bloggang.com mainmenu search



"จักรีนฤบดินทร์ นวมินทราชา" ศิลปิน อดิศักดิ์ พานิชกุล
สีน้ำมันบนผ้าใบ ๑๒o x ๙o​ ซม.
จาก บล็อกนิทรรศการศิลปกรรมช้างเผือก ๒



‪Thailand Celebrates King Bhumibol's 85th Birthday on Dec 5, 2012‬









เหลืองอร่ามงาม​ทั้ง​แผ่นดิน


งาม​แดด​เช้าสีทองทอส่องฟ้า
พลัน​แหล่งหล้า​เหลืองอร่ามงามด้วยฝัน
​เหลือง​จึง​เป็นสัญลักษณ์ "​ความหวัง" นั้น
​และ​เป็นสี​แห่งวันจันทร์​เริ่มพรรณราย


​เมื่อสม​เด็จพระสัมมาสัมพุทธ​เจ้า
ทรงปลุก​เร้าสัจธรรมนำ​เฉิดฉาย
ดุจ​ความหวัง​แดดสีทองผ่อง​เพริศพราย
พุทธธรรมนำ​เหลืองรายอร่าม​เรือง


พุทธศาสน์พิลาสส่งธำรงสยาม
จารึกนามสุวรรณภูมิ​เปล่งปูม​เหลือง
​เป็นบุญ​ไทยสยามินทร์ปิ่นประ​เทือง
องค์​เทพ​เยื้องปฐพีศรีวันจันทร์


ศุภฤกษ์​เบิกวันจันทร์ราชสมภพ
ถ้วน​ทำนบ​เสื้อสี​เหลือง​เรือง​เฉิดฉัน
​เพี้ยงพิสุทธิ์ พุทธรักษา*มาลัยวัลย์
พร้อม​เพรียงพรรณ ราชพฤกษ์**สำนึก​ไทย


หกสิบหกปีทอง "ครอง​โดยธรรม
​เพื่อนำสุขสู่ประชาสยาม"สมัย
ปลูก "​เศรษฐกิจพอ​เพียง"หลีก​เสี่ยงภัย
"​เกษตรกรรม​แนว​ใหม่" พ้นภัยพิษ


​แปดสิบห้า​เฉลิมพระชนม์มงคลสมัย
ทุกนาทีนิมิต​ไทย​ไกลวิกฤติ
พระ​เส​โทอาบองค์พระทรงฤทธิ์
​เพื่อพิชิต​ไทยยากจนพ้นพิษภัย


กว่าสี่พัน​โครง​การพระราชดำริ
ทรง​เริ่มริ-ปรับ-​แปลง-​แต่ง-​แก้​ไข
รู้-ทดลอง-ตรองตริ-วิ​เคราะห์-วิจัย
​ทั้งสอน​ไทย​ไกลสิ้น​เสี่ยงด้วย "​เพียงพอ"


ถ้าคน​ไทย​ใช้ชีพงามตาม​แนวพุทธ
มีวิมุตติด้วยสายกลางสร้างสรรค์ก่อ
​ไม่​โลภ​โม​โทสันกัน "​เกินพอ"
​ไทยคงทอทองอร่ามงาม​เยือก​เย็น


ว​โรกาสมิ่งมงคล​แห่งล้น​เกล้าฯ
​ไทยทุก​เหล่าควรระงับดับทุกข์​เข็ญ
​เพื่อทวย​ไทย​ไกลยากจนพ้นลำ​เค็ญ
พร้อมบำ​เพ็ญสมานฉันท์สามัคคี


​เลิกก่อร้ายรายวันกัน​เสีย​เถิด
​เลิกระ​เบิด​ทำร้ายชาติสร้างสุขศรี
ถวาย​เป็นพระกุศลดลราชพลี
​ทำ​ความดี​เพื่อชาติ-ราช-ประชา


อย่า​เพียงสวม​เหลืองฉาย​เพียง "ภายนอก"
ชาติช้ำชอก "ภาย​ใน" ร้ายยิ่งกว่า
อธิษฐานนับ​แต่นี้พลีบูชา
​ไทยต้องกล้า "​เหลือง​ความหวัง" ​ทั้ง​แผ่นดิน!!!


