รถยนต์อีโค่คาร์แบบ 4 ประตู ถือเป็นครั้งแรกที่รถยนต์กลุ่มนี้มีความดุเดือดมากกว่าเดิมด้วยการนำเสนอที่มุ่งเน้นให้มันสามารถตอบโจทย์ ได้จากความเป็นรถยนต์นั่งที่คุ้นหน้าตาคนไทยมานาน และในเดือนนี้เราจะจับมันมาชนกันดูสิว่า ระหว่าง Almera และ Brio Amaze ใครจะเจ๋งกว่ากัน
Nissan Almera ..เน้นหรูเต็มคราบแอบเติมสปอร์ต
ตั้งแต่เปิดตัวมาเมื่อปีกลายที่ผ่านมารถยนต์ Nissan Almera ถือว่าเป็นรถยนต์ที่มาพร้อมความเพียบพร้อมด้วยทั้งช่วงรุ่นที่มีเยอะมากมาย รวมถึงด้วยความเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ฉีกกฏในตลาดด้วยเรือนร่าง 4 ประตู ที่ให้ความลงตัวมากยิ่งขึ้น ภายใต้ คอนเซปต์ ที่มาพร้อมนายโดม กับความสุขที่กว้างกว่า
เรือนร่าง แบบ 4 ประตูของ Nissan Almera ใหม่ มาพร้อมกับโจทย์การออกแบบ ที่มุ่งเน้นให้รถมีความลงตัวมากยิ่งขึ้นภายใต้แนวคิดที่ลงตัวเหมาะสมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยเรือนร่างที่มีความยาวที่เทียบชั้นกับรถยนต์ขนาดคอมแพ็คคาร์ (4425 ม.ม.) ทำให้มันมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางมากขึ้น รวมถึงความจุ 490 ลิตร ในห้องสัมภาระด้วย
ด้านในห้องโดยสารเอง ก็เปี่ยมด้วยความสะดวกสบายมากมายแม้จะเน้นไปในทางหรูแต่ด้วยราคาและขนาดรถก็ทำได้ไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอ จะติดก็ตรงเบาะนั่ง โดยเฉพาะในส่วนที่รองนั่งที่ดูเล็กไปหน่อย เช่นเดียวกับด้านหลัง ที่นั่งสบายยืดขาดได้เป็นวา แต่ด้วยการออกแบบรถให้มีความคล้ายรถคู้เป้ ทำให้ด้านท้ายรถนั้นลาดลง จนมีปัญหาบ้างกับคนที่มีความสูงระดับ 170 ซ.ม. ขึ้นไป ยิ่งถ้าเจอเนินกระโดหรือคอสะพานหัวหัก ต้องมีกระแทกเพดานกันบ้าง
เครื่องยนต์ในAlmera โดยรวมเป็นการยกขุมพลัง 1.2 ลิตร HR12DE ที่คู่อีโค่คาร์ดั้งเดิมมาตอบสนองกับพละกำลัง 78 แรงม้า สูงสุดที่ 6,000 รอบต่อนาที และให้กำลังแรงบิดสูงสุด 106 นิวตันเมตร สูงสุด ที่ 4,400 รอบต่อนาที ยังโดดเด่นเหมือนเดิมกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ให้กำลังต่อเนื่องทุกรอบเร่ง เพิ่มทั้งสมรรถนะและความประหยัดน้ำมัน
แม้องค์ประกอบทุกอย่างจะยังคงเดิมเอาไว้แต่ก็มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาระบบ Idling Stop ขึ้นมาใหม่เพิ่มเติม จาก Nissan March ที่โดนติติงว่ามันออกแนวใช้งานยากไปเสียหน่อย ทำให้มันถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นใน Nissan Almera ด้วยความสามารถในการดับเครื่องยนต์ทุกเมื่อที่เหมาะสม และจะสตาร์ทกลับมาเอง ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด แต่สำหรับคนที่ขี้รำคาญก็สามารถยกเลิกได้
ส่วนระบบช่วงล่างของ Nissan Almera ก็ดีไม่แพ้กัน ให้ความมั่นใจในการขับขี่ แม้ในท้ายที่สุดแล้ว จะพบว่า แกว่งไกวบ้างในความเร็วสูง ด้วยความยาวของตัวรถ แต่ที่ดูจะเป็นจุดบอดก็เป็นเรื่องของระบบความปลอดภัย ที่จะมีให้แบบจัดเต็มตั้งแต่รุ่นกลางขึ้นไปเท่านั้น
Honda Brio Amaze สมการเลิฟที่ลงตัวสุดๆ
หลังจากพลาดท่าในงวดก่อนหน้านี้ ในครั้งใหม่นี้ Honda ก็พยายามที่จะไม่ทำผิดซ้ำสอง และด้วยความฉกาจในการผลิตรถยนต์นั่งอยู่เป็นทุนเดิม ก็ทำให้ให้ Honda Brio Amaze มาพร้อมความสุขที่มีความลงตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ตั้งแต่เปิดตัวมาเมื่อช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา Honda Brio Amaze ถือเป็นรถยนต์ที่ให้องค์ประกอบที่โดนใจคนจำนวนมาก ทั้งจากสาวกเดิมของค่าย และคนใหม่ๆที่มองหารถยนต์นั่งที่เป็นตัวเลือกมากกว่าที่คู่แข่งนำเสนอออกมา วางจำหน่าย ซึ่งยังมีที่ว่างให้ตลาดอยู่บ้าง
