bloggang.com mainmenu search


ขอนำเรื่องราวที่เคยเล่าถึงแม่เมื่อ 2 ปีก่อน 
มาลงไว้ตรงนี้อีกครั้ง



คิดถึงแม่จัง... หลาย ๆ คนอาจจะไม่มีแม่ให้กอดแล้ว แต่แม่ก็ยังคงในความ

ทรงจำของลูกๆทุกคนอยู่เสมอโชคดีที่เรายังมีแม่อยู่ ถึงแม้ว่าตอนนี้ แม่จะไม่ได้อยู่

กับเราก็ตาม พวกลูกๆก็อยู่ไกลกัน คนละทิศละทาง นานๆ พวกเราจึงจะไปหาแม่

กันสักที ตอนนี้แม่อยู่กับพี่ชายของเราที่ภูเก็ตเวลาเราพูดกับแม่ เราจะแทนตัวเอง

ว่าน้อง แม้เดี๋ยวนี้ก็เถอะ ก็ยังใช้คำนี้อยู่ตอนเด็กๆ แม่เคยล้อเราว่า ถ้าเราเป็นน้อง

 ก็ต้องเป็นน้าของพวกพี่ๆ น่ะซิเพราะเป็นน้องของแม่



พวกเรามีกันอยู่ ด้วยกัน 5คนพี่น้อง บ้านของเราไม่ได้ร่ำรวยอะไร มีฐานะปาน

กลาง มีพ่อทำงานคนเดียวส่วนแม่ก็ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อ ด้วยการรับจ้างตัด

เย็บเสื้อผ้าเอาเงินมาใช้จ่ายในบ้าน เป็นค่าขนมของลูกๆ บ้าง แม่ของเราทำ

อาหารเก่งมากนับว่าเป็นพรสวรรค์ติดตัวมา ไม่ว่าแม่จะไปทานอาหารที่ไหน หรือ

ใครเอาอะไรมาให้ทาน พอแม่ชิมปุ๊บแม่จะรู้ทันทีว่าเค้าใส่อะไรมาบ้าง แล้วก็อีก

ไม่นาน พวกเราก็จะได้ทานของอร่อยๆที่แม่ทำ รสชาติไม่มีผิดเพี้ยน แถมยัง

อร่อยกว่าอีกด้วย จำได้ว่าอาหารที่พวกเราได้ทานกันเป็นประจำคือ แกงจืดไข่น้ำ

 แล้วก็หมูเค็มเป็นอาหารประจำของพวกเราตอนเด็ก ๆ แม่ชอบทำขนมเค้กด้วย

 พวกเราเป็นคาทอลิค ดังนั้นช่วงเทศกาลคริสต์มาส แม่จะทำขนมเค้กให้พ่อไป

แจกในที่ทำงาน แจกเพื่อนบ้านแล้วก็เตรียมสำหรับจัดงานเลี้ยงคริสต์มาสที่บ้าน

ด้วย สมัยก่อนไม่มีเตาอบแต่แม่ก็ทำขนมเค้กจากเตาอั้งโล่นี่แหล่ะ เอาแป้งขนม

เค้กใส่ถาดทำขนมใส่ไปในหม้อข้าว ซึ่งเมื่อก่อนเราหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ ตั้งเตา