ปรง ​เจ้าพระยา ร้อยกรองถวาย
จากคอลัมน์ "เจ้าพระยาพาที" นสพ.ไทยโพสต์ ๙ ธ.ค. ๒๕๕๕


หมายเหตุ : *พุทธรักษา-ดอก​ไม้ประจำวันจันทร์
**ราชพฤกษ์-ดอก​ไม้สัญลักษณ์ประจำชาติ​ไทย

















ขออนุญาตเปลี่ยนใจ พักบล็อกภาคจบไว้ก่อน ขอฉลองวันเกิดด้วยเรื่องอันซาบซึ้งใจ ปลื้มปิติจากวันที่ ๕ ที่ผ่านมาก่อน ครั้งแรกที่ได้ข่าวว่าวันเฉลิมฯ ปีนี้ในหลวงจะเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม รู้สึกดีใจมาก ๆ ตั้งใจเลยว่าต้องไปเฝ้าชมพระบารมีให้ได้ เป็นครั้งแรกที่จะไปเลยรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ตอนเช้าออกจากบ้านช้าไปหน่อย ประมาณตีห้ากว่า ๆ แต่โชคดีที่มีคนจองที่ไว้ให้ พอลงรถตรงวัดเบญจฯ เห็นคนใส่เสื้อสีเหลืองไม่รู้ว่ามาจากไหนมากมายจนแน่นถนนไปหมด ต่างบ่ายหน้าเดินไปที่ลานพระรูป


เราได้ที่นั่งตรงหน้าประตูขวา แต่ก็อยู่แถวหลัง ๆ เลยมองอะไรไม่ค่อยชัด เห็นมีทีวีอยู่ใกล้ ๆ ก็เบาใจว่าน่าจะเห็นพระราชพิธีได้ชัด แต่คนแห่แหนกันมามาก บังทีวีเป็นระยะ ๆ พอทีวีถ่ายให้เห็นภาพทะเลสีเหลืองมืดฟ้ามัวดิน คนเต็มลานพระรูปยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา ไม่ผิดกับปี ๒๕๔๙ รู้สึกขนลุก ดีใจเป็นที่สุด และดูเหมือนคนจะมากันมากกว่า เพราะมีคนเฝ้ารอรับเสด็จฯ และชมพระบารมีเต็มแน่นสองข้างถนน ตั้งแต่โรงพยาบาลศิริราชเรื่อยมาไม่ขาดสาย แล้วปีนี้ผิดจากที่เคยมา มีคนออกมากางเต้นท์จองที่ตั้งแต่วันที่ ๓ -​ ๔ แล้ว รู้สึกว่าที่ลานพระรูปก็คนเต็มตั้งแต่เที่ยงคืนตีหนึ่งได้มั้ง น่าดีใจจริง ๆ ค่ะ


ที่จริงก็รู้อยู่ว่าคงจะไม่ได้เห็นในหลวงแบบชัด ๆ หรอก แต่อยากไปเฝ้าชมพระบารมีด้วยตัวเองสักครั้ง และคิดเหมือนคุณยายที่คำพูดของท่านกลายเป็น "talk of the town" ไปแล้ว..."ยายไม่ได้มาดูในหลวงหรอก แต่ยายมาให้ในหลวงดู ว่ามีคนรักท่านมากมายขนาดไหน..." หลายปีมานี้มีการจาบจ้วงสถาบันกันมากมาย ทำกันเป็นขบวนการแบบเปิดหน้าชก โดยที่ภาครัฐก็ดูดายไม่จัดการอะไร ในหลวงทรงทำความดีและทรงเสียสละเพื่อพสกนิกรมาตลอด แต่มีคนคอยให้ร้าย ใส่ไคล้แบบหนักหน่วง ซึ่งพระองค์ท่านไม่ทรงตอบโต้หรือจะฟ้องร้องอะไรก็ไม่ได้ เราอยากจะไปเพื่อเป็นหนึ่งในคนไทยที่ถวายกำลังใจ ให้ในหลวงทรงเห็นและบอกให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า "คนไทยรักและเทิดทูนในหลวงที่สุด "


