bloggang.com mainmenu search
โพสนี้เป็นการรวบรวมสูตรน้ำจิ้ม-น้ำราด-น้ำยำชนิดต่าง ๆ ของฉันที่แพร่หลายในโซเชียล
หลายสูตรโด่งดังไปทั่วโลก (ไม่ได้โอ้อวด พูดความจริง) ลองเสริชชื่อสูตรอาหารต่างๆ ดูได้
คุณจะเห็นชื่อฉัน บี๊ห์ (บ่งบ๊ง) ปรากฏมากมาย แต่ก็แปลกใจ!! เมื่อมีการแชร์ต่อ ๆ กันไป
สูตรอาหาร/ขนมต่าง ๆ กลับไม่ปรากฏชื่อเสียงเรียงนามของฉันที่เป็นเจ้าของสูตรตัวจริง!?
กลายเป็นสมบัติและเรื่องราวของผู้นำสูตรต่างๆ ของฉันไปเผยแพร่บอกต่อกันไป ซ๊ะงั้น!!
 
ฉันจึงต้องลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีด้วยการรวบรวมสูตรต่างๆ ที่เป็นของฉันโดยแท้จริง
เก็บบันทึกไว้ในบล๊อกอาหารเพื่อเป็นหลักฐานและมีที่มาที่ไปของสูตรต่าง ๆ ที่อ้างอิงได้
หากใครคิดว่าไม่ใช่ ไม่จริง ไปหาหลักฐานต่าง ๆ มาท้วงติงได้ ฉันเปิดใจยอมรับเสมอ 
 
สูตรต่าง ๆ ที่นำมารวบรวมในโพสนี้มีทั้งสูตรดั้งเดิม(ต้นตำรับ) และสูตรปรับปรุงล่าสุด
ก่อนหน้านี้ฉันได้รวบรวมสูตร "ซอสเย็นตาโฟ" ที่ผู้คนสงสัยทำไมมีหลากหลายสูตรจัง
โดยรวบรวมสูตรซอสเย็นตาโฟไว้ในโพสก่อนหน้าให้เพื่อน ๆ ได้เลือกทำกันตามชอบ

 
 
 
 
 
ติดตามเรื่องราวของฉันได้จากที่นี่
 
 
https://facebook.com/Beebih Society
 
 
Smiley
ซอสเย็นตาโฟ (สูตรปรับปรุงล่าสุด)
 ส่วนผสมและเครื่องปรุง
 1. ซอสมะเขือเทศ 200 กรัม
2. ซอพริกศรีราชา (พริกแดง) 200 กรัม
3. เต้าหู้ยี้แดง 6 ก้อน
4. น้ำตาลทราย 50 กรัม หรือน้ำตาลปีบ
5. ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ หรือ เกลือป่น 1 ช้อนชา
6. น้ำกระเทียมดอง 50 กรัม
7. เนื้อกระเทียมดอง 100 กรัม (สับละเอียด)
8. น้ำส้มสายชู 40 กรัม
9. ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ หรือ เกลือป่น 1 ช้อนชา
10. กระเทียมกลีบใหญ่ 1 หัว (สับละเอียด)
11. พริกขี้หนูแดง 10 เม็ด (ไม่กินเผ็ดตัดพริกออก)
 
วิธีทำ
 นำส่วนผสมทั้งหมดใส่รวมกันในเครื่องผสมปั่นรวมกันจนเนียนและละเอียด
แล้วนำไปตั้งไฟเคี่ยวจนน้ำซอสเดือดชิมให้ได้สามรสเปรี้ยวนำ หวาน เค็ม
(ความโดดเด่นของซอสเย็นตาโฟควรมีรสหวานนำ) ปรุงรสอื่น ๆ ตอนทาน
ชิมรสตามที่ชอบแล้วดับไฟปล่อยน้ำซอสให้เย็นตัวแล้วนำไปปรุงก๋วยเตี๋ยว

 
 
 
 
 
 
 
น้ำจิ้มสุกี้ (สูตรตำนานห้องก้นครัว)