 แล้วบนฝาหม้อข้าวก็เอาถ่านติดไฟวางเอาไว้ มันทำให้ขนมสุกทั้งด้านล่างและ

ด้านบนที่ชอบที่สุดก็เห็นจะเป็นเค้กชอคโกแลต เพราะว่าแม่ทำอาหารอร่อย เวลา

ที่โบสถ์มีงานก็มักจะมาขอให้แม่ทำอาหารไปเลี้ยงคนที่มาร่วมงาน จนใครๆ ก็

ติดใจในรสชาติกันเป็นแถวๆไม่ว่าจะเป็นแกงมัสมั่น สตูว์ลิ้นวัว กระเพาะปลา หรือ

ว่าหมี่กรอบทุกครั้งที่มีงานก็จะมีเมนูอาหารเหล่านี้ของแม่ร่วมด้วยทุกครั้ง



พอเราย้ายจากบ้านตรอกจันทร์มาอยู่แถวรามคำแหงพ่อก็เปิดร้านขายของชำ

เล็กๆ อยู่ที่บ้านด้วย ตอนนั้นพ่อเกษียนแล้วแต่พวกเราบางคนยังเรียนหนังสืออยู่

 แม่ก็เลยทำก๋วยเตี๋ยวขาย แรกๆก็ยังไม่ค่อยมีคนมาทานเท่าไหร่ พอหลัง ๆ ลูกค้า

เริ่มเยอะขึ้น บอกต่อๆ กันไปขายดิบขายดี แต่ก็เหนื่อย ยืนตั้งแต่ 9 โมงเช้า เพื่อ

เตรียมข้าวของกว่าจะได้นั่งพักเมื่อลูกค้าหมด ก็บ่ายสามโมงแล้ว เวลาวันหยุด

พวกเราก็ช่วยแม่เป็นพนักงานเสริฟล้างจาน ซึ่งส่วนมากเวลาวันหยุดคนจะเยอะ



 แม่เป็นคนใจดี ถ้าเป็นคนรู้จักมาซื้อแม่จะให้ซะเต็มชามเลย เรียกว่า ถ้าเอา

กะละมังมาใส่แม่ก็คงจะให้เต็มกะละมังเหมือนกัน ถ้าเป็นเด็กผู้ชายมาซื้อแม่รู้ว่า

เด็กผู้ชายกินจุ ชามเดียวไม่อิ่มหรอก แม่ก็ให้เค้าซะเต็มชามเหมือนกันจนลูกค้า

หลายคนบอกว่า แบบนี้จะเอากำไรที่ไหน แม่บอกว่ากำไรไม่สำคัญหรอกให้เค้า

ได้กินอิ่ม สบายใจก็พอแล้ว แล้วบางทีแม่ก็ทำอาหารอย่างอื่นเสริมมาด้วย เช่น

 ขนมจีนน้ำยา น้ำพริก ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง ขนมจีบ ขนมจีบของแม่ลูกโต ๆ

 มีแต่ใส้ล้วนๆ อร่อยจริง ๆ ค่ะ



อยู่มาไม่นานก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับครอบครัวของเราพ่อได้จากพวก

เราไปอย่างไม่วันกลับ จากไปโดยไม่มีสัญญานอะไรบอกล่วงหน้าเลยพ่อขึ้นไป

นอน แล้วก็หลับไปเลย ใครๆ ก็บอกว่าพ่อมีบุญ หลับไปอย่างสบายตอนนั้นเรา

เองเพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรี ยังไม่มีงานทำ ชีวิตของเราก็อยู่ตามอัตภาพแม่เอง

