bloggang.com mainmenu search


หนังสือ : กวีนิพนธ์แห่งรักยี่สิบบท และบทเพลงความสิ้นหวังหนึ่งบท
ผู้เขียน : Pablo Neruda
ผู้แปล : ภาสุรี ลือสกุล
สนพ. : ผีเสื้อ
จำนวนหน้า : 160 หน้า
ภาษา : ไทย (แปลจากภาษาสเปน)






รายละเอียดจากปกหลัง

เนฟตาลิ ริการ์โด เรเยส บาโซอัตโต เกิดวันที่ 12 ก.ค. 1904 ที่เมืองปาราล ประเทศชิลี ใช้ชีวิตวัยเด็กที่เมืองเตมูโก และได้รู้จักกาเบรียลา มิสตราล ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมสตรี (กวีรางวัลโนเบลคนแรกของชิลี) ซึ่งเมตตาเขามาก

เมื่ออายุเพียง 13 ปี เขาเริ่มเขียนบทกวีและบทความพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์

เมื่ออายุ 16 ปี มีผลงานตีพิมพ์ในวารสารวรรณกรรม และพิมพ์เล่มหนังสือเล่มแรกในนามปากกา "ปาโบล เนรูด้า" ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึง แจน เนรูด้า กวีชาวเชค ((แต่ในประวัติในเล่มบอกว่า เขาตั้งนามสกุลขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักแจน เนรูด้าเท่าไหร่นะคะ))


"กวีนิพนธ์แห่งรักยี่สิบบท และบทเพลงแห่งความสิ้นหวังหนึ่งบท" ผลงานอันเป็นที่รู้จักและแปลเป็นภาษาต่างๆ มากที่สุดเล่มหนึ่งนี้ พิมพ์เล่มเมื่อเนรูด้าอายุเพียง 20 ปี ระหว่างปี ค.ศ. 1927-1935 เนรูด้าได้รับแต่งตั้งเป็นกงสุลประจำประเทศพม่า ศรีลังกา อินโดเนเซีย สิงคโปร์ กรุงบัวโนสไอเรส กรุงบาร์เซโลนา และกรุงมาดริด

ปาโบล เนรูด้า ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเมื่อปี ค.ศ. 1971 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1973 ที่กรุงซานดิเอโก

ปี ค.ศ. 2004 ในวาระ 100 ปีชาตกาล รัฐบาลชิลีได้ตั้ง "รางวัลปาโบล เนรูด้า" เพื่อยกย่อง และเป็นอนุสรณ์อันยิ่งใหญ่แก่นักเขียนแห่งชาติ โดยมอบเหรียญทองจำนวน 100 เหรียญแก่ผู้มีผลงานโดดเด่นและเป็นประโยชน์ด้านศิลปวัฒนธรรมทั่วโลก


จากไอซ์ :

หนังสือเล่มนี้ช่วงแรกจะบอกเล่าประวัติของ Pablo Neruda นะคะ ซึ่งน่าสนใจมากๆ เป็นคนที่ใช้ชีวิตได้คุ้มและหลากหลายจริงๆ ที่ย่อๆ มาข้างหลังนั้นย่อมากๆ ค่ะ ถ้าสนใจลองไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ wiki เจ้าเดิม และช่วงหลังจะเป็นบทกวีทั้งหมด 21 บท โดยมีภาษาสเปนและภาษาไทยควบคู่กัน บทกวีเหล่านี้เป็นบทกวีกล่าวเนื่องถึงความรักโดยมีการเปรียบเปรยกับธรรมชาติและสภาพแวดล้อมต่างๆ ค่ะ


คือ...จะบอกว่าไอซ์ได้เคยอ่านบทกวีของ Pablo Neruda ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษมาหลายบทแล้วและชอบมากๆ หลายบททำเอาอ่านแล้วน้ำตาคลอ บาดลึกถึงหัวใจเลยทีเดียว ซึ่งไอซ์ก็เคยเขียนถึงไว้แล้วใน บล็อกนี้

พอรู้ว่ามีแปลเป็นไทยก็เลยซื้อมา และพบว่า...อ่านที่แปลไทยในเล่มนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องง่ะ T^T

อาจจะเพราะภาษาที่ใช้งดงามเกินไป เลยต้องตีความจากภาษาไทยเป็นภาษาไทยอีกทีหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำให้ไอซ์อ่านจบเล่มอย่างมึนๆ ขนาดเป็นบทโปรดๆ ยังอ่านแล้วมึนเลยค่ะ ต้องไปงัดภาษาอังกฤษมาอ่านเปรียบเทียบ เพื่อดูว่าจริงๆ แล้วภาษาไทยมันต้องการจะแปลเป็นยังไง เนื่องจากอ่านภาษาสเปนไม่ออก -_-"


