bloggang.com mainmenu search

ความตื่นเต้นของผมมีไม่มากสำหรับการควานหาเครื่อง iPad mini มาลองจับๆ ถูๆ ในช่วงแรกๆ ที่เปิดตัว แต่กลับเป็นความสงสัยมากกว่าว่า iPad ขนาดเล็กตัวนี้ จะมีดีพอที่จะเข้ามาเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้หลายๆ คนหาเรื่องอยากได้โดยไม่มีเหตุผลหรือเปล่า ซึ่งการรีวิวในครั้งนี้ทำให้ผมได้คำตอบแล้ว และจะนำมาเล่าให้ฟัง

กล่องเล็กมาก เท่าสมาร์ทโฟน

ก่อนจะยุ่งกับภายในก็ขอเริ่มจากภายนอกก่อน ซึ่ง iPad mini จะเป็นเหมือนการนำเอา iPad รุ่นใหญ่มาย่อให้เล็กลงแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก โดยตัวกล่องก็มีขนาดที่เล็กซึ่งแตกต่างกับ iPad รุ่นใหญ่อย่างชัดเจนมากๆ จนนึกว่าเป็นสมาร์ทโฟนไม่ใช่ Tablet ด้วยซ้ำ

อุปกรณ์ในกล่องมีมาให้ตามมาตรฐานก็คือคู่มือสั้นๆ สาย Lightning และอแดปเตอร์สามขาตามมาตรฐานของประเทศที่ไปหิ้วเครื่องเข้ามา ซึ่งใครที่หวังจะเอาหูฟัง Earpods ก็ต้องแสดงความเสียใจด้วยเพราะไม่มีมาให้ ต้องไปเสียตังค์กันเอาเอง

เครื่องเนี๊ยบ สไตล์ iPod touch ผสม iPhone 5

เป็นเรื่องปรกติอยู่แล้วที่ดีไซน์ของสินค้าต่างๆ ของ Apple จะออกมาคล้ายกัน ซึ่ง iPad mini ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมาก เพราะดีไซน์คล้ายกับ iPod touch รุ่นล่าสุดมากๆ และใช้โทนสีแบบเดียวกับ iPhone 5 ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แทบจะทิ้งเค้าโครงของ iPad รุ่นเดิมไปเกือบหมด จนเกือบจะเป็น iPod touch ไซส์ใหญ่ไปแทนซะด้วยซ้ำ และแน่นอนว่าพอเป็นวัสดุแบบใหม่ ดีไซน์แบบใหม่ เรื่องรอยขีดข่วนก็เตรียมทำใจกันได้ เพราะเท่าที่ดูแล้ว iPad mini สีดำก็น่าจะเป็นรอยได้ง่ายเหมือนกับ iPhone 5 ที่เป็นปัญหากัน ใครรักสีดำก็เตรียมดูแลกันดีๆ

ในส่วนของน้ำหนักเครื่อง บอกได้เลยว่าเบามาก ซึ่งเป็นน้ำหนักที่ใช้งานสะดวกจริง เพราะสามารถถือด้วยมือเดียวแบบไม่เมื่อยได้สบายๆ ซึ่งถ้าได้ลองถือ iPad mini แล้วกลับไปจับ iPad 3 ดู แทบจะรู้สึกได้เลยว่า iPad 3 กลายเป็นหนักเว่อร์ไปซะอย่างงั้นเลย แถมตัวเครื่องก็บางมากๆ และด้วยขนาดตัวเครื่องที่ไม่ได้ใหญ่อะไรมากเราสามารถใส่กระเป๋ากางเกงด้าน หลังที่ใหญ่ๆ หน่อย หรือจะใส่ใว้ที่กระเป๋าด้านในเสื้อสูทก็ได้

iPad เก่าในร่างใหม่

ถ้าไม่นับเรื่องขนาดที่เล็กลง iPad mini ก็ถือว่าเป็นการเอาของเก่ามาปัดฝุ่นขายใหม่แบบไม่มีอะไรน่าสนใจเลยของ Apple เพราะสเปคของ iPad mini ตามที่เรารู้กันนั้นก็คือเป็นเหมือน iPad 2 ทุกประการ เริ่มจากการประมวลผลที่ใช้ชิปเซ็ท Apple A5 ซึ่งว่ากันตรงๆ ตอนนี้ถือว่าเป็นชิปเซ็ทที่ตกรุ่นไปแล้ว 3 รุ่น เพราะปัจจุบันใน iPad 4 มีการใช้ A6X, iPhone 5 ใช้ A6, iPad 3 ใช้ A5X ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าเป็นการแสดงออกถึงการ “กั๊ก” อย่างชัดเจนในด้านของสเปคภายใน ซึ่งทำให้การทำงานบางอย่างของ iPad ไม่ได้ไหลลื่นอย่างที่ควรจะเป็น เอาง่ายๆ ใครเคยใช้ iPad 2 แล้วรู้สึกช้ากับส่วนไหน ก็เตรียมรับความรู้สึกนั้นได้เลย