พอเห็นในหลวงเสด็จออกมาแล้ว รู้สึกตื้นตัน น้ำตาไหลแบบกลั้นไม่อยู่จริง ๆ เราและคนรอบข้างทั้งโบกธง ตะโกนคำว่า "ทรงพระเจริญ" กันเซ็งแซ่ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทุกคนในลานพระรูปมีความสุขเป็นที่สุดที่ได้เห็นในหลวง และได้ฟังพระราชดำรัส เสียดายที่ลืมกล้อง ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปก็ไม่ถนัดมือ เลยไม่ได้เก็บรูปมาสักกะรูป โชคดีเจอเวบที่โหลดพระบรมฉายาลักษณ์และภาพไว้หลายขนาดและชัดมาก เลือกไซส์ใหญ่ จะได้เห็นแบบเต็ม ๆ ตาดี


วันเกิดปีนี้คงจะมีสิ่งทีดีและความสุขเข้ามาในชีวิต เพราะเริ่มวันแรกของวัยที่เพิ่มขึ้นด้วยเรื่องอันเป็นมหามงคล ขอให้เพื่อนบล็อกทุกท่านได้พบแต่สิ่งดี ๆ และความสุขมาก ๆ เช่นกันนะคะ


เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้าล้นกระหม่อม ขอถวายพระพรชัยมงคล ถวายเป็นราชสักการะ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช เทวาภินิหารทั้งปวง ได้โปรดอภิบาล ดลบันดาลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระเกษมสำราญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ปราศจากโรคาพยาธิภัยพิบัติ ขอจงทรงพระเจริญ ถึงพร้อมด้วยจตุรพิธพรชัยทุกประการเทอญ



ฑีฆายุโก โหตุ มหาราชา
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ข้าพพระพุทธเจ้า บล็อกเกอร์ไฮกุ

























































































































letter1A






















"ขอจงมี 'อย่างวานนี้' ตลอดไป"



พลันพระวิสูตรค่อย ๆ เผย ภาพ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ประทับนั่งพระราชอาสน์ ค่อย ๆ เคลื่อนจากท้องพระโรงพระที่นั่งอนันตสมาคม ออกสู่ ณ สีหบัญชรเจิดจ้าสว่างชัด เสียงตะโกน...เรารักในหลวง...เรารักในหลวง...สลับกับ...ทรงพระเจริญ...ทรง พระเจริญ...จากมวลพสกไทยนับแสน ๆ ที่เบียดเสียดเหยียดยาว กลางตะวันบรรเจิด ก็กระหึ่มเป็นคลื่นพลังจิตกระแทกใจใต้สำนึกในพระมหากรุณาแห่งพระองค์แห่งกัน และกัน จากลานพระบรมรูปทรงม้า หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ไปจรด สุดเหนือ-สุดใต้-สุดออก และสุดตก แห่งสยาม


ผมพนมมืออยู่หน้าจอโทรทัศน์ ไม่ได้ร้องไห้ แต่น้ำตามันค่อย ๆ ซึมออกมาเอง ซึมล้นกลบเบ้าตา จนต้องยกหลังมือปาดเป็นระยะเหมือนที่ปัดน้ำฝนขณะรถแล่นฝ่าสายฝนหนาเม็ด


ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร รู้เพียงว่า เห็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เห็นคลื่นมหาประชาชนสามัคคี เฝ้ารอถวายพระพรชัยยาวไปจรดขอบฟ้า


น้ำตาแห่งรักด้วยตื้นตันปีติในพระองค์...น้ำตาแห่งรักในความเป็นพสกนิกรของพระองค์ด้วยกัน
ใครล่ะ...จะกลั้นไหว?


