นอกจากชื่อของ เอ็มม่า วัตสัน ที่เป็นหนึ่งนักแสดงนำในเรื่อง และผู้กำกับ โซเฟีย คอปโปล่า ที่ดึงดูดให้รู้สึกว่าหนัง The Bling Ring นั้นน่าดูแล้ว ยังรวมไปถึงเรื่องราวที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังเรื่องนี้ ที่เกิดจากเหตุการณ์จริงอันน่าเหลือเชื่อที่เคยเป็นข่าวโด่งดังมาระยะหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว!

The Bling Ring เป็นเรื่องราวของแก๊งวัยรุ่น 4 สาว 1 หนุ่ม ประกอบด้วย รีเบคก้า (เคที่ ฉาง), มาร์ค (อิสราเอล บรูซซาร์ด), นิคกี้ (เอ็มม่า วัตสัน), โคลอี้ (แคลร์ จูเลี่ยน) และ แซม (เทียสซ่า ฟาร์มิก้า) ที่หลงระเริงกับแสงสีและความฟุ้งเฟ้อในระบอบทุนนิยม และอยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของเซเลปหรือดาราฮอลลีวู้ด จนนำมาซึ่งการบุกบ้านเหล่าคนดังหลากหลายคนเพื่อหยิบฉวยสิ่งที่ต้องการ ความคะนองของช่วงวัยและการได้รับการยอมรับ ทำให้พฤติกรรมของพวกเขาหนักข้อขึ้นจนนำมาซึ่งบทสรุปที่เป็นบทเรียนชีวิตครั้งใหญ่ให้แก่ทุกคนในที่สุด!

ต้องบอกเลยว่าหนัง The Bling Ring นั้นถือเป็นงานดูสบาย เรื่อยๆ ของ ผู้กำกับหญิงที่ได้รับการยกย่องอีกคนหนึ่งในระดับโลกอย่าง โซเฟีย คอปโปล่า หนังเล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน แต่แฝงความลีลาของการนำเสนอและความเก๋ไก๋ของมุมกล้อง

และที่โดดเด่นมากๆ ก็คือการใช้เพลงและดนตรีประกอบที่ถือว่าเป็นสิ่งที่เรียกว่าเป็น 'ที่สุด' แล้วในหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้! จากช่วงแรกที่ใช้ดนตรีและเพลงประกอบแบบเทคโนที่มีรูปแบบเสียงดนตรีอันแพรวพราว สื่อให้เห็นถึงความสนุกของชีวิตวัยรุ่น และความตื่นเต้นจากการกระทำที่บ้าบิ่นแต่ได้รับการยอมรับจากสังคม (ที่ตัวเองคบหาอยู่) แต่หลังจากที่ตัวละครถลำลึกเข้าไปมากยิ่งขึ้น ดนตรีประกอบก็ค่อยๆ แทรกเสียงสังเคราะห์ที่สื่อถึงความหวาดระแวง สงสัย และน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ที่เป็นตัวแทนของความคิดของตัวละครในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้งานด้านภาพก็ยังเป็นรูปแบบของ โซเฟีย คอปโปล่า อยู่ แต่มันเป็นงานที่สบายๆ ดูสนุกสนานมากกว่าที่เคยเป็น อันอาจมาจากเรื่องราวของหนังที่ฉาบสีสันความสนุก และเพื่อดึงคนดูในวงกว้างได้ ว่าถึงแม้จะเป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงแต่ไม่ได้ดูอยากจนเป็นสารคดีอย่างที่คิด

หนังให้เวลากับตัวละคร รีเบคก้า และ มาร์ค ที่เป็นเหมือนเพื่อนซี้ มากกว่าที่จะไปเน้นตัวละครนิคของ เอ็มม่า วัตสัน ที่มีพลังดารามากกว่า เป็นความตั้งใจที่ทำให้เรามาสนใจกับความคิดความรู้สึกของตัวละครในเรื่องที่แม้จะอยู่ในช่วงวัยรุ่นแต่ทุกตัวละครในกลุ่ม The Bling Ring ต่างเป็นผู้ที่มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น จะเห็นว่า แต่ละคนต่างถูกสังคมระบบทุนนิยมเข้าครอบงำไลฟ์สไตล์ชีวิตคนดังที่ถูกหล่อหลอมจากสื่อ และได้รับการยกย่องจากคนทั่วไป ทำให้พวกเขาต้องการมีชีวิตแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว

มูลเหตุจูงใจในการบุกเข้าไปบ้านคนดัง ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า ทดลองสัมผัสชีวิตแบบคนดัง หยิบยืมบางสิ่งมาใช้ เพื่อสนองความต้องการให้กับตัวเอง โดยตัวละครเหล่านี้แทบจะไม่มีใครที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องอยู่เลย!!

การแสดงของทีมนักแสดงนำทั้ง 5 นับว่าลงตัวและเข้ากันอย่างประหลาด พวกเขาเหมือนเป็นตัวสะท้อนความคิดและการแสดงออกของวัยรุ่นบางส่วนในยุคนี้ แต่คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าประเทศไทยก็มีวัยรุ่นแบบนี้อยู่ เอ็มม่า วัตสัน คือนักแสดงในเรื่องที่ผู้ชมคุ้นหน้าคุ้นตาที่สุด ซึ่งเธอสามารถแสดงบทของวัยรุ่นสาวที่หลงผิดเป็นชอบได้อย่างยอดเยี่ยม!

แม้บทสรุปของตัวละครใน The Bling Ring จะเป็นไปตามคาด! ส่งผลให้หนังเรื่องนี้เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจให้วัยรุ่นหันกลับมามองชีวิตของตัวเอง ว่ากำลังคิด กำลังทำ กำลังทดลองอะไรกับชีวิตที่มันไม่ใช่ทางที่ถูกอยู่หรือเปล่า โดยมีเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบของกลุ่ม The Bling Ring เป็นเหมือนตัวอย่าง!

แต่ฉากสุดท้ายในเรื่องนี้ที่ตัวละคร นิคกี้ ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการทีวีรายการหนึ่ง ซึ่งมองว่าเป็นฉากจบที่แสบสันและคมคายแต่มองอีกมุมมันก็มีอันตรายซ่อนอยู่ เพราะอาจทำให้วัยรุ่นที่ชมอยู่คิดว่านี่อาจเป็นเส้นทางที่น่าลิ้มลองก็เป็นได้! หากสุดท้ายมันจะทำให้ตัวเองโด่งดังเหมือนเซเลปที่ตัวเองชื่นชอบ! น่าเสียดายหากเจตนาที่ผู้สร้างต้องการสื่อกว่า 90 นาที อาจถูกบิดเบือนเพียงเพราะฉากจบเพียงนาทีเดียว...

The Bling Ring ผมให้ 3 / 5

สนับสนุนเนื้อหา