 
 

 

ส่วนผสมน้ำจิ้มสุกี้
1. ซอสพริกขวดใหญ่ (ความเผ็ดมาก/กลาง/น้อย ตามชอบ)
2. เต้าหู้ยี้ชนิดก้อนพร้อมน้ำ 3-4 ก้อน (บดละเอียด)
3. ซอสมะเขือเทศ 1 ทัพพี
4. น้ำส้มสายชู 2 ทัพพี
5. ซีอิ้วขาว 2 ทัพพี
6. น้ำมันงา 2 ทัพพี
7. น้ำกระเทียมดอง 1-2 ทัพพี
8. น้ำตาลทราย 3 ทัพพี
9. งาขาว (คั่วให้เหลือง) มากน้อยตามชอบ
10. ผักชีไทย และผักชีฝรั่ง (มากน้อยตามชอบ)
11. พริกขี้หนูแดง (ถ้าซอสเผ็ดแล้วไม่ใส่ก็ได้)
12. กระเทียมจีนหัวใหญ่ 5-6 กลีบ
 
สิ่งที่ต้องเตรียม
โขลกหรือบดเต้าหู้ยี้ให้ละเอียด, สับกระเทียมและพริกขี้หนู,
ซอยผักชีทั้งสองชนิด, แบ่งงาขาวบางส่วนมาบดให้ละเอียด
ส่วนที่เหลือเป็นเม็ด ๆ เตรียมรอไว้ใส่ในน้ำซอสตอนสุดท้าย
 
วิธีทำ
* ส่วนผสมทั้งหมดข้างต้นในข้อ 1 - 9 ใส่ในหม้อ ยกตั้งไฟกลางแล้วรอให้เดือด
หมั่นคนน้ำซอสจากก้นหม้อขึ้นมาไม่เช่นนั้นซอสส่วนก้นหม้อจะไหม้เสียก่อน
 * ชิมให้รสเปรี้ยวนำหวาน ไม่เค็ม (ชอบหวานเติมน้ำตาล ชอบเปรี้ยวใส่น้ำส้มสายชู)
ชอบเค็มใส่ซีอิ้วขาวหรือเกลือป่น รสชาติถูกใจแล้ว ใส่น้ำมันงา ใส่งาคั่วบดลงไป
 * โรยงาเม็ดให้ทั่วแล้วดับไฟ ปล่อยซอสให้เย็นสักหน่อยแล้วใส่ผักชีทั้งสองชนิด
 * เสิร์ฟสุกี้ชาบูพร้อมน้ำจิ้ม (สูตรนี้ไม่ต้องเพิ่มพริกและกระเทียม ใส่เพิ่มทีหลังได้)
 
หมายเหตุ
* หากเก็บไว้ทานครั้งต่อไปไม่ควรใส่ผัก เพราะผักชีทำให้เก็บรักษาได้ไม่นาน
* ซอสสูตรนี้ยังรับประทานกับอาหารปิ้งย่าง หรือของทอดชนิดต่าง ๆ ได้ด้วย
* ทานไม่หมดให้นำใส่ภาชนะขวดแก้วที่ลวกน้ำร้อนฆ่าเชื้อ แล้วเก็บใส่ตู้เย็นไว้
* ควรใช้ช้อนแห้งตักจากขวดเพื่อรักษาสภาพของน้ำซอสให้อยู่ได้นานโดยไม่บูด
 
คุณบี๊ห์แนะนำให้ใส่ผักชีทั้งสองชนิด โดยเฉพาะผักชีฝรั่งที่ให้กลิ่นหอม 


 
 

 
 
น้ำจิ้มปิ้งย่างสไตล์เกาหลี 
(Kochujang Sauce)