เมื่อวาน ๕ ธันวาคม น้ำตาคนไทย คือน้ำตาแห่งความหมาย "สุขรวมใจ" ไทยทั้งประเทศ ทั้งที่ร่วมอยู่ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้ายาวเหยียดไปสุดคณานับ และทั้งที่เฝ้าแหนตามหน้าจอโทรทัศน์ผ่านการถ่ายทอดสดไปทั่วหัวระแหง ไม่มีใครที่ไม่ยอมรับว่า เมื่อวานนี้ประเทศไทย คือประเทศแห่งพี่น้องไทย ไม่ว่าเหลียวมองไปทางไหน-คนไหน มีแต่พี่น้องไทย "หัวใจเดียวกัน" ทั้งมวล!


เรา ถนอม-รักษา สิ่งดี ๆ บรรยากาศดี ๆ ด้วยหัวใจพี่น้องไทยบริสุทธิ์ "รวมศูนย์" เดียวกันอย่างนี้ ให้คงมี-คงอยู่ตลอดไป คิดซิว่า เมืองฟ้า-เมืองสวรรค์ไหน จะมาปาน "เมืองไทย" ภายใต้พระมหาบารมี "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" พระองค์นี้ของพวกเราทุกคน


ประเทศไทยถึงไม่ใหญ่มาก แต่ก็กว้างขวางเพียงพอสำหรับพวกเราพี่น้องไทยทุกคนจะอยู่กันได้สบาย แต่ถ้าแบ่งฝัก-แบ่งฝ่าย มุ่งร้าย-หมายชั่ว ต่อกันไม่สิ้นสุด ด้วย "ใจที่แคบ" ต่อให้ประเทศกว้างขวางขนาดไหน มันก็อยู่กันไม่สุข ไม่สบาย


ยิ่งถ้าหวังเอาแพ้-เอาชนะ ด้วยเอา "แค้นเขา-แค้นเรา" เป็นตัวตั้ง ประเทศชาติอันเป็นส่วนรวมนั่นแหละ "พัง" ก่อน และไม่มีใคร-ฝ่ายไหน จะชนะในศึก "สิ้นสามัคคี" ในพี่น้องไทยกันเองนี้เลย

ศัตรูประเทศและศัตรูคนไทยด้วยกัน "ตัวจริง" ไม่ใช่นาย ก. นาย ข. นาย ค. ไม่ใช่เสื้อแดง ไม่ใช่เสื้อเหลือง และไม่ใช่ฝ่ายไหนทั้งนั้น


แต่มันคือ "นายโมหะ" ที่ถูกสร้างมาขัดขวางไม่ให้พวกเราใช้สติแยกแยะเรื่องราวและปัญหา โดยใช้เหตุ-ใช้ผล และให้กฎแห่งกรรม คือการกระทำของแต่ละคนเป็นกติกาตัดสิน ผ่านหลักกฎหมาย และหลักกรรม ในฐานที่เราเป็นอารยประชาธิปไตย และยึดมั่นในคำสอนพระพุทธศาสน์


ในความเป็นสังคมร่วม ไม่ว่าที่ไหนในโลก ไม่มีใครดีที่สุด ไม่มีใครเลวที่สุด ไม่มีอะไรถูกด้านเดียว อะไรผิดด้านเดียว ฉะนั้น ใช้ความเข้าใจด้วยสติรับปัญหา ใช้เมตตาและความเอื้ออาทรในความเป็นเพื่อนร่วมชาติพิจารณาในความเป็นไปตาม ควรแต่ละกรณี


