อนครศรีธรรมราชนั้น มีความหมายว่า
นครอันเป็นสง่าแห่งพระราชาผู้ทรงธรรม หรือ
เมืองแห่งพุทธธรรมของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ ทางเดินขึ้นปากทางเข้าถ้ำ
พระเจ้าศรีธรรมโศกราช ทรงสร้างเมืองตามพรลิงก์ขึ้นบริเวณหาดทรายแก้ว (ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ในปัจจุบัน) และในพื้นที่เดียวกันนี้เองก็ได้ทรงสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ขึ้นด้วย แต่ในขณะที่สร้างพระบรมธาตุเจดีย์ยังไม่แล้วเสร็จ ได้เกิดโรคห่าขึ้นในเมือง พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชจึงได้อพยพชาวเมืองและไพร่พลหนีไปอยู่บนเขาวังชั่วคราว (เขาวัง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช)
ระหว่างที่อพยพไปอยู่ที่เขาวัง พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชได้ทรงสำรวจพื้นที่บริเวณโดยรอบ แล้วพบว่าบริเวณเขาวังนี้คือแหล่งต้นน้ำขนาดใหญ่ และกลายมาเป็นลำคลองหล่อเลี้ยงพื้นที่ราบด้านล่าง แต่น้ำจาเขาวังนี้ไม่ได้ไหลลงสู่พื้นราบโดยตรง แต่กลับไหลเข้าไปสู่ถ้ำใต้ภูเขา จึงได้นำทหารเข้าไปสำรวจพื้นที่ถ้ำแห่งนั้น
หินงอกหินย้อยสะท้อนแสงไฟระยิบระยับ
ในปัจจุบัน ถ้ำใต้ภูเขาแห่งนั้นมีชื่อเรียกว่า
ถ้ำน้ำวังศรีธรรมโศกราช ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมได้ไม่นานนัก
ถ้ำน้ำวังศรีธรรมโศกราช เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากมีการค้นพบวัตถุโบราณภายในถ้ำเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม และด้านในของถ้ำก็ยังมีน้ำตกอยู่ภายในอีกด้วย
เดินลุยน้ำเข้าไปด้านใน
ซึ่งวัตถุโบราณที่ค้นพบภายในถ้ำ บางส่วนถูกจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ตำบลขุนทะเล ใกล้กับศาลาตาขุนพล หรืออนุสาวรีย์หมื่นไกรพลขันธ์ (ตาขุนพล) แม่ทัพของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช โดยศาลาแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ห่างจากทางเข้าถ้ำน้ำวังศรีธรรมโศกราชมากนัก
ถ้ำแห่งนี้ มีความลึก 4,444 เมตร ซึ่งบริเวณทางเข้านั้นจะเป็นบันได้เดินขึ้นไปสู่ปากถ้ำ จากนั้นก็ต้องเดินลงสู่ภายในถ้ำ ในช่วงแรกจะมีสะพานเหล็กที่สร้างไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเข้าไปชมหินงอกหินย้อยที่สวยงามระยิบระยับเมื่อต้องแสงไฟ
หินงอกหินย้อยรูปร่างคล้ายหลักเมือง
เมื่อผ่านช่วงแรกมาแล้ว จะต้องเดินลงไปลุยน้ำ เพื่อเดินลึกเข้าไปภายในถ้ำเรื่อยๆ ซึ่งระดับน้ำนั้นมีความสูงตั้งแต่ข้อเท้า ไปจนมิดหัว ฉะนั้นผู้ที่เข้าไปเดินชมภายในถ้ำควรใส่เสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัยด้วย ส่วนเรื่องแสงสว่างภายในถ้ำนั้น ได้มีการติดตั้งไฟฟ้าในบริเวณเส้นทางการเดิน แต่บางครั้งไฟอาจไม่ติดเนื่องจากความชื้นภยในถ้ำ จึงต้องอาศัยแสงจากไฟฉายเป็นตัวช่วยเพื่อให้มองเห็นทาง
นอกจากจะเดินชมหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตาแล้ว ที่มุมหนึ่งของถ้ำ ยังมีหินงอกหินย้อยที่มีลักษณะใกล้เคียงกับศาลหลักเมืองเป็นอย่างมาก จึงเป็นที่เคารพของชาวบ้านในแถบนี้ และมีการเข้าไปกราบไหว้เคารพอยู่เสมอ
ภายในถ้ำน้ำวังศรีธรรมโศกราช
และเมื่อเดินเข้าไปจนสุดทางเดินภายในถ้ำ จะพบกับน้ำตกที่ไหลจากด้านบนลงมาภายในถ้ำ มีความสูงประมาณ 45 เมตร ซึ่งก็จะมีน้ำตกไหลแรงตลอดทั้งปี
สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าไปเยี่ยมชมภายในถ้ำ ควรติดต่อไปทางเทศบาลตำบลขุนทะเล ซึ่งเป็นผู้ดูแลพื้นที่ เนื่องจากการเข้าชมถ้ำนั้นจะต้องผู้นำทาง และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล เพราะบางบริเวณในถ้ำจะไม่มีแสงสว่าง และบางจุดน้ำลึกเกิน 2 เมตร
แม้ว่าการเดินสำรวจภายในถ้ำจะมีระยะทางมากกว่า 4 กิโลเมตร และต้องใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมงขึ้นไป แต่ความสวยงามที่ปรากฏให้เห็น และความน่าอัศจรรย์ของธรรมชาติที่สร้างสรรค์หินงอกหินย้อยรูปร่างต่างๆ ขึ้นมานั้น ก็ทำให้การเดินไม่เหนื่อยอย่างที่คิด อีกทั้งอากาศภายในถ้ำก็ยังเย็นสบาย อากาศถ่ายเทสะดวก และน้ำในถ้ำก็เย็นใสจนมองเห็นปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ ทั้งหมดนี้ทำให้การเยี่ยมชมถ้ำน้ำวังศรีธรรมโศกราชเป็นที่ประทับใจอย่างยิ่ง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ถ้ำน้ำวังศรีธรรมโศกราช ตั้งอยู่ใน ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช หากสนใจเข้าชมภายในถ้ำ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่ เทศบาลตำบลขุนทะเล โทร. 0-7537-4842 * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
//manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000010275
โดย: Kavanich96 28 มกราคม 2557 3:41:11 น.