ส่วนประกอบ
1. ซีอิ้วเกาหลี 3 1/2 ช้อนโต๊ะ (ไม่มีใส่โชหยุ Kikoman)
2. น้ำส้มสายชูหมัก 2 ช้อนโต๊ะ
3. กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
4. พริกป่นเกาหลี 2 ช้อนชา (สูตรนี้ใช้พริกเกาหลี)
5. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา (เราใส่โชหยุอย่างเดียว)
6. น้ำตาลทราย 1 + 1/2 ช้อน โต๊ะ
7. น้ำมันงาเกาหลี 1 ช้อนชา (ไม่มีน้ำมันงาเกาหลีใส่น้ำมันงาของไทย)
แต่คงต้องเลือกยี่ห้อเพราะบางยี่ห้อใส่ไปเยอะยังไม่อยากจะหอมนะคะ
8. งาขาวคั่ว 1-2 ช้อนโต๊ะ
9. ต้นหอมไทยซอยละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ หรือมากน้อยตามชอบ
 
วิธีทำ
ผสมซีอิ้วเกาหลี น้ำส้มสายชู กระเทียม พริกป่นเกาหลี เกลือป่น
น้ำตาลทรายเข้าด้วยกันในชามผสม คนให้น้ำตาลทรายละลายหมด 
ใส่น้ำมันงาเกาหลีใส่งาขาวคั่ว คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสให้กลมกล่อม 
ใส่ต้นหอมซอยลงไป เตรียมไว้เสิร์ฟพร้อมอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลี

 
 
 
 
 

 
สูตรหมักเนื้อ / หมูเกาหลี  (เนื้อย่างเกาหลี)
ส่วนประกอบ
 1. เนื้อวัว หรือ เนื้อหมู 1 กก. หรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ
2. น้ำเปล่า 6 ช้อนโต๊ะ
3. ซีอิ้วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำมันพืช (น้ำมันมะกอก) 2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
7. พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
8. กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
9. งาขาวคั่วบด 2 ช้อนโต๊ะ
10. ต้นหอม(ส่วนโคนขาวๆ) ซอยละเอียด
 
วิธีทำ
* เนื้อวัว/เนื้อหมู ล้างทำความสะอาด หั่นชิ้นขนาดปิ้งย่าง แล้วใส่ในกะละมัง 
นำส่วนผสมใส่ไป (ยกเว้นต้นหอมซอย) คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี
ซอยโคนต้นหอมตรงส่วนขาว ๆ ใส่ไป ผสมคลุกเคล้าทั้งหมดให้เข้ากันดี รอไว้
 
* ชิมรสด้วยการตั้งกระทะปิ้งย่างบนเตาแก๊สด้วยไฟอ่อน ๆ นำเนื้อหมักลงไปผัดแค่พอสุก 
ชิมรสตามชอบ ชอบเค็มเติมซีอิ้วขาว ชอบหวานเติมน้ำตาลทราย ชอบงาคั่วใส่เพิ่มไป
 
* นำเนื้อที่หมักคลุมด้วยพลาสติกใส แช่ต่อในตู้เย็นประมาณ 4 ชั่วโมง หรือหมักค้างคืน
* ก่อนนำเนื้อมาปิ้งย่างควรคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วนำไปย่างในกระทะลอน
ทานกับซอสเทอริยากิ หรือน้ำจิ้มชาบู แกล้มด้วยพริกชีฟ้าเขียว ผักสดต่างๆ ผักปิ้งย่าง

 
 
 
 
 

 
ปรุงเสร็จแล้วควรหมักต่อในตู้เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือหมักข้ามคืนก็ยิ่งดี
การหมักเนื้อข้ามคืนจะทำให้ส่วนผสมต่าง ๆ ซึมเข้าในเนื้อและมีความชุ่มฉ่ำ


 
 
 

 
จากนั้นตั้งกระทะปิ้งย่าง นำเนื้อที่หมักไว้ลงปิ้งย่างด้วยไฟกลาง ๆ 
ถ้าเป็นเนื้อวัวไม่ควรให้สุกมาก เสิร์ฟพร้อมซอสเทอริยากิ โรยต้นหอมซอย 


 
 
 
 