ก็ขายของไม่ค่อยไหวแล้ว เพราะมีโรคประจำตัวคือ ปวดข้อ ปวดเข่าก็เลยให้เค้า

เช่าร้าน พอเราสอบบรรจุเข้ารับราชการได้ ไปทำงานที่จังหวัดตากอาทิตย์แรกที่

ไปอยู่แล้วกลับมาบ้าน แม่ทักเลยว่า ทำไมถึงได้ผอมลงขนาดนี้แม่จ๋า..ก็มันคิดถึง

บ้าน ไม่เคยไปไหนไกลบ้านเลย แม่ก็เลยทำน้ำพริกเผาให้กระปุกใหญ่แถมทำเผื่อ

คนที่ทำงานด้วย จนพี่ๆ เค้าติดใจฝีมือแม่ ทุกครั้งที่กลับมาบ้านแม่จะทำแกงส้ม

กับต้มข่าไก่ ของโปรดให้เราทุกครั้ง กินยังไงๆ ก็ไม่เคยเบื่อเลย

การรับราชการ การโยกย้ายเป็นเรื่องธรรมดาเราก็ย้ายไปโน่นมานี่อยู่หลายจังหวัด

 จนกระทั่งเราแต่งงาน มีครอบครัว มีลูกแม่ก็ยังตามมาช่วยเลี้ยงหลานในทุก

จังหวัดที่เราย้ายไป ช่วยเลี้ยงหลานจนโต



ชีวิตของแม่ต้องเจอกับความทุกข์โศกอีกหลายครั้งนับตั้งแต่พ่อจากไปครั้งแรก

เมื่อพี่ชายคนโต ป่วยและจากไป ขณะที่แม่เป็นคนเฝ้าดูแลอยู่ แม่ร้องไห้บอกว่า

 ทำไมไม่เอาแม่ไป ทำไมต้องให้แม่ไปงานศพของลูกตัวเองด้วยมันเป็นความ

ทุกข์อย่างใหญ่หลวงของผู้เป็นแม่ และอีกครั้ง...เมื่อพี่ชายคนที่สามจากไปอีกคน

 แม่เป็นคนรับโทรศัพท์จาก สน.มักกะสัน ตำรวจโทรมาบอกว่า คุณ...ได้เสียชีวิต

 ตอนนี้ศพอยู่ที รพ.รามาธิบดี รอการชันสูตร วันนั้น เราอยู่บนบ้านได้ยินแม่ร้อง

ลั่น ตะโกนเรียกเรา ให้พาแม่ไปโรงพัก วันรุ่งขึ้นเราไปรับศพที่ รพ.หมอบอกว่า

 หัวใจวายเฉียบพลัน แม่...ต้องมางานศพของลูกตัวเองอีกครั้ง



พอพี่ชายคนนี้ไม่อยู่ เพราะปกติเค้าจะอยู่กับแม่ที่บ้านเวลาเราต้องไปราชการต่าง

จังหวัด ก็ได้อาศัยพี่คนนี้ช่วยดูแลแม่และหลานแม่จึงอยู่บ้านกับเรา และหลาน

สาว สามคน ช่วงนี้แม่เริ่มเจ็บป่วย ก็เป็นโรคของคนแก่ต้องไปหาหมอตามนัดอยู่

เป็นประจำ จนกระทั่งเราสอบได้เป็นชำนาญการพิเศษคงจะต้องรอเรียกบรรจุว่า

จะได้ไปลงที่จังหวัดไหน



แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีก อยู่ๆ แม่ก็เดิน

ไม่ได้เจ็บปวดไปหมดทั้งตัว เราพาแม่ไปหาหมอ ทั้งตรวจ ทั้งเอ็กซเรย์ ก็หา

สาเหตุไม่เจอแม่ต้องนอนอยู่บนเตียง ไปไหนมาไหนไม่ได้ แม่บอกว่ามันทรมาน

มากเหมือนมีเข็มสักพันเล่มมาทิ่มตามตัวของแม่ พลิกตัวก็เจ็บไปหมดเราจึงโทร

บอกพี่สาวคนโตซึ่งอยู่เชียงใหม่ ถึงสถานการณ์ในบ้าน ตอนนี้พี่ใหญ่ก็รีบลงมา

จากเชียงใหม่ทันที ความที่เค้าไม่มีลูก ไม่มีภาระเค้าจึงปลีกตัวมาช่วยดูแลแม่ได้

 เราสองคนตัดสินใจพาแม่ไป รพ.อีกครั้ง คราวนี้ไม่ไป รพ.รัฐ ไป รพ.ใกล้ๆ บ้าน

 เพราะยังไงเราก็ยังแว่บไปแว่บมา มาดูแลแม่ได้แม่นอนอยู่ รพ.เกือบเดือน หมอ

เองก็หาสาเหตุไม่ได้ แรกๆบอกว่าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ไปทำ

