bloggang.com mainmenu search

baทิ้งช่วงจากการทดสอบ เทรลเบลเซอร์ เครื่องยนต์ Duramax รุ่นใหม่ที่ประเทศพม่าได้ไม่นาน เชฟโรเลต ก็จัดทริปทดสอบปิกอัพ โคโรลาโด ที่ใช้เครื่องยนต์ใหม่รุ่นเดียวกัน โดยใช้เส้นทางกรุงเทพฯ - กาญจนบุรี วางเส้นทางไว้ครบรส ทั้งทางเรียบที่สามารถใช้ความเร็วสูงได้ ทางออฟโรดแบบเบาๆ รวมทั้งประสิทธิภาพในการบรรทุกในการทำกิจกรรมหนักๆ ที่ บ้าน ช.ช้างชรา

ba
การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นในช่วงสายที่ โรงแรมสวิสโซเทล นายเลิศ ปาร์ค แปลกใจว่าเสื้อที่มอบให้สื่อมวลชนใส่ไม่ใช่เสื้อ เชฟโรเลต แต่เป็นเสื้อของ บ้าน ช.ช้างชรา ซึ่งก็สร้างความแปลกใจอีกว่าสถานที่นี้คืออะไร และเกี่ยวข้องกับ เชฟโรเลต อย่างไร แต่ก็เก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน แล้วลุ้นว่าทีมงาน เชฟโรเลต จัดให้ขับ โคโลราโด รุ่นย่อยไหน โชคดีที่ได้รุ่น 4 ประตู เกียร์อัตโนมัติ เพราะจะช่วยลดความเหนื่อยล้าได้มาก เนื่องจากต้องขับไกลกว่า 300 กิโลเมตร Chevrolet Colorado MY2014 baเครื่องยนต์ใหม่เป็นแบบดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ 2,800 ซีซี 200 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 50.9 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบต่อนาที ห้องโดยสารติดตั้งระบบ MyLink DVD พร้อมระบบนำทางผ่านดาวเทียม ภายนอกแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มสีใหม่ ส้ม-Orange Rock ซึ่งนำมาทดสอบในครั้งนี้ด้วย ระบบเกียร์มีทั้งธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติ 6 จังหวะ Chevrolet Colorado MY2014 ขับสบายๆ เฉลี่ย 12 กิโลเมตรต่อลิตร
baหลังเสร็จสิ้นช่วงพิธีการก็เริ่มออกเดินทางในช่วงสายๆ ผมรับหน้าที่ขับก่อน ลัดเลาะไปขึ้นทางด่วนพระราม 4 มุ่งหน้าออกนอกเมือง ลงด่านศรีสมาน มุ่งหน้าแยกนพวงศ์ ใช้ถนนบางเลน-นครปฐม ช่วงแรกขับตามกันไปเป็นขบวนแบบหลวมๆ ออกนอกเมืองมาได้ก็แวะพักที่ปั๊ม ปตท. บางเลน ระยะทางบนหน้าปัด 46.2 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ย 54.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 12.0 กิโลเมตรต่อลิตร พักไม่นานก็ออกเดินทางต่อไปยังปั๊ม ปตท. แก่งเสี้ยน ระยะทาง 118 กิโลเมตร ผมยังรับหน้าที่ขับต่อ เพราะตกลงกับเพื่อนที่ขับด้วยกันว่า ช่วงที่ขับออฟโรดระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร จะขอเป็นผู้โดยสาร

baช่วงที่ขับบนทางโล่ง การเพิ่มความเร็วแบบกดคันเร่งต่อเนื่องให้อัตราเร่งที่ทันใจพอสมควร ถ้าไม่คาดหวังกับตัวเลข 200 แรงม้า และแรงบิด 50.9 กก.-ม. มากเกินไปนัก ส่วนการเร่งแซงที่ความเร็วต่ำ ถ้าจะให้ทันใจต้องใช้การคิ๊กดาวน์ช่วย เมื่อรอบเกิน 2,500 รอบต่อนาทีขึ้นไป อัตราเร่งจะมาค่อนข้างหนักและต่อเนื่อง ถ้าต้องเปลี่ยนความเร็วบ่อยๆ เช่นการขับฝ่าการจราจรที่ติดขัด จะรู้สึกว่าการตอบสนองที่ความเร็วต่ำยังช้าไปนิด