ยอมรับว่าครั้งแรกที่เห็น iPad mini ผมยกให้มันเป็นหนึ่งในเครื่อง Game Player ที่น่าสนใจมากๆ เพราะด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ และน้ำหนักที่เบาหวิว ทำให้การเล่นเกมดูน่าสนใจสุดๆ แต่ก็มาสะดุดตรงที่เรื่องเดิมๆ ก็คือชิปเซ็ทของ iPad mini นั้นไม่ได้เอื้อกับการเล่นเกมเท่าไร  เพราะหากเราจำได้ตอนที่เราเคยรีวิว The new iPad (iPad 3) เราก็ตื่นเต้นกับการที่กราฟิกดีขึ้นไม่รู้กี่เท่าถ้าเทียบกับ iPad 2 เดิม ซึ่งพอมาเป็น iPad mini ที่กราฟิกแสดงออกมาได้เท่ากับ iPad 2 ก็ดูจะไม่ประทับใจเท่าไรกับผลลัพธ์ที่ได้ เพราะส่วนหนึ่งผมก็ติดใจกับกราฟฟิกที่สวยขึ้นมากๆ บน iPad 3 ไปซะแล้ว

จอชัดกำลังดี แต่อย่าเทียบ (กับ iPad 3)

สำหรับหน้าจอของ iPad mini ที่เหลือขนาดเพียง 7.9″ แต่ยังคงใช้ความละเอียดหน้าจอเท่า iPad 2 แน่นอนว่าจะทำให้ความคมของรายละเอียดบนจอมีมากขึ้น (เพราะโดนบีบพิกเซลให้เล็กลง) แต่ก็แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะหากดูที่จอจริงๆ จะยังเห็นความเบลอและรายละเอียดของพิกเซลได้ชัดอยู่ ซึ่งคนที่ใช้ iPad 3 จนชินหรืออยู่กับจอ Retina Display มาโดยตลอดก็บอกได้เลยว่าคุณจะรู้สึกแน่ๆ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ถือเครื่องในระยะใช้งานที่ห่างจากสายตาอย่างเหมาะสม ก็น่าจะช่วยให้ความเบลอของรายละเอียดลงลงได้บ้าง (แต่ก็อย่าลืมว่าตอนไม่มีจอ Retina เราก็ใช้งานกันได้ดีตามปรกตินะ)

การใช้งานเช่นการอ่าน E-Book ถือว่าทำได้ดี (ยกตัวอย่างเช่นนิตยสาร Mars) ตัวหนังสืออ่านไม่ยากจนเกินไป แต่บาง App ก็จะอ่านยากเล็กน้อยเพราะหน้าจอไม่ได้ละเอียดมาก พอเจอบีบให้เล็กลงตัวหนังสือเลยเล็กลงไปด้วย (แต่ก็แค่บาง App เท่านั้น) และในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ถือว่าใช้งานได้ดีและคล่องแคล่วพอสมควร บางทีการใช้งานพวกนี้อาจจะสะดวกกว่า iPad ขนาดใหญ่ด้วยซ้ำ เพราะด้วยขนาดที่เล็กลงทำให้เราควบคุมอะไรได้ง่ายขึ้นจริงๆ (แต่ก็แล้วแต่ขนาดของมือด้วย)

ในส่วนของแป้นพิมพ์ ถ้าเราถือเครื่องในแนวตั้งเราจะสามารถใช้งานสองมือซ้ายขวาในการพิมพ์เหมือน กับสมาร์ทโฟนพวก Blackberry ได้เลย เพราะนิ้วเราจะสามารถกวาดได้ทั่วถึงทั้งแป้น แต่ถ้าเป็นคนที่นิ้วใหญ่มากๆ ก็อาจจะมีปัญหาเล็กๆ ในการพิมพ์ปุ่มที่เล็กลง แต่ก็ไม่ได้ลำบากมากมายเท่าไร



สนับสนุนเนื้อหา Thaimacupdate
Create Date :19 พฤศจิกายน 2555 Last Update :19 พฤศจิกายน 2555 7:39:39 น. Counter : 2481 Pageviews. Comments :0