งานไม่สัมฤทธิ์ ชีวิตไม่รื่นรมย์ (ท่าน ว.วชิรเมธี) งานไม่สัมฤทธิ์ ชีวิตไม่รื่นรมย์ปุจฉาดิฉันมีปัญหาใคร่ขอกราบเรียนถามท่าน ว. วชิรเมธีดังนี้ทุกวันนี้ ดิฉันไม่มีความสุขที่จะไปทำงานและไม่มีความสุขที่จะอยู่กับผู้ร่วมงานเลยโดยพื้นฐานแล้วดิฉันเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตไม่ค่อยพูดเล่นกับใครถ้าไม่สนิทด้วยดิฉันย้ายที่ทำงานมาที่ใหม่ อยู่มาได้ปีกว่าแล้วแต่ยังไม่สนิทกับใครเลยดิฉันทำงานไปเรื่อยๆโดยไม่ยุ่งกับใครไม่ทำให้ใครเดือดร้อนและไม่ทำร้ายใครบ่อยครั้งคนในที่ทำงานคุยกัน เล่นกัน แต่ดิฉันจะนั่งเงียบๆรู้สึกอึดอัดว่าเราเป็นตัวประหลาด ดิฉันไม่ทราบว่าจะพูดอะไรจริงๆรู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อยในการทำงานที่นี่ทั้งๆที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานดีดิฉันอยากลาออกไปทำธุรกิจของตัวเองแต่กลัวเหลือเกินว่าในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ ดิฉันขอกราบเรียนถามท่านว่า1.ผิดไหมที่ดิฉันเป็นแบบนี้ และดิฉันจะต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อที่จะให้คนอื่นยอมรับหรือไม่แค่คิดดี ทำดี ไม่เบียดเบียนใครพอหรือเปล่าคะ2. กรุณาให้คำแนะนำถึงวิธีการที่จะทำงานและอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุขและวิธีการเปลี่ยนแปลงตนเองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ วิสัชนาการที่คุณเป็นคนมีบุคลิกภาพเงียบขรึม คงไม่ใช่ความผิดบาปอะไรเพราะเราแต่ละคนต่างก็มีบุคลิกภาพที่แตกต่างกันไปเป็นเรื่องธรรมดาแต่หากจะมีปัญหาขึ้นมาก็คงเป็นเพราะว่าคุณคงไปทำงานอยู่ในแวดวงของคนที่ไม่สอดคล้องกับบุคลิกภาพของคุณต่างหากกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ งานกับคน ไม่สอดคล้องกันจึงเกิดอาการผิดฝาผิดตัวขึ้นมาจนชีวิต การงาน สัมพันธภาพ ไม่ราบรื่นนานมาแล้ว ผู้เขียนเคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งที่มีปัญหาคล้ายๆ คุณ กล่าวคือเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด ชอบเก็บเนื้อเก็บตัวแต่ถึงกระนั้นก็สู้อุตส่าห์เรียนมา ทางการตลาดจนจบวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาทำงาน ก็พบกับปัญหาใหญ่อันเนื่องมาแต่บุคลิกภาพกับงานที่ทำไม่สอดคล้องกันเพราะงานในฐานะนักการตลาดนั้นไม่ต้องการคนที่มีบุคลิกภาพเงียบๆ ขรึม ๆไม่สุงสิงกับใคร ไม่มีความทะเยอทะยานเมื่อทนทำงานไปสักพักหนึ่งในที่สุดก็ต้องตัดสินใจลาออกหลังจากนั้นก็ได้งานใหม่ตามสายงานการตลาดที่เรียนมาเหมือนเดิมอีก แต่ทำไปไม่กี่เดือนก็ลาออกอีกวันหนึ่งนักการตลาดที่มีโลกส่วนตัวสูงคนนี้ ก็ได้ค้นพบว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่งานอีกต่อไปแล้วหากแต่อยู่ที่ตัวเองที่ไม่ชอบงานของนักการตลาดที่ต้องเป็นคนหูไวตาไว มีความกระตือรือร้นคิดแคมเปญเก่ง ช่างพูดช่างจา มนุษยสัมพันธ์เยี่ยมเมื่อเกิดการ “ค้นพบ” อย่างถ่องแท้แล้วจึงผันตัวเองไปทำงานส่วนตัวที่ได้ “เงียบสมใจ”ทุกวันนี้ ก็เลยมีความสุขดี เพราะได้มีโลกส่วนตัวสมใจกรณีของคุณถ้าเป็นไปในทำนองนี้ก็คงต้อง “คิดใหม่ ทำใหม่”ไม่เช่นนั้นแล้ว จะเกิดสภาวะ “คนไม่สำราญ งานไม่สำเร็จ”ยิ่งทำงาน ยิ่งเสียคุณภาพชีวิตการทำงานนั้น ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตามควรคำนึงถึงคุณภาพชีวิตด้วยเสมอไปเพราะหากคุณทำงานไป แต่ไม่ได้คุณภาพชีวิตปัญหาทางจิต ปัญหาสุขภาพรวมทั้งปัญหาสังคมคือการ “ต่อ” กับใครไม่ติดก็จะตามมาและหากเราทิ้งอาการอย่างนี้ไว้นานๆวันหนึ่งเราก็จะเป็นเพียงคนที่ประสบความสำเร็จในการทำงานแต่ทว่ากลับเป็นมนุษย์ที่ล้มเหลวการคิดดี ทำดี นั้นมองเผินๆ ก็เหมือนจะพอแล้วแต่หากมองให้ลึกซึ้งกว่านั้นก็ควรจะเติมอะไรดีๆ เข้าไปได้อีกมากมายเช่น-คิดดี-พูดดี-ทำดี-มนุษยสัมพันธ์ดี-รับผิดชอบดี-อารมณ์ดี-ใจดีหากคุณยังไม่อยากลาออกจากที่ทำงานเก่าก็ขอแนะนำให้คุณลองปรับตัวให้มีมนุษยสัมพันธ์ดีกว่าเดิมโดยปรับตัวตามแนวทางสร้างมนุษยสัมพันธ์ตามสูตรของพระพุทธเจ้า ๔ ประการ คือ(๑) เอื้ออารี(๒) วจีไพเราะ(๓) สงเคราะห์มวลชน(๔) วางตนเสมอสมานเอื้ออารี หมายถึง ฝึกการเป็นผู้ให้ เพราะผู้ให้ ย่อมได้รับการให้ตอบการให้คือการเชื่อมไมตรีที่มีผลต่อสัมพันธภาพดีเยี่ยม ผู้รู้กล่าวว่า“ผูกสนิทชิดเชื้อนั้นเหลือยากเหมือนเหล็กฟากผูกไว้ก็ไม่มั่นถึงผูกด้วยมนต์เสกลงเลขยันต์ก็ไม่มั่นเหมือนผูกไว้ด้วยไมตรี”คุณอาจหยิบยื่นอะไรให้ใครสักคนหนึ่งโดยไม่เคยหวังผลด้วยซ้ำแต่บางทีหนึ่งครั้งที่คุณให้ออกไปอาจจารึกอยู่ในใจของผู้รับตราบนานเท่านานท่านพุทธทาสเคยกล่าวว่า “หากเรามีขนมอยู่ในมือชิ้นหนึ่งเรากินคนเดียว ก็อิ่มแค่มื้อเดียว แต่หากแบ่งให้เพื่อนขนมชิ้นนั้น จะอิ่มอยู่ในใจเพื่อนไปตลอดกาล”วจีไพเราะ หมายถึง การเป็นคนพูดจาน่ารับฟัง ช่างพูดช่างจามีวาทศิลป์ในการพูด รู้จักว่าเมื่อไหร่จะพูด เมื่อไหร่จะนิ่งเมื่อไหร่ควรพูดเล่น เมื่อไหร่ควรพูดจริงการพูดเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดชนิดหนึ่งในการสร้างความสำเร็จคุณลองสังเกตดูสิ คนสำคัญๆ ของโลกที่ประสบความสำเร็จโดยมากล้วนแล้วแต่เป็นนักพูดเก่งๆ กันทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นลินคอร์น, จอห์น เอฟ เคเนดี,มาติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์,หรือแม้แต่บารัค โอ บาม่าพลังของการพูดนั้นมีมหาศาลสามารถเปลี่ยนทางน้ำ ย้ายขุนเขาสะกดทัพนับแสนก็ยังได้ หากคุณไม่ค่อยพูด ก็ลองบอกตัวเองใหม่สิว่าธรรมชาติสร้างปากมาไม่เฉพาะแต่ใช้รับประทานอาหารเท่านั้นแต่ยังสร้างมาให้เรารู้จักการพูดจาอย่างมีวาทศิลป์อีกด้วยสงเคราะห์มวลชน หมายถึง การเป็นคนมีอัธยาศัยไมตรีอันดีเข้ากับคนส่วนใหญ่ได้ เห็นใครทำอะไรแล้วไม่นิ่งเฉยมีจิตสำนึกสาธารณะ ชอบช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนร่วมงานเพื่อนมนุษย์ กล่าวอย่างสั้นที่สุด ก็คือ การไม่เห็นแก่ตัวนั่นเองวางตนเสมอสมาน หมายถึง การปรับตัวให้สามารถอยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างปกติในลักษณะ “มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน”หากเราลงเรือพาย แต่เราไม่พายเรือเหมือนคนอื่นก็คงไม่แคล้วต้องกลายเป็นคนแปลกแยกถ้าคุณรู้ว่า คุณไม่ชอบพายเรือ ก็ไม่ควรจะไปนั่งอยู่ในเรือพายซึ่งเขาต้องการความร่วมมือร่วมใจคุณควรออกไปหาที่นั่งที่เหมาะกับคุณจะดีกว่าอย่างไรก็ตาม เท่าที่อ่านจากคำถามคุณคงมีปัญหาในเรื่องมนุษยสัมพันธ์แต่คุณไม่ได้มีปัญหาในแง่จิตวิทยาแน่เพราะคุณสามารถวิเคราะห์ปัญหาของตนเองได้เป็นอย่างดีทีเดียวดังนั้น ก็หวังว่า คำวิสัชนาที่เขียนมาข้างต้นนั้นคงจะทำให้คุณมองเห็นทางออกได้อย่างแน่นอน Create Date :07 ธันวาคม 2553 Last Update :7 ธันวาคม 2553 22:15:28 น. Counter : Pageviews. Comments :1 twitter google Comment *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก ดีมากๆๆเลย โดย: เออีไอโอยู IP: 124.121.181.34 8 ธันวาคม 2553 15:14:33 น.
โดย: เออีไอโอยู IP: 124.121.181.34 8 ธันวาคม 2553 15:14:33 น.