กายภาพ อาการก็ยังไม่ดีขึ้นเราสองคนพี่น้อง จึงปรึกษากันว่า เอาแม่กลับมาอยู่

บ้านดีกว่า อยู่ รพ.มีแต่โรคคนข้างเตียงก็ตายไป แม่ยิ่งไม่อยากอยู่ใหญ่

พอแม่กลับมาบ้านเราก็ไปซื้อเตียงคนป่วยมาให้แม่ได้นอน อาบน้ำ ขับถ่าย ก็บน

เตียงนี่แหล่ะเราสองคนพี่น้องช่วยกันดูแลแม่ทั้งหมด พี่สาวก็ให้แม่ออกกำลังกาย

 ทำกายภาพบำบัดตามที่หมอแนะนำ แต่บางทีแม่ก็ดื้อ แม่ไม่ยอมทำ พวกเราสอง

คนก็ร้องไห้บอกว่าแม่ไม่อยากหายเหรอ แม่อยากนอนแบบนี้ตลอดไปหรือ หมอบ

อกว่าอาการแบบนี้จะหายก็ด้วยการทำกายภาพบำบัด อีกอย่างแม่เป็นโรคเบา

หวานด้วยคนที่ต้องดูแลผู้สูงอายุขอให้เอาใจใส่เรื่องนี้เป็นพิเศษ หากน้ำตาลใน

เลือดสูงเหงื่อจะออกท่วมตัว ร้อนไปหมด แต่ยังไม่ค่อยอันตรายเท่าใด เพราะคน

ป่วยจะรู้สึกตัวยังพูดกันรู้เรื่อง แต่ถ้าน้ำตาลในเลือดต่ำ คนป่วยจะช๊อก ไม่รู้สึกตัว

 แม่เป็นแบบนี้บ่อย บางทีไม่รู้สึกตัว ต้องเอาสลิ๊งดูดน้ำหวานแล้วก็กรอกปากแม่

 ต้องงัดปาก เพราะแม่ไม่ยอมเปิดปาก แล้วอีกอย่างทีกลัว คือกลัวแม่จะกัดลิ้นตัว

เองมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราทำแบบนี้จนแม่รู้สึกตัวแล้ว แม่บอกว่า แม่คิดในใจว่า

 พยาบาลสองคนนี่เก่งจัง ตัวก็เล็กๆ ทั้งลาก ทั้งดึง แม่ซึ่งตัวใหญ่มากได้เราก็เลย

บอกว่า พยาบาลที่ไหนกัน หนูสองคนนี่แหล่ะแม่ เลยหัวเราะกันใหญ่



จนกระทั่งกระทรวงแต่งตั้งให้เรามาดำรงตำแหน่งระดับชำนาญการพิเศษที่

นครนายก ตอนนั้นเรากลุ้มใจมากไม่รู้จะจัดการกับชีวิตของตัวเองอย่างไร แม่ก็

ป่วย ลูกก็เพิ่งจะอยู่ ม.สามีก็อยู่ไกล ถึงยะลาโน่น เราจะทำอย่างไรดี ตอนแรกที่

สอบได้ บอกพี่ใหญ่พี่ใหญ่บอกว่า ให้คิดเอาเอง ให้เลือกเอาว่าจะเอาแม่ หรือจะ

เอาหน้าที่การงานแต่พอรู้ว่าจะได้ไปลงที่ไหน พี่ใหญ่ก็บอกว่า ไปเถอะ เค้าจะ

ดูแลแม่เองไม่ต้องเป็นห่วง นครนายกใกล้ๆ แค่นี้ ตอนแรกเราสับสนมากไม่รู้จะ

หาทางออกให้ตัวเองอย่างไร จะสละสิทธิ์ก็เสียดาย เพราะกว่าจะสอบได้ต้อง

แข่งขันกับคนหลายร้อยคน แต่แม่ก็มาป่วย พี่ใหญ่ ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่มีลูกแต่เค้าก็

