ความคืบหน้ากรณี น.ส.เอ (นามสมมติ) ลูกจ้างชั่วคราว ทำหน้าที่เลขานุการหน้าห้องของ ร.ท.ปรินชัย สอนซื่อ นายอำเภอน้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ เข้าร้องทุกข์ กับพนักงานสอบสวน สภ.น้ำเกลี้ยงให้ดำเนินคดีกับ ร.ท.ปรินชัย ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราและทำร้ายร่างกาย และบุกรุกยามวิกาล โดยต่อมา ร.ท.ปรินชัย ปฏิเสธ โดยอธิบดีกรมการปกครอง ได้สั่งการให้ ร.ท.ปรินชัย ไปช่วยราชการที่ กองการเจ้าหน้าที่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

ล่าสุดเวลา 15.30 น. (20 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่ ต.ละเอาะ อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ พบบิดาของ น.ส.เอ กล่าวว่า ส่งลูกสาวของตนไปอยู่ที่ปลอดภัย โดยมีเพื่อนของลูกสาวไปอยู่ด้วย 3 คน และไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปพบกับลูกสาวเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย เกรงว่าอาจจะได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายอำเภอน้ำเกลี้ยง

ขณะนี้ลูกสาวยังมีอาการหวาดผวาอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากอยู่คนเดียวก็จะมีอาการหวาดผวาอย่างเห็นได้ชัดหากมีเพื่อนอยู่ด้วยจะผ่อนคลายลงบ้าง ตนได้ให้ญาติพี่น้องคอยปลอบขวัญเยียวยาจิตใจไม่ให้มีอาการหวาดผวาไปมากกว่านี้ ตนได้หารือกับญาติพี่น้องแล้วว่า จะให้ น.ส.เอ ลาออกจากงาน ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการลางาน และจะได้ไปลาออกจากงานตามระเบียบต่อไป

บิดาของเลขาฯสาว กล่าวว่า ยังไม่ไว้วางใจกับเหตุการณ์ต่าง ๆ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จึงให้ลูกสาวเก็บตัวเงียบเอาไว้ ส่วนเรื่องคดีความนั้นขอประกาศยืนยันตรงนี้เลยว่า จะไม่มีการประนีประนอมยอมความกันอย่างเด็ดขาด จะสู้คดีจนถึงที่สุดไม่หวั่นต่ออำนาจอิทธิพลเงินทอง อย่าคิดว่าเห็นเราเป็นคนจนแล้วจะเอาเงินมาให้เพื่อยอมความจะไม่ยอมอย่างแน่นอน ตนถึงจะจนแต่ก็มีศักดิ์ศรีจะสู้คดีอย่างเต็มที่

ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่ สภ.น้ำเกลี้ยง พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดีนี้ โดยได้เรียกสำนวนคดีทั้งหมดจากพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบสำนวนอย่างละเอียด และสอบถามความคืบหน้าของคดีนี้

พล.ต.ต.สุรเดช กล่าวว่า ได้ประสานงานกับ นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ รวมทั้งได้รายงานให้อธิบดีกรมการปกครองได้รับทราบด้วย ได้กำชับให้พนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบสวนผู้เสียหาย พยานและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด และให้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวตามลำดับต่อไป ยังไม่มีการออกหมายจับ เพราะว่า การออกหมายจับจะต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการสงสัยว่า ผู้ถูกกล่าวหา มีแนวโน้มว่าจะหลบหนี จึงจะออกหมายจับ

แต่คดีนี้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นนายอำเภอจึงต้องดำเนินคดีอย่างรอบคอบ ได้มอบหมาย รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ลงมาช่วยดูแลคดีนี้ร่วมกับ ผกก.สภ.น้ำเกลี้ยง ขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเต็มที่ และไม่รู้สึกหนักใจกับคดีนี้แต่อย่างใด ผิดถูกอย่างไรว่ากันไปตามพยานหลักฐานที่เกิดขึ้น

นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ กล่าวว่า ได้สรุปรายงานผลการสืบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดเสนอให้ผวจ.ศรีสะเกษ ได้รับทราบ เพื่อที่จะได้รายงานให้ท่านอธิบดีกรมการปกครอง ได้รับทราบเพื่อโปรดพิจารณาต่อไป โดยนายอำเภอน้ำเกลี้ยงจะต้องไปรายงานตัวเพื่อช่วยราชการที่กรมการปกครอง ตามคำสั่งของท่านอธิบดีกรมการปกครอง ส่วนเรื่องการสอบสวนทางวินัยก็จะเป็นหน้าที่ของกรมการปกครองดำเนินการสอบสวนทางวินัยต่อไป

ขณะที่ นายปรีชา ไกรษี กำนัน ต.ละเอาะ อ.น้ำเกลี้ยง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.น้ำเกลี้ยง กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุที่นายอำเภอน้ำเกลี้ยงจะเข้าไปที่บ้านของผู้เสียหายนั้น ตนได้เตือนแล้วว่ายังไม่ควรเข้าไปเนื่องจากว่า เหตุการณ์กำลังร้อนระอุอยู่ แต่ว่านายอำเภอน้ำเกลี้ยงต้องการที่เข้าไปเคลียร์เพื่อรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น และต้องการที่จะประนีประนอมยอมความ และได้เข้าไปในบ้านของผู้เสียหายในเวลากลางคืน ซึ่งขณะนั้น มีญาติพี่น้องของผู้เสียหายอยู่หลายคน

ซึ่งเมื่อนายอำเภอน้ำเกลี้ยงเข้าไปในบ้าน จึงเกิดความวุ่นวายขึ้น ตนได้ตามไปด้วยเพื่อเฝ้าดูความสงบเรียบร้อย โดยตนไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด แต่ว่ามีความเป็นกลางเพราะว่าฝ่ายผู้เสียหายคือญาติพี่น้องและลูกบ้านของตน ส่วนอีกฝ่ายเป็นผู้บังคับบัญชา จึงอยากให้มีการประนีประนอมกันเพื่อความปรองดองในอำเภอน้ำเกลี้ยง แต่ว่าขณะนี้ไม่สามารถที่จะประนีประนอมกันได้แล้ว ก็จะต้องว่ากันไปตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ้านพักนายอำเภอน้ำเกลี้ยงปิดสนิท ทราบจากเจ้าหน้าที่อำเภอน้ำเกลี้ยงคนหนึ่งว่า นายอำเภอน้ำเกลี้ยง ได้เก็บข้าวของส่วนตัวเดินทางไปยังกทม.แล้ว โดยมี อส. 3 นายขับรถไปส่ง โดยออกเดินทางตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันนี้ เพื่อที่จะเข้าไปรายงานตัวที่กองการเจ้าหน้าที่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในวันที่ 21 ธ.ค.