bloggang.com mainmenu search

วังพญาพราย


"เวียงพราย" มีประวัติความเป็นมายาวนานแต่ครั้งยุคสมัยทวรารวดี 'เรืองแสงฟ้า' ขัตติยนารี ชายาของ 'ลืออินไท' ผู้ผิดคำสาบาน จนต้องคำสาปที่ส่งผลมาทุกกาล กระทั่งปัจจุบัน  'โรม' อีกภาคหนึ่งของลืออินไท จึงจำเป็นต้องแก้คำสาป มิใช่เพื่อตนเอง แต่หากเป็นเพื่อทุกชีวิตของบ้านวังพราย...


วังพญาพราย  -  พงศกร  (สนพ.เพื่อนดี)


ซื้อเล่มนี้มาไว้นานแล้ว นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้อ่าน เลยต้องไปแงะมาจากกองหนังสือที่ดองไว้เกือบๆสามสิบเล่มเข้าไปแล้ว จขบ.เพิ่งจะลองนับดู ยังคิดอยู่เลยว่าซื้อมาอ่านหรือมาทำเป็นหมอนกันแน่ Smiley ได้อ่านงานของคุณพงศกรมาพอสมควร ติดใจตั้งแต่ไฮโซ โอ้ลัลล้า เรื่องนั้นป็นนิยายที่ตลกร้ายเหลือเกิน เสียดสีได้โดนใจมาก พอมาอ่านพยัคฆ์ร้ายสายเดี่ยว อันนี้ก็ขำจนปวดท้อง เปลี่ยนมาอ่านแนวลึกลับอย่างกลิ่นการเวก กุหลาบรัตติกาล หรือ บางกอกนฤมิต อ่านไปกลัวไป เคยบอกกับตัวเองหลายทีแล้วว่าถ้าอ่านงานของคุณพงศกรแนวแบบนี้อีก จะไม่อ่านตอนกลางคืนอีกแล้ว ไม่ไหวกลัวอ่ะ แต่เอาเข้าจริงกลับทำไม่ได้ เพราะต้องอ่าน วังพญาพราย ช่วงกลางคืนอีกแล้ว อ่านหนังสือตอนกลางวันมีแต่จะทำให้ง่วง สนุกแค่ไหนก็เอาจขบ.ไม่อยู่


วังพญาพราย เป็นเรื่องราวลึกลับของหมู่บ้านวังพราย มีเรื่องราวในชาติก่อนที่ส่งผลให้เกิดกับตัวละครในชาตินี้ ซึ่งก็คือพระเอกของเรื่อง ที่มีทั้งปมชีวิต ความเป็นมาที่ดูจะลึกลับ ส่วนนางเอกเป็นลูกสาวกำนัน ลูกสาวกำนันของแท้ด้วย เพราะทั้งห้าว ซ่าส์ ก๋ากั่น ไม่กลัวใคร พระเอก - นางเอกไปรักกันตอนไหน จขบ.แทบไม่รู้เลย พอมาท้ายๆเล่มพวกเค้าก็รักกันแล้ว แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เป็นแบบนี้ เพราะอ่านมากี่เรื่องๆนิยายของคุณพงศกรก็รักกันแบบนี้ตลอด รักกันแบบไม่ให้คนอ่านได้รู้เนื้อรู้ตัว เนื้อเรื่องสนุก สลับซับซ้อน ชวนให้ติดตาม และขนหัวลุกทีละน้อย แต่ก็มีตัวละครบางตัวที่มาเบรกให้คลายความน่ากลัวได้ โดยใช้ความฮาเข้ามาแทรก งานเขียนของคุณพงศกรเป็บงานเขียนที่ใช้ถ้อยคำบรรยายสวยงาม และพรรณนาได้เยี่ยม ทำให้จินตนาการตามไปด้วยได้ง่าย และในเรื่องเรายังได้ความรู้เกี่ยวกับอารยธรรมสมัยทวารวดีอีกด้วย เพราะในชาติก่อนและชาติปัจจุบันมีเนื้อหาของเรื่องมันโยงใยกันอยู่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังพญาพราย ในหมู่บ้านวังพราย เป็นเหตุการณ์สมมติ นี่ถ้าผู้แต่งไม่บอกก่อนน่ะ จขบ.คงเชื่อไปแล้วล่ะ เพราะเรื่องสมมติบางเรื่องบางทีมันก็อาจจะมีจริงๆก็ได้ ทิ้งท้ายกับประโยคโดนใจในนิยายสักนิด "ชีวิตต้องการเพียงแค่ปัจจัยสี่ มีอาหารกิน มีเสื้อผ้าที่อยู่อาศัย และหยูกยายามเจ็บไข้ได้ป่วย...แล้วผู้คนจะแข่งขันกันร่ำรวยไปเพื่อเหตุใด...พอตายไปแล้ว ไม่มีใครสามารถเอาเงินติดตัวไปได้แม้แต่บาทเดียว นอกจากความดีที่เปรียบเสมือนเสบียงบุญ" ถ้าคนเราคิดได้ทำได้อย่างนี้กันทั้งประเทศก็คงจะดี แต่คงเป็นไปไม่ได้ แม้แต่ตัวจขบ.เองก็ยังไม่สามารถทำได้เลย


 






Free TextEditor
Create Date :14 สิงหาคม 2552 Last Update :14 สิงหาคม 2552 11:01:22 น. Counter : Pageviews. Comments :16