baแรงม้า 200 ตัว กับแรงบิด 50.9 กก.-ม. น่าจะมีไว้สำหรับการบรรทุกหนัก ฉุดลากหรือปีนไต่ทางลาดชันมากกว่าที่จะใช้เพื่อทำความเร็วสูง Chevrolet Colorado MY2014 baระบบกันสะเทือนในรุ่น 4 ประตูที่เน้นบรรทุกคนมากกว่าบรรทุกของหนัก จึงมีความนุ่มนวลกว่ารุ่นตอนครึ่งที่ เชฟโรเลต เรียกว่า Flex Cab หรือแค็บเปิดได้ การขับบนทางราดยางเรียบจึงให้ความนุ่มสบายพอสมควร ไม่มีอาการดีดเด้งให้สัมผัส แต่เมื่อขับบนถนนคอนกรีตที่มีรอยต่อก็จะรู้สึกสะเทือนมากขึ้น รวมทั้งการขับด้วยความเร็วสูงผ่านผิวถนนที่เป็นคลื่นลอนต่อเนื่อง รถก็จะมีอาการยวบยาบให้สัมผัสบ้าง โดยเฉพาะด้านหน้าที่มีเครื่องยนต์วางอยู่

baเชฟโรเลต ระบุว่ามีการปรับปรุงห้องโดยสารให้มีเสียงรบกวนน้อยลง พบว่าเสียงเครื่องยนต์เบาลงบ้างในรอบต่ำ - ปานกลาง และในรอบสูงอย่างตอนคิ๊กดาวน์ เสียงเครื่องยนต์ก็ดังเข้ามาในห้องโดยสารในระดับปกติ ไม่ดังมากแต่ก็ไม่ได้เงียบกว่าปิกอัพแบรนด์อื่น ส่วนที่ความเร็วเกิน 130 - 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ก็ยังมีเสียงลมปะทะให้ได้ยินค่อนข้างชัด Chevrolet Colorado MY2014 สัมผัสบรรยากาศออฟโรด
baทีมงาน เชฟโรเลต จัดเส้นทางแบบออฟโรดให้ทดลองขับประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นเส้นทางสำหรับเข้าไปทำฝายกั้นน้ำบริเวณ ห้วยอีเลิ้ง สภาพเส้นทางไม่โหดมากนัก มีทั้งทางหินขนาดใหญ่ ทางดินที่ถูกน้ำเซาะเป็นร่องลึก ต้องขับผ่านลำห้วยที่น้ำมีความสูงประมาณ 50 เซนติเมตร บางช่วงเป็นหลุมโคลนลึกเปียกลื่น เส้นทางโดยรวมปิกอัพยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อก็น่าจะผ่านได้ถ้าผู้ขับมีความชำนาญ ด้วยสมรรถนะที่ดีของรถและสภาพเส้นทางไม่โหด ทุกคันจึงผ่านได้สบายๆ Chevrolet Colorado MY2014 baบางช่วงที่ต้องขับผ่านหลุมโคลนหรือปีนขึ้นจากลำห้วยที่ลาดชัน ต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4H ช่วยบ้าง เพื่อลดอาการลื่น เพราะยางติดรถเป็นแบบ H/T หรือ Highway Terrain สำหรับใช้งานบนถนนเรียบ เมื่อขับบนทางออฟโรด โคลนจะเข้าไปอุดในร่องยางทำให้ลื่น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจึงช่วยให้ขับได้ง่ายขึ้น การสลับระบบขับเคลื่อนระหว่าง 2H และ 4H ก็ทำได้ง่าย แค่หมุนปุ่มที่ด้านหลังคอนโซลเกียร์ ส่วน 2H ไม่ต้องใช้เพราะทางไม่โหด

baอีกระบบที่มีโอกาสได้ทดลองใช้คือ HDC หรือ Hill Descent Control ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน มีสวิตช์เปิด - ปิดการใช้งานอยู่บริเวณหน้าคอนโซลเกียร์ ระบบนี้จะหน่วงความเร็วของรถให้โดยใช้เบรก แต่ไฟเบรกจะไม่สว่าง เพราะผู้ขับไม่ต้องเหยียบเบรก และจะหยุดการทำงานเมื่อรถกลับเข้าสู่แนวระนาบ Chevrolet Colorado MY2014 ทำกิจกรรมที่บ้าน ช.ช้างชรา
baออกจากเส้นทางออฟโรดพร้อมกับท้องไส้ที่ปั่นป่วน เพราะนั่งโยกเยกอยู่หลายนาที มุ่งหน้าสู่ศูนย์อนุรักษ์ช้าง บ้าน ช.ช้างชรา ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือที่ช้างไทย ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

baบ้าน ช.ช้างชรา ก่อตั้งโดยนายสัตวแพทย์ สามารถ ประสิทธิ์ผล เมื่อปี พ.ศ. 2551 จากความต้องการให้มีการแก้ไขปัญหาช้างไทย ทั้งปัญหาช้างบาดเจ็บ ช้างชราที่ประสบปัญหาในการดูแลสุขภาพ และช้างเร่ร่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นช้างด้อยโอกาส ไม่สามารถทำงานตามปางช้างได้ จึงได้มองหาสถานที่สำหรับแก้ไขปัญหาช้างที่เกิดขึ้น ซึ่ง เชฟโรเลต มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ช้างด้วยการมอบรถปิกอัพให้ เพื่อใช้ในกิจกรรมของศูนย์ฯ แห่งนี้