เทปันยากิซอส (Tepanyaki Sauce)
ส่วนประกอบ
1. น้ำสะอาด 200 กรัม
2. ปลาโอแห้ง 50 กรัม
3. ซีอิ้วญี่ปุ่น (โชหยุ) 120 กรัม
4. เหล้าหวาน (มิริน) 120 กรัม
5. น้ำตาลโอทึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ
7. ขิงแก่หั่นแว่น 4 ชิ้น
8. แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ หรือแป้งมันฮ่องกง
9. น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผสมแป้ง)
 
วิธีทำ
1. นำน้ำสะอาดใส่ในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟแรงปานกลาง รอให้น้ำเดือดใส่เนื้อปลาโอลงไป
รอให้น้ำเดือดอีกครั้งแล้วแช่เนื้อปลาโอในหม้อประมาณ 2 นาที แล้วช้อนออกทิ้งไป
จากนั้นน้ำน้ำซุปปลาโอที่ได้มาทำซอสเทอริยากิกันต่อ ตามนี้  
 
2. นำส่วนผสมทั้งหมดข้างต้นใสในหม้อน้ำซุป (ยกเว้นแป้งข้าวโพด) เปิดไฟกลาง ๆ 
เมื่อซอสเดือดใส่ขิงแก่หั่นแว่นลงไป ใส่เหล้าหวาน (มิริน) ใส่น้ำตาลทั้งสองชนิด  
(น้ำตาลปีบให้รสแบบไทย) รอให้ซอสเดือดอีกครั้งแล้วหรี่ไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนซอสเริ่มข้น
 
3. เอาแป้งข้าวโพดใส่ในถ้วย ผสมน้ำเปล่าคนผสมให้เข้ากัน ค่อยๆ รินใส่ในน้ำซอส
คนเร็ว ๆ อย่าให้แป้งจับตัวเป็นก้อน ต้องคนจากก้นหม้อขึ้นมาไม่เช่นนั้นแป้งนอนก้น
การใสแป้งเพื่อให้ซอสมีความข้นเหนียว เมื่อนำไปราดลงบนอาหารซอสจะไม่ไหลตัว
 
4. นำเนื้อสัตว์ปิ้งย่างต่าง ๆ เรียงในจาน ราดด้วยซอสเทอริยากิ ยกเสิร์ฟพร้อมผักย่าง

 
 
 

 
 
เทอริยากิซอสปรุงรสจัดจ้านแบบไทย ด้วยพริกขี้หนูซอย และกระเทียมสับ
 


 

 
 
Tepanyaki Sauce (๋Japanese Original) 
ส่วนประกอบ
1. น้ำสะอาด 1/4 ถ้วยตวง
2. ซีอิ้วญี่ปุ่น 1/2 ถ้วยตวง
3. มิริน 1/2 ถ้วยตวง
4. สาเกปรุงอาหาร 1 ช้อนชา 
5. น้ำตาลทรายสีรำ 2-3 ช้อนโต๊ะ (หรือน้ำตาลอ้อย)
6. ขิงแก่สด 3 แว่น
 
หมายเหตุ
* น้ำสะอาด (ฉันใช้น้ำซุปปลาโอต้มเดือด) 
* น้ำตาลทรายสีรำ (ฉันใส่น้ำตาลอ้อย หรือน้ำตาลโอทึ้ง)
* ปรุงเสร็จกรองด้วยกระชอนก่อนก็จะได้น้ำซุปที่ใสมาก
 
วิธีปรุง
นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ในหม้อ เปิดไฟเตาปานกลาง เมื่อส่วนผสมเดือดใส่ขิงหั่นแว่นลงไป 
ใส่เหล้าหวาน (มิริน) น้ำตาลทราย (ฉันใส่น้ำตาลสองชนิด น้ำตาลทรายแดง2ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะเพื่อให้ได้รสชาติแบบไทย) ใส่ส่วนผสมครบถ้วนแล้วเคี่ยวต่อ
เพื่อให้น้ำซอสมีความเข้มข้นควรเปิดไฟอ่อน ๆ ไม่เช่นนั้นจะเดือดล้นออกมานอกหม้อ 
ได้ซอสที่เข้มข้นแล้ว พักให้เย็น (ใช้งานไม่หมดควรบรรจุใส่ภาชนะที่ผ่านการอบฆ่าเชื้อ) 
แล้วนำเก็บเข้าตู้เย็นเพื่อให้เก็บไว้ได้นาน ควรตักน้ำซอสด้วยช้อนแห้ง ๆ เพื่อคงคุณภาพ