ผมปรารถนาเหลือเกิน ปรารถนาในบรรยากาศ "พี่น้องไทยร่วมชาติ" ผ่อนหนัก-ผ่อนเบา เอารักก่อต่อสามัคคีใจกันเป็นกระแสสายธารแห่งคลื่นมหาชนที่เฝ้าแหนและตะโกน ด้วยวลีเดียวกัน ใจเดียวกันอย่างวานนี้ โดยไม่มีใครนัดหมายให้สัญญิง-สัญญาใด ๆ ต่อกัน ดังภาพสะท้านไปทั่วโลก ท่ามกลางความฉงนสนเท่ห์ว่า


"ไหน...ข่าวว่าคนไทยแตกสามัคคี กำลังจะเกิดมิคสัญญี แยกฝ่ายเปิดศึกตีชิงประเทศกันมิใช่หรือ?"
กระทั่ง นักข่าวต่างชาติ-ต่างภาษาที่เข้ามาทำข่าววานนี้ เขาประจักษ์ด้วยตา แจ่มแจ้งด้วยใจ เพราะอยู่ท่ามกลางมหาชนชาวไทยเรือนแสนที่เฝ้าแหนถวายพระพรชัยแด่ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" เขาบอกเลยว่า


ภาพ "หนึ่งเดียวคือไทย" ตรงนั้น......

ลบล้างความเคลือบแคลงสงสัยใด ๆ ใน "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ไปสิ้น จากข่าวบิดเบือน ใส่ร้าย-ป้ายสี ในยุค "สื่อสารครองโลก"!


เขาเข้าใจแล้วว่า...ทำไม คนไทยจึงรักในหลวง และเข้าใจด้วยว่า...ทำไมในหลวงพระองค์นี้ จึงทรงเป็นศูนย์รวมแห่งรักจากปวงชนชาวไทย


อย่าว่าแต่เรา..คนไทยที่น้ำตาไหล ขนาดนักข่าวที่ไปทำข่าวทั่วโลก เห็นเมื่อวานถึงกับออกปาก "ไม่เคยเห็นอย่างนี้ที่ไหนมาก่อนในโลก" และเขาก็พลอย...น้ำตาไหล!


ครับ...ก็อย่าปีติล้นใจจนลืมคำเตือนสติ-เตือน ใจ อันเป็นพระราชดำรัส "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ที่พระราชทานแก่พวกเราชาวไทยทุกคนวานนี้ เพื่อจดไว้จำ-นำไปเพื่อปฏิบัติ ดังความต่อไปนี้


"คำอวยพรและคำปฏิญาณทั้งหมดที่พวกท่านได้กล่าว ข้าพเจ้าปลาบปลื้มใจมาก ขอขอบใจท่านทั้งหลาย ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน ที่พร้อมกันมาด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต ความปรารถนาดี และความพร้อมเพรียงกันของพวกท่าน อย่างที่ได้เห็นในนวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมากขึ้น ด้วยความเชื่อเสมอว่า ความเมตตาความปรารถนาดีของท่าน เป็นปัจจัยอย่างสำคัญที่ทำให้ความพร้อมเพรียงเกิดขึ้น ดีขึ้น ทั้งในหมู่คณะและในชาติบ้านเมือง แต่ถ้าคนไทยเรามีคุณธรรมข้อนี้ประจำอยู่ในจิตใจ ก็จะมีความหมายได้ว่า บ้านเมืองไทยไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ๆ ก็จะอยู่รอดปลอดภัย และดำรงมั่นคงต่อไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน


ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านและชาติไทย ให้มีแต่ความผาสุก ร่มเย็น ยั่งยืนไป"


ครับ...ผม เชื่อว่า พระราชดำรัสนี้ ทุกท่านต้องหาอ่าน-หาเก็บอยู่แล้ว ก็อยากให้ท่าน "ขีดเส้นใต้" หรือนำไปขยายเป็นอักษรตัวโต ๆ ใส่กรอบติดฝาบ้าน หรือติดตามสถานที่ราชการ อาคาร-ร้านค้า-สถานที่สาธารณะ กระทั่งตามรถเมล์ โดยเฉพาะตรงข้อความว่า