เรือนร่างที่ทำการบวกความยาวเพิ่มจากเดิม 380 ม.ม. ทำให้ Honda Brio Amaze ใหม่ เกิดขึ้นมาเป็นรถยนต์ที่มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น หลังจากที่โดนโขกสับไปในรุ่น 5 ประตู การยืดตัวถังเพิ่มช่วยให้ Brio Amaze มีองค์ประกอบ ที่ลงตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ส่งให้รถคันนี้ มีปัจจัยที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น
ยิ่งงานนี้ได้เส้นสายที่มองไปหาความหรูหรามากยิ่งขึ้นเพื่อทัดเทียมเจ้าตลาดที่นำเสนอออกมาอยู่แล้ว ก็ทำให้รถยนต์รุ่นใหม่นี้ มีความลงตัวมากขึ้น ตั้งแต่กระจังหน้า 2 แถบ โครเมี่ยมคล้ายพี่ใหญ่ ไปจนถึง บั้นท้ายที่มาพร้อมไฟท้ายที่เป็นองค์ประกอบของความสปอร์ต พร้อมแถบคิ้วโครเมี่ยม ที่ดูลงตัวมากยิ่งขึ้น และล้ออัลลอยขอบ 14 นิ้ว ให้ความสมบูรณ์แบบที่ลงตัว
ในห้องโดยสาร Honda Brio amaze เน้นให้ความสบายและอบอุ่นในห้องโดยสาร พร้อมด้วยโทนการตบแต่งสีเบจ เบาะนั่งคู่หน้าจัดมาแบบชิ้นเดียว รวบรัดเอาสไตล์เบาะสปอร์ตมาใช้ที่ทั้งให้ความสบายในการขับขี่และโอบกระชับมากยิ่งขึ้น จะดูเซ็งๆก็การลัดด้วยการตบแต่งสีน้ำตาลพยายามทำให้ให้คล้ายลายไม้ ที่ดูโอเค แต่ยังไม่ดีที่สุด
การโดยสารตอนหลังก็ทำได้ง่ายขึ้น เพราะ มีการปรับในส่วนของระยะฐานล้อยืดอีกทำให้ขึ้นลงง่ายมากยิ่งขึ้น รวมถึง ความยาวของรถที่ยืดเพิ่มเติมทำให้มีพื้นที่โดยสารทั้งการวางขาที่ดีขึ้น รวมถึงพื้นที่ระหว่างไหล่ ที่โอบกระชับบด้วยที่นั่งสุดนิ่มสไตล์เดียวกับ โซฟาช่วยให้ผ่อนคลาย เหมาะแก่คนที่รักการนั่งหลังมากมาย เช่นเดียวกันพื้นที่เหนือศรีษะก็เหลืออีกมากเรียกว่าทำได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้
Honda Brio Amaze มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร i-vtec เช่นกัน โดยมันมากับพละกำลังสูงสุด 90 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ที่ 4800 รอบต่อนาที ตอบโจทย์ในเรื่องความสามารถการขับขี่ ผ่านระบบเกียร์ CVT และ ระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
แม้จะไม่มีระบบช่วยเหลือในความประหยัดในทางตรง แต่ Honda เชื่อว่าขับประหยัดของมันฝึกกัน ได้ ทำให้ในรุ่นใหม่นี้มีการเอาไฟ Eco มาแสดงผลที่หน้าปัดเพื่อบอกว่ากำลังขับประหยัดอยู่ แต่กลับกันสิ่งที่น่าชื่นชนก็คงไม่พ้นระบบช่วงล่างที่มีการปรับเซทค่ามาใหม่ลงตัวมากยิ่งขึ้น ให้ความนิ่งเนียนในการขับขี่ พวงมาลัยก็บังคับทิศทางดีขึ้น แถมวงเลี้ยวสั้นกว่าคู่แข่งเพราะใช้เพียง 4.6 เมตร เท่านั้น
ในขณะที่เรื่องความปลอดภัยก็จัดมาให้อย่างพร้อมสรรพตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ยกกระชับมาตรฐานด้วยระบบความปลอดภัยจากระบบเบรก ABS แล้วกระจายแรงเบรก EBD ที่ยังมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า ที่ในฝั่นคนขับเป็นแบบอัจฉริยะพร้อมกันด้วย
แม้จะมีความแตกต่างกันในระหว่าง 2 รุ่นที่เรากล่าวถึงนี้กับ Honda Brio Amaze และ Nissan Almera อีโค่คาร์ 4 ประตูคู่ขวัญของคนไทย แต่ท้ายสุดต้องยอมรับว่า ต่างคนต่างวางแนวทางมาคนละแบบที่เหลืออยู่ที่คุณชอบอะไรก็เท่านั้นมากกว่า ...
สนับสนุนเนื้อหา
- Comment