 
 
 
 
 
 
 
น้ำจิ้มปลาทอดทุกชนิด
ส่วนประกอบ
1. พริกจินดาแดง 10 กรัม
2. พริกจินดาเขียว 10 กรัม
3. กระเทียมกลีบเล็ก 20 กลีบ
4. น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำส้มสายชู 1/4 ถ้วยตวง 
7. เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ 
 
วิธีทำ
* ปอกกระเทียม ล้างให้สะอาด พักไว้
*  พริกขี้หนูสด เด็ดขั้ว ล้างให้สะอาด พักไว้
* นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ในครกหรือใส่ในโถปั่นน้ำผลไม้ เลือกความแรงในการปั่น
(ปั่นละเอียดหรือปั่นหยาม เลือกค่าตามชอบ) แล้วชิมรส ชอบรสใดใส่เพิ่มลงไป 
ชอบเผ็ดเพิ่มพริก ชอบเปรี้ยวเติมน้ำส้มสายชู (สูตรจิ้มปลาแบบไม่ใส่น้ำมะนาว)

 

 
 
 
 
 
น้ำยำรสแซ่บ (น้ำยำเอนกประสงค์)
ส่วนประกอบ
1. พริกจินดาเขียว 40 กรัม (ชอบเผ็ดใส่พริกเขียวเพิ่ม)
2. พริกจินดาแดง 40 กรัม
3. กระเทียมจีน 10 กลีบ
4. น้ำตาลทราย 100 กรัม
5. น้ำตาลปีบ 30 กรัม
6. น้ำส้มสายชู 100 กรัม
7. น้ำมะนาว 60 กรัม
8. เกลือป่น 50 กรัม
9. น้ำเปล่า 100 กรัม
 
สิ่งที่ต้องเตรียม
* พริกจินดาเขียวและแดง เด็ดขั้ว ล้างให้สะอาด ใส่ในกระชอน พักรอไว้
* กระเทียมจีน ปอกเปลือก ล้างทำความสะอาด พักไว้
* มะนาว ล้างเปลือกให้สะอาด ฝานแล้วบีบน้ำ อย่าบีบจนหมดจะทำให้มีรสขม 
 
วิธีทำ
* นำน้ำเปล่า น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย น้ำตาลปีบ เกลือป่นใส่ในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลาง 
หมั่นคนให้น้ำตาลทั้งสองชนิดละลาย เมื่อเดือดแล้วปิดไฟ พักส่วนนี้ให้เย็น
 
* น้ำพริกทั้งสองชนิดและกระเทียมใส่ในโถปั่นน้ำผลไม้ เทส่วนน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ลงไป
ปั่นแค่พอหยาบ(ชอบพริกแบบละเอียดก็ต้องเพิ่มเวลาโขลก หรือปั่นอีกนิดให้ละเอียด) 
 
* เทน้ำมะนาวที่คั้นไว้ลงไป คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสอีกครั้ง ชอบเปรี้ยวเติมน้ำส้มสายชู
หรือใส่น้ำมะนาวชอบหวานเพิ่มน้ำตาลทราย สูตรนี้มีรสเปรี้ยวนำ (ไม่ควรให้มีรสเค็ม)
 
หมายเหตุ
* หลังจากใช้งานแล้วเก็บน้ำยำใส่ในขวดแก้ว นำเข้าตู้เย็นยืดอายุได้อีกยาวนาน 
เมื่อจะใช้งานให้เทออกมาแล้วเก็บกลับเข้าตู้เย็นตามเดิม ห้ามตั้งไว้ข้างนอก 
 