ยกตัวอย่างสักสองบทนะคะ เป็นบทที่ไอซ์ชอบมากๆ ทั้งสองบท

Clenched Soul

We have lost even this twilight.
No one saw us this evening hand in hand
while the blue night dropped on the world.
เราสูญสิ้นไปแล้วแม้แสงอาทิตย์อัสดง
มิมีใครเห็นเราสองกุมมือกันยามสายัณห์
ยามราตรีสีครามร่วงหล่นสูพิภพ

I have seen from my window
the fiesta of sunset in the distant mountain tops.
ฉันแลเห็นจากบานหน้าต่างของฉัน
งานรื่นเริงแห่งทิศตะวันตก ณ เนินเขาไกลโพ้น

Sometimes a piece of sun
burned like a coin in my hand.
บางครา เศษเสี้ยวดวงตะวัน
ลุกโชนในมือฉันประดุจเหรียญเงิน

I remembered you with my soul clenched
in that sadness of mine that you know.
ฉันจดจำเธอด้วยวิญญาณตรอมตรม
จากความโศกศัลย์นั้นที่เธอรู้จัก
((ขอบอกว่าท่อนนี้อ่านภาษาอังกฤษแล้วจี๊ดดดด อ่านภาษาไทยแล้วมึน @_@))

Where were you then?
Who else was there?
Saying what?
Why will the whole of love come on me suddenly
when I am sad and feel you are far away?
ในยามนั้นเธออยู่แห่งใดเล่า
เธอเคียงข้างด้วยผู้ใด
เอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดต่อกัน
ไฉนความรักทั้งสิ้นถึงเข้าถาโถมฉันในคราเดียว
ยามเมื่อฉันระทมทุกข์และรู้สึกว่าเธออยู่แสนไกล

The book fell that always closed at twilight
and my blue sweater rolled like a hurt dog at my feet.
หนังสือที่มักเปิดอ่านยามย่ำสนทยาร่วงหล่น
เสื้อคลุมของฉันหลุดกองแทบเท้า ราวสุนัขบาดเจ็บ

Always, always you recede through the evenings
toward the twilight erasing statues.
เธอจากไปในยามสายัณห์ เสมอมา เสมอมา
ไปยังที่ซึ่งแสงอาทิตย์อัสดงแล่นเลือนลบหมู่รูปจำหลัก
((รูปจำหลัก...คืออะไรง่ะ?? T^T))



Saddest Poem

I can write the saddest poem of all tonight.
ฉันรจนาบทกวีสุดโศกเศร้าได้ในคืนนี้

Write, for instance: "The night is full of stars,
and the stars, blue, shiver in the distance."
รจนาเช่นว่า 'ราตรีประดับดาว
สีฟ้าระยับพราว หมู่ดารา ณ ที่แสนไกล'

The night wind whirls in the sky and sings.
สายลมแห่งค่ำคืนพัดเวียนวนในเวิ้งฟ้าและกล่อมขวัญ

I can write the saddest poem of all tonight.
I loved her, and sometimes she loved me too.
ฉันรจนาบทกวีสุดโศกเศร้าได้ในคืนนี้
ฉันเคยรักเธอผู้นั้น และบางครา เธอเองก็เคยรักฉันเช่นกัน

On nights like this, I held her in my arms.
I kissed her so many times under the infinite sky.
ยามค่ำอื่นเช่นคืนนี้ ฉันมีเธอในอ้อมแขน
ฉันจุมพิตเธอหลายคราใต้ผืนฟ้ามิสิ้นสุด

She loved me, sometimes I loved her.
How could I not have loved her large, still eyes?
เธอเคยรักฉัน บางครั้งฉันเองก็เคยรักเธอดุจกัน
ไฉนจะไม่รักตาดวงโตแน่วแน่ของเธอเล่า

I can write the saddest poem of all tonight.
To think I don't have her. To feel that I've lost her.
ฉันรจนาบทกวีสุดโศกเศร้าได้ในคืนนี้
คิดไปว่าไม่มีเธอ รู้สึกว่าสูญเสียเธอไป

To hear the immense night, more immense without her.
And the poem falls to the soul as dew to grass.
สดับเสียงราตรีอันเวิ้งว้าง ช่างกว้างใหญ่แต่ไร้เธอ
บทกวีร่วงหล่นสู่วิญญาณ ปานหยาดน้ำค้างสู่ทุ่งหญ้า