มีสามี เค้าก็ต้องดูแลสามีเค้า เค้าทิ้งสามีมาอยู่ดูแลแม่หลายเดือนแล้วไม่ได้กลับ

ไปเชียงใหม่เลย เราจำได้ว่า วันที่เราจะเดินทางมานครนายก เรามาลาแม่บอกกับ

แม่ว่า ถ้าแม่ไม่หายจะลาออก เผื่อมาอยู่ดูแลแม่ ไม่อยากให้แม่เป็นอะไรมากไป

กว่านี้แม่บอกว่า ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวเดือนมกรา แม่จะเดินให้ได้ เราจะลาออก

ไม่ได้ลูกเรายังเล็ก ยังต้องเรียนหนังสือ และเหมือนปาฏิหาริย์มีจริงคงเป็นเพราะ

คุณงามความดีที่แม่เคยทำไว้พระเจ้าจึงดลบันดาลให้แม่กลับมาเดินได้อีกครั้ง

 แล้วก็เป็นช่วงเวลาที่แม่บอกกับเราไว้จริงๆ



อาการของแม่เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆแม้ว่าจะเดินไม่ได้คล่องเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ช่วย

ตัวเองได้ ไปห้องน้ำเองได้เดินไปไหนใกล้ ๆ ได้ พี่วรรษที่อยู่ภูเก็ต จึงบอกว่า ให้

แม่ไปอยู่กับเค้าเพราะที่บ้านเค้ามีแม่บ้านอยู่ ยังไงๆ แม่ก็มีคนอยู่เป็นเพื่อน ไม่

เหงาบ้านช่องก็กว้างขวาง มีที่ให้เดินออกกำลังกาย มีต้นไม้ให้ดูไม่คับแคบ

เหมือนทาวน์เฮ้าส์ที่เราอยู่กันตอนนี้แม่ก็เลยไปอยู่กับพี่วรรษจนกระทั่งทุกวันนี้



 เกือบสองปีแล้วล่ะทุกครั้งที่โทรไปหาแม่ แม่มักจะบ่นอยากกลับบ้าน อยากกลับ

มาตายที่บ้าน เราก็บอกว่ายังหรอก แม่ยังไม่ไปไหนง่ายๆ หรอก ต้องอยู่กับพวก

เราไปอีกนานแสนนานเวลาเราไปเยี่ยมแม่ที่ภูเก็ต ถ้าไปอยู่แค่ 2-3วัน แม่บอกว่า

 ไม่ต้องมาหรอก มันเปลืองค่าใช้จ่าย โทรมาหาก็พอแล้ว

ตอนนี้แม่ดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว พวกเราต่างภาวนาว่าขอให้แม่อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร

ของลูกๆ หลาน ๆ ไปอีกนานแสนนาน





พระคุณแม่นั้นใหญ่ยิ่ง สุดจักอ้างอิง

สิ่งใดเปรียบเท่าพระคุณ

แม่เรานั้นเฝ้าเกื้อหนุน และคอยค้ำจุน

ให้ลูกทำแต่กรรมดี

เมื่อลูกพบความสุขศรี แม่พลอยยินดี

ลูกนี้มิลืมพระคุณ

(กาพย์ฉบัง 16)




***แต่งเมื่อตอนเรียนหนังสือชั้นมัธยมต้น และยังคงจำได้ดี***

Create Date : 11 สิงหาคม 2553

Last Update : 13 สิงหาคม 2553 16:44:52 น.










สุขสันต์วันแม่นะคะ  
ขอให้คุณแม่ทุก ๆ คน  มีความสุขมาก ๆ 
สุขภาพร่างกายแข็งแรง
อยู่เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร ของลูกๆ หลาน ๆ 
ไปอีกนานแสนนาน








Create Date :10 สิงหาคม 2555 Last Update :10 สิงหาคม 2555 12:09:22 น. Counter : 1304 Pageviews. Comments :30