* น้ำยำสูตรนี้เมื่อนำไปปรุงรสในเมนูยำต่างๆ ยังใช้จิ้มของทอดต่าง ๆ เช่น ปลาทอด 
ปลาลวก น้ำจิ้มอาหารทะเล เมนูอบ อาหารปิ้งย่าง เป็นน้ำจิ้มเมี่ยงปลาเผา หรือ 
เมี่ยงปลาทูได้อีกด้วย เป็นน้ำยำสารพัดนึก น้ำยำเอนกประสงค์จริง ๆ 

 

 
 

 
 
น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเจ็บ
ส่วนประกอบ
1. พริกจินดาเขียว 10 เม็ด
2. พริกจินดาแดง 5 เม็ด
3. กระเทียมไทย 10 กลีบ
4. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
5. เกลือทะเล 1/2 ช้อนชา
6. น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ
 
 
วิธีทำ
นำพริกทั้งสองสีมาสับหยาบกระเทียมไทยสับหยาบ แล้วใส่ในชามผสม 
ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปีบ ใส่น้ำตาลทราย เติมน้ำต้มสุก 
คนผสมให้น้ำตาลทั้งสองชนิดละลายเข้ากัน ชิมรส ชอบรสใดใส่เพิ่มไป

 
 
 

 
 
 
 
น้ำจิ้มเมี่ยงปลาเผา
ส่วนประกอบ
1. พริกขี้หนูเขียว 15 เม็ด
2. กระเทียมไทย 20 กลีบ
3. น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำปลา 6 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำต้มสุก 3 ช้อนโต๊ะ
8. ผักชีไทย 1/4 ถ้วย
9. ใบโหระพา 1/2 ถ้วย
 
วิธีทำ
 นำพริกขี้หนูกระเทียม น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู น้ำต้มสุก น้ำตาลทราย
ผักชีใบโหระพา ใส่ในโถผสมปั่นรวมกันแค่พอหยาบ ชิมรสตามชอบ
(ถ้าน้ำจิ้มข้นเกินไปใส่เพิ่มน้ำต้มสุก) เสิร์ฟน้ำจิ้มพร้อมกับปลาเผา
รับประทานร่วมกับผักสด หรือผักลวก ผักนึ่งชนิดต่าง ๆ ตามที่ชอบ 
 

 
 
 
 
 
 
น้ำพริกสะระแหน่ (น้ำจิ้มข้าวหมก) สูตรประจำตระกูล
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
1. กระเทียมกลีบเล็ก 20 กลีบ
2. พริกชี้ฟ้าเขียว 3 เม็ด
3. พริกขี้หนูเขียว 10 เม็ด
4. ผักชีไทย 1/2 ถ้วย
5. ใบสะระแหน่ 1/2 ถ้วย
6. น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำส้มสายชู 4 ช้อนโต๊ะ
8. เกลือป่น 1 ช้อนชา
9. นมเปรี้ยว 2 ช้อนโต๊ะ (ไม่ชอบตัดออก)
 
วิธีทำ
เอาหม้อตั้งเตาใส่น้ำส้มสายชู และน้ำตาลทรายลงไปเคี้ยว พักไว้ให้เย็น
นำส่วนผสมทั้งหมดในข้อ 1-5 ใส่ไปในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ แล้วปั่นให้ละเอียด
เทส่วนผสมที่ปั่นแล้วใสไปในหม้อน้ำเชื่อมที่พักไว้ใส่เกลือ ชิมรสออกเปรี้ยว ๆ
เปรี้ยวนำหวานตาม (น้ำจิ้มสูตรนี้ทานร่วมกับก๋วยเตี๋ยวลุยสวน เมี่ยงต่างๆ ก็ได้)
 
 
 
 
 
 
 
 
น้ำจิ้มเมี่ยงปลาทู (สูตรโบราณประจำตระกูล)
น้ำจิ้มเมี่ยงปลาทูสูตรนี้เป็นของบ้านเรา ทานกันแบบนี้
สมัยก่อนไม่มีน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บแบบที่นิยมในสมัยนี้
 