What does it matter that my love couldn't keep her.
The night is full of stars and she is not with me.
ความรักของฉันมิอาจรั้งเธอไว้ แล้วสำคัญไฉน
ราตรีประดับดาว ทว่า เธอมิได้อยู่เคียงฉัน

That's all. Far away, someone sings. Far away.
My soul is lost without her.
นั่นคือเรื่องราวทั้งหมด
ณ ที่แสนห่างไกล
ใครบางคนขับกล่อมจากแดนไกลแสนไกล
วิญญาณฉันสิ้นสุขสมด้วยสูญเสียเธอ

As if to bring her near, my eyes search for her.
My heart searches for her and she is not with me.
ดังหนึ่งเพื่อจะได้ชิดใกล้ สายตาฉันเฝ้าเสาะหาเธอ
หัวใจฉันตามหาเธอ ทว่ามิได้อยู่เคียงฉัน

The same night that whitens the same trees.
We, we who were, we are the same no longer.
ค่ำคืนเช่นเดิมอันยังให้หมู่ไม้ต้นเก่าเป็นสีขาวโพลน
สองเรา สองเราในครานั้น บัดนี้มิได้เป็นเช่นก่อนเก่า

I no longer love her, true, but how much I loved her.
My voice searched the wind to touch her ear.
ฉันสิ้นรักเธอแล้ว ก็จริงอยู่ แต่ฉันเคยรักเธอปานใดกัน
เสียงของฉันเสาะหาสายลมเพื่อให้สัมผัสโสตเธอ

Someone else's. She will be someone else's. As she once
belonged to my kisses.
Her voice, her light body. Her infinite eyes.
ฤาเป็นของใครอื่น คงต้องเป็นของใครอื่น
ดังเช่นก่อนรอยจูบฉัน
เสียงเธอ เรือนกายผุดผาด ดวงตาไร้จุดหมายของเธอ

I no longer love her, true, but perhaps I love her.
Love is so short and oblivion so long.
ฉันสิ้นรักเธอแล้ว ก็จริงอยู่ แต่บางคราฉันอาจยังรักเธออยู่
แสนสั้นเหลือเกินหนอความรัก
และยาวนานยิ่งนักการลืมเลือน
((เป็นประสองประโยคเดียวในเล่มที่ไอซ์ชอบภาษาไทยมากกว่า ฮา))

Because on nights like this I held her in my arms,
my soul is lost without her.
ยามค่ำอื่นเช่นคืนนี้ ฉันมีเธออยู่ในอ้อมแขน
วิญญาณฉันสิ้นสุขสมด้วยสูญเสียเธอ

Although this may be the last pain she causes me,
and this may be the last poem I write for her.
แม้นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอทำให้ฉันต้องรวดร้าว
และนี่จะเป็นบทกวีสุดท้ายที่ฉันเรียงร้อยเพื่อเธอ

....


ทั้งสองบทเป็นบทกวีที่ไอซ์เคยอ่านภาษาอังกฤษแล้วน้ำตาคลอ เจ็บลึกอยู่ในอก แต่...อ่านภาษาไทยแล้วมึนกับชีวิต เหอๆๆๆ

ไอซ์รู้สึกว่า ภาษาไทยแปลออกมาประดิษฐ์เยอะไปอะค่ะ มันไพเราะสวยงามก็จริง แต่มันดูเหมือนจับต้องไม่ได้ ต้องตีความอีกที ขณะที่ภาษาอังกฤษแปลออกมาเรียบง่าย กินใจ อ่านแล้วเจ็บจี๊ดเข้าไปถึงทรวง

อาจะเป็นเพราะภาษาไทยไอซ์ไม่ดีเองก็ได้นะคะ ต้องขออภัยผู้แปลมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ^^"


สรุปว่า...ไอซ์คงจะต้องไปหาซื้อฉบับแปลภาษาอังกฤษมาเก็บสะสมไว้ดีกว่า ((จริงๆ หาโหลดบทกวีต่างๆ ตามเน็ตได้นะคะ เพราะน่าจะไม่มีลิขสิทธิ์แล้ว ^^))








ดู Index รายชื่อหนังสืออื่นๆ ที่ไอซ์ได้รีวิวไปแล้วตามลิงก์ข้างล่างค่ะ

- หนังสือภาษาอังกฤษ
Index Bookshelf : English Books

- หนังสือแปล
Index Bookshelf : Translated Books

- หนังสือภาษาไทย
Index Bookshelf : Thai Books

Create Date :08 เมษายน 2554 Last Update :8 เมษายน 2554 10:04:07 น. Counter : Pageviews. Comments :10