"..........ความปรารถนาดี และความพร้อมเพรียงกันของพวกท่าน อย่างที่ได้เห็นในวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมากขึ้น ด้วยความเชื่อเสมอว่า ความเมตตาความปรารถนาดีของท่าน เป็นปัจจัยอย่างสำคัญที่ทำให้ความพร้อมเพรียงเกิดขึ้น ดีขึ้น ทั้งในหมู่คณะและในชาติบ้านเมือง แต่ถ้าคนไทยเรามีคุณธรรมข้อนี้ประจำอยู่ในจิตใจ ก็จะมีความหมายได้ว่า บ้านเมืองไทยไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ๆ ก็จะอยู่รอดปลอดภัย และดำรงมั่นคงต่อไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน"


แต่ที่ดังก้องไปทั่ว จากตรงเฉพาะพระพักตร์ ณ หน้าพระลานพระที่นั่งอนันตสมาคม ไปยังหูประชาชนตั้งแต่ลานพระบรมรูปทรงม้าสุดลูกหู-ลูกตาไปจรดผ่านฟ้าฯ ถนนราชดำเนิน นั่นคือที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ได้นำทหารรักษาพระองค์กล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตน มีความว่า


"ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า (ยศ-ชื่อ-สกุล) ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วยผู้บัญชาทหารทุกเหล่าทัพ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ทหารรักษาพระองค์ และทหารทุกหน่วยทุกเหล่าทัพ ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสถวายสัตย์ปฏิญาณโดยต่อไปนี้ ให้ทหารถวายคำสัตย์ปฏิญาณตามข้าพเจ้าว่า


ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายคำสัตย์ปฏิญาณต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทว่า

ข้าพระพุทธเจ้าจะยอมตาย เพื่อรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า

ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดี และถวายความปลอดภัยต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจนชีวิตหาไม่

ข้าพระพุทธเจ้าจะเชิดชูและรักษาไว้ ซึ่งเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ ของทหารรักษาพระองค์

ทั้งจักปฏิบัติตนให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททุกประการ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ"



ครับ...ตอน ให้ประกาศชื่อของแต่ละนายทหารรักษาพระองค์ ผมเห็นแต่ละท่าน "ประกาศนามตนเอง" ในคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนเต็มปาก-เต็มคำถ้วนทั่ว โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแพนกล้องไปทางซีก "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ผบ.ทบ. ผมเห็นท่านขมีขมันขานพอดี!


คำถวายสัตย์ปฏิญาณตนนี้ ไม่ใช่ใครเป็น ผบ.สส.ก็จะร่างข้อความเปลี่ยนไปในแต่ละปีนะครับ เขามีเป็นแบบฟอร์มอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่มีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์เป็นครั้ง แรก ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ โดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" เป็นผู้ริเริ่ม และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเรื่อยมา


ก็ไม่มีอะไรจะเล่า-จะคุยละครับ เพราะอิ่มสุขมาเหมือน ๆ กันอยู่แล้ว ได้แต่ปรารถนาว่า ขอให้ประเทศไทยจงมี-จงเป็น "อย่างวานนี้" ตลอดไป เพราะไม่ว่ามองไปทางไหน ล้วนพี่น้องไทย "ใจเดียวกัน" เป็นลูกพระเจ้าอยู่หัว "พระองค์เดียวกัน" ทั้งสิ้น.



จากคอลัมน์ "คนปลายซอย" โดย เปลว สีเงิน
นสพ.ไทยโพสต์ ๖ ธ.ค. ๒๕๕๕









พระบรมฉายาลักษณ์และภาพจาก
flickr.com
นสพ. X-cite ไทยโพสต์ ๖ ธ.ค. ๒๕๕๕



บีจีจากคุณลัคกี้ ไลน์จากคุณญามี่
กรอบจากคุณ thattron และ คุณ KungGuenter


Free TextEditor


Create Date :08 ธันวาคม 2555 Last Update :13 สิงหาคม 2559 23:22:39 น. Counter : 12164 Pageviews. Comments :29