ส่วนประกอบ
* น้ำตาลปีบ 4 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
* น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะขามเปียกคั้นข้น 1-2 ช้อนโต๊ะ  
* พริกขี้หนูเม็ดเล็ก หรือพริกจินดาเขียว-แดง ซอยละเอียด
 
หมายเหตุ น้ำจิ้มสูตรนี้ต้องเป็นแบบทำไปชิมไป เนื่องจากส่วนผสมที่ใส่ 
น้ำปลาแต่ละยี่ห้อความเค็มไม่เท่ากันความเปรี้ยวขึ้นอยู่กับมะขามเปียก 
มะขามใหม่-มะขามเก่ามีความเปรี้ยวและหวานในตัว จึงควรทำไปชิมไป
 
วิธีทำ
นำส่วนผสมข้างต้น (ยกเว้นพริกขี้หนู) ใส่ในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลาง เคี่ยวให้เดือด
น้ำจิ้มชนิดนี้ต้องมีความข้นนิดหน่อย ถ้าชอบข้นมากกว่านี้ต้องเคี่ยวนานอีกนิด 
แต่ถ้าไม่ชอบข้นใส่เพิ่มน้ำเปล่า เมื่อเคี่ยวจนข้นได้ที่แล้ว ชิมรสให้มีรสหวานนำ
เปรี้ยวตาม เค็มติดปลายลิ้น ชอบเปรี้ยวกว่านี้ก็เพิ่มน้ำมะขามเปียกลงไป 
เสร็จแล้วพักให้เย็นแล้วค่อยซอยพริกขี้หนูใส่ไป ถ้าใส่พริกขณะที่น้ำจิ้มยังร้อนจัด
พริกจะสุกและเหี่ยว มีกลิ่นโอ่ กลิ่นไม่หอมสดชื่น ตอนทานจะไม่อร่อยนะคะ
 
 
 
 
 
 
 
 
น้ำจิ้มเมี่ยงสมุนไพร (สูตรกะทิ)
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
* กะทิ 4 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาลปีบ 5 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
* น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ (ชนิดปรุงอาหาร)
* กุ้งแห้งโขลกละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
* ถั่วลิสงคั่วบด 2 ช้อนโต๊ะ
* พริกขี้หนูซอย 1 ช้อนโต๊ะ
 
หมายเหตุ - สูตรนี้ไม่ใส่ข่าและกะปิ ถ้าชอบกลิ่นหอมของข่าใส่เพิ่มได้
 
วิธีทำ
นำน้ำตาลปีบ, น้ำตาลทราย, น้ำปลา, น้ำมะขามเปียก, น้ำเปล่าใส่ในหม้อ 
ยกขึ้นตั้งไฟกลาง รอให้ส่วนผสมเดือดแล้วลดไฟลงอ่อน ๆ เคี่ยวต่ออีกสักหน่อย
เพื่อให้ส่วนผสมเหนียวข้น ชิมให้มีรสหวานนำ เมื่อเห็นว่าข้นดีแล้วก็เทกะทิใส่ลงไป 
ใส่น้ำพริกเผา(ตักเอาแต่เนื้อๆ ไม่เอาส่วนน้ำมัน) คนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี 
ชิมรสอีกครั้ง ได้รสชาติถูกใจแล้ว ปิดเตาได้ เป็นอันเสร็จส่วนน้ำจิ้มเมี่ยง
 

 
 
 
 
 
 
น้ำจิ้มถั่วตัด (น้ำจิ้มหอยแครง)
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
1. พริกขี้หนูสวน 20 เม็ด (หรือพริกชี้ฟ้าเหลือง)
2. กระเทียมไทย 10 กลีบ
3. ถั่วตัด 50 กรัม
4. น้ำตาลปีบ 1-2 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
7. เกลือ 1 ช้อนชา
8. น้ำต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
 