baหลังจากเติมพลังคนด้วยอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเผาผลาญพลังงานด้วยการออกไปหาอาหารให้ช้างชรา ซึ่งอยู่ภายในศูนย์ฯ มีการแข่งขันกันเล็กน้อย โดยแบ่งสื่อมวลชนออกเป็น 5 ทีม มีรถทีมละ 2 คัน รวม 4 คน กรรมการจับเวลาทีมละ 1 คน แต่ละทีมจะให้ผู้ดูแลช้างพาไปขนอาหารช้างใส่ปิกอัพ โคโรลาโด ให้เวลาในการขนขึ้นรถทีมละ 15 นาที ไม่รวมเวลาขับรถไป - กลับ ทีมผมได้ภารกิจขนต้นกล้วย ซึ่งได้เปรียบบางทีมที่ต้องขนสับปะรดหรือแตงกวา เพราะต้นกล้วยมีน้ำหนักมากกว่า

baทีมอื่นมีการเตรียมอาหารช้างไว้ให้แล้ว แค่ขนขึ้นรถก็เสร็จภารกิจ แต่ทีมผมต้องเริ่มตั้งแต่ตัดกล้วย ซึ่งไม่ใช่งานกล้วยๆ เพราะต้องเลือกตัดต้นใหญ่หน่อย แล้วปล่อยให้ต้นเล็กโตทดแทน ช่วงแรกๆ ก็ง่าย เพราะตัดกล้วยที่อยู่ริมทาง แต่หลังๆ เริ่มลำบาก เพราะต้องเดินเข้าไปตัดไกลๆ กว่าจะแบกออกมาก็ใช้เวลาพอสมควร รถทั้ง 2 คันเป็นแบบ 4 ประตู ผู้ดูแลช้างที่ไปด้วยซึ่งทำหน้าที่ตัดกล้วยแนะนำว่าให้เรียงดีๆ ตั้งแต่แรก จะได้บรรทุกได้เยอะโดยไม่ตกหล่น Chevrolet Colorado MY2014 baสอบถามได้ความว่า กล้วยเหล่านี้ไม่ใช่ได้มาฟรีๆ เป็นกล้วยที่จ้างชาวบ้านแถวนั้นปลูก และมาซื้อไปเพื่อเลี้ยงช้าง ซึ่งช้างแต่ละตัวต้องการอาหารประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว และช้างในศูนย์ฯ แห่งนี้ก็จะไม่ปล่อยออกไปข้างนอก เพราะจะไปรบกวนชาวบ้านข้างเคียง ทีมผมใช้เวลานานที่สุดเพราะจุดที่จะไปขนกล้วยขึ้นรถอยู่ไกลกว่าทีมอื่น แล้วยังต้องตัดกล้วยเองด้วย

baหลังจากตัดกล้วยได้พอสมควรแล้วจึงเริ่มจับเวลาขนขึ้นรถ จากนั้นขับกลับไปที่ลานเลี้ยงช้างเพื่อชั่งน้ำหนักอาหาร โดยหักออกจากน้ำหนักตัวรถ ทีมผมได้น้ำหนักรวม 1,368 กิโลกรัม จากรถ 2 คันที่บรรทุกได้ 708 และ 660 กิโลกรัม รับตำแหน่งชนะเลิศมาแบบเขินๆ กับรางวัลเป็นสบู่ธรรมชาติโปรตีนใยไหม กัญญารัตน์ ซึ่งมอบรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายสบู่ให้กับ บ้าน ช.ช้างชรา ด้วย

baจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็นำอาหารมาให้สื่อมวลชนป้อนให้ช้าง แต่ยังไม่ทันได้ป้อนช้างก็หยิบกินเองด้วยความหิว กินเท่าไรก็เหมือนจะไม่อิ่ม ช้างแต่ละตัวมีอายุ 60 - 70 ปี ดูแล้วน่าสงสาร ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ป้อนอาหารช้างเสร็จแล้วก็มีกิจกรรมปิดท้ายคือ อาบน้ำช้าง แต่ดูแล้วอากาศเริ่มเย็น จึงได้แต่นั่งดูอยู่ริมฝั่ง