วิธีทำ
 นำพริกขี้หนู กระเทียม เกลือป่นใส่ในครก โขลกรวมกันให้ละเอียด
ใส่ถั่วตัดลงไปโขลกรวมกัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปีบ น้ำส้มสายชู หรือน้ำมะนาว
ใส่น้ำต้มสุกลงไปแล้วคนผสมให้เข้ากันดี ชิมให้มีสามรส เปรี้ยว-เผ็ด-เค็ม
ก่อนเสิร์ฟซอยผักชีโรยหน้า ยกเสิร์ฟพร้อมหอยแครงหรือปลาหมึกย่าง
 
 
 
 
 
 
 
ก่อนจะอำลา บี๊ห์ขอฝากตำราอาหารเล่มแรกในชีวิตให้เพื่อน ๆ ช่วยอุดหนุนด้วยนะคะ 
มิตรรักแฟนคลับจำนวนมากแจ้งมาให้ทราบตลอดว่าได้ซื้อหามาเป็นสมบัติคู่ครัวแล้ว 
ไม่คาดคิดว่าจะได้รับการตอบรับที่อบอุ่นจากแฟนคลับขนาดนี้ ปลื้มปิติเป็นอย่างมาก
 
แฟนคลับหลายท่านน่ารักมากคะ แจ้งมาว่าต้องดั้นด้นไปหาซื้อตำราเล่มนี้ตามที่ต่าง ๆ 
ช่วงแรกอาจจะหาซื้อยากสักนิดเพราะตัวแทนจัดจำหน่ายกระจายหนังสือไปที่ต่างๆ ล่าช้า
ช่วงนี้หาซื้อได้ไม่ยากแล้ว แต่ปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับสถานที่และผู้บริโภคแต่ละจังหวัด


 
 
 

 
หากเพื่อน ๆ อยากลองทำสูตรต่าง ๆ ในตำราอาหารเล่มนี้แล้วเกิดความไม่แน่ใจ
สงสัยในสูตรนั้น ๆ น่าจะพิมพ์ผิด ปริมาณการชั่งตวงผิดไป สอบถามกันมาได้นะคะ
ติดต่อสอบถามพี่บี๊ได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจ โดย inbox คำถามเกี่ยวกับสูตรต่าง ๆ 
จากนั้นบี๊จะรีบมาตอบและไขข้อข้องใจต่าง ๆ เกี่ยวกับสูตรนั้น ๆ โดยเร็วที่สุด 
 
 
FB fanpage คลิกลิงค์นี้   BeebihSociety
 
ขอบพระคุณทุกท่านที่ได้อุดหนุนตำราอาหารไทยเล่มแรกของพี่บีบี๊ห์(บ่งบ๊ง)
ขอสารภาพว่า ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ขลุกตัวเองอยู่กับตำราอาหารเล่มนี้
อุปสรรคมากมาย บอกได้เลยว่าช่วงแรกแทบถอดใจ ที่สุดแล้วก็ผ่านไปด้วยดี
ขอบพระคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณน้อง ๆ ทีมงานที่ดูแลกันเป็นอย่างดีมาตลอด
เป็นสุขใจมากได้ทำในสิ่งที่รัก ใส่ใจลงไปในทุกขั้นตอน บอกได้คะว่าทำด้วยใจ
 
และเมื่อตำราออกวางแผงหนังสือได้รับคำชมอย่างมากในเรื่องของรูปเล่มที่ดูดี
พิมพ์ด้วยกระดาษอย่างดี พิมพ์สี่สี สีสันสวยงาม ราคามิตารภาพ เพียง 199 บาท
มิตรรักแฟนคลับที่สนใจตำราอาหารด้านล่าง อยากซื้อเก็บไว้เป็นคู่มือประจำตัว 
ซื้อได้ที่ร้านซีเอ็ดบุ๊ค ร้านนายอินทร์, B2S ร้านหนังสือตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ  

 
 
 
Create Date :24 กรกฎาคม 2559 Last Update :27 สิงหาคม 2565 14:46:01 น. Counter : 107182 Pageviews. Comments :21