baศูนย์ฯ แห่งนี้เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปเข้าไปเยี่ยมชมศูนย์ฯ และใกล้ชิดกับช้างได้ทั้งแบบไปเช้า - เย็นกลับ หรือพักค้างคืน พร้อมทำกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งรับอาสาสมัคร และรับบริจาคด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 034-514-800 หรือ 086-335-5332 Chevrolet Colorado MY2014 แคมป์ไฟท่ามกลางอากาศหนาว
baออกจาก บ้าน ช.ช้างชรา มุ่งหน้าที่พัก หินตก ริเวอร์แคมป์ ช่องเขาขาด ที่พักเป็นแนวกระโจมหรือเต็นท์ แยกย้ายกันพักผ่อนก่อนจะรวมตัวอีกครั้งเพื่อทานอาหารค่ำ ในใจนึกว่าต้องแย่แน่ๆ เพราะไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวมาเลย โชคดีที่ เชฟโรเลต เตรียมไว้ให้ในห้อง จึงพอจะออกมานั่งทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศกลางแจ้งได้ ยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาวและมีน้ำค้าง จึงต้องก่อกองไฟที่เตรียมไว้ช่วยสร้างความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี Chevrolet Colorado MY2014 พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด
baวันรุ่งขึ้นก่อนเดินทางกลับได้แวะไปชม พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ตัวอาคารได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม โดยความร่วมมือระหว่างไทยกับออสเตรเลีย เป็นสถานที่รวบรวมข้อมูล ภาพถ่าย สิ่งของเครื่องใช้ ในระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะ และมีการฉายภาพยนตร์ที่ถ่ายจากเหตุการณ์จริงในระหว่างการสร้างทางรถไฟแห่งนี้ด้วย

baชาวต่างชาติเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า Hellfire Pass หรือ ช่องไฟนรก เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายไทย - พม่า (เส้นทางรถไฟสายมรณะ) ตลอดเส้นทางรถไฟสายไทย - พม่า มีหลายจุดที่มีเนินหิน ภูเขา หน้าผา หรือหุบเหวขวางอยู่ จึงต้องขุดให้เป็นช่องเพื่อที่รถไฟสามารถวิ่งผ่านไปได้ ซึ่งที่ช่องเขาขาดหรือช่องไฟนรก เป็นจุดที่ใหญ่ที่สุดบนเส้นทางนี้

baการขุดเจาะช่องเขาขาดเริ่มในเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2486 ปรากฏว่างานล่าช้ากว่ากำหนดจึงมีช่วงที่เร่งงาน ซึ่งแรงงานแต่ละกะต้องทำงาน ถึง 18 ชั่วโมง โดยงานส่วนใหญ่ล้วนใช้แรงคนทั้งสิ้น เช่นการสกัดภูเขาด้วยมือ ซึ่งเป็นการทำงานที่ทารุณยิ่ง เนื่องจากต้องปีนลงไปสกัดในช่องเขาซึ่งบางช่วงสูงถึง 11 เมตร จนแทบไม่มีอากาศหายใจ ทั้งยังต้องทำงานท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวในช่วงเดือนมีนาคม

baในภาวะขาดแคลนน้ำและอาหาร เมื่อเจ็บป่วยแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ไม่เพียงพอต่อการพยาบาล ต้องดูแลกันตามมีตามเกิด เชลยศึกและกรรมกรที่ช่องเขาขาด ต้องทำงานตอนกลางคืนด้วยแสงไฟจากคบเพลิงและกองเพลิง ทำให้สะท้อนเห็นเงาของเชลยศึกและผู้คุมวูบวาบบนผนัง ทำให้ที่นี่ได้รับการขนานนามว่า ช่องไฟนรก หรือ Hellfire Pass

ba
แรงงานในการก่อสร้างทางรถไฟ มาจากเชลยศึกที่เป็นฝ่ายพันธมิตรกว่า 60,000 คน และ กรรมกรที่ใช้แรงงานชาวเอเชียประมาณ 200,000 คน โดยเชลยศึกประมาณ 12,800 คน และกรรมกรอีกประมาณ 90,000 คน เสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บ อดอาหาร อุบัติเหตุ ถูกทุบตี และสาเหตุอื่นๆ ระหว่างช่วง 15 เดือนของการก่อสร้าง คนเหล่านั้นได้รับความทุกข์ทรมานจากความโหดร้ายทารุณของผู้คุม และความไม่ยุติธรรมที่ได้รับจากชาวญี่ปุ่น

หมายเหตุ: ขอบคุณข้อมูลจาก hintokrivercamp.com และ thaigogenius.com. Chevrolet Colorado MY2014 baออกจาก พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด มุ่งหน้าร้านอาหาร คีรีธารา ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแคว ทานอาหารแล้วแยกย้ายกลับแบบ Free Run ขับกันตามสะดวก ผมออกจากร้านอาหารเป็นคันแรก แต่ถึงโรงแรมเป็นคันสุดท้าย เพราะหลงทางตามคอนเซ็ปต์ประจำตัว •

ขอบคุณ:
บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
//www.motortrivia.com/2013/test-drive-001/167-chevrolet-colorado-new-duramax-2013.html
Create Date :07 ธันวาคม 2556 Last Update :7 ธันวาคม 2556 9:27:46 น. Counter : 3257 Pageviews. Comments :0