bloggang.com mainmenu search


อุปกรณ์การทำนายด้วยอักษรรูนของนักพยากรณ์ในปัจจุบัน

ท่าม กลางความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและฟิสิกส์ขั้นสูงที่กำลังขับเคลื่อน โลกเบี้ยวของเราใบนี้ให้เดินหน้าต่อไปนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่ยังถ่วงดุลอำนาจของวิทยาศาสตร์มาโดยตลอดก็คือ “ไสยศาสตร์” ซึ่งมักจะหมายความโดยรวมถึงเรื่องลึกลับและเวทมนตร์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ ด้วยหลักของเหตุและผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผี วิญญาณ รวมทั้งเรื่องของเวทมนตร์คาถาที่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ด้วยเช่นกัน

และ บ่อยครั้งที่เวทมนตร์คาถาต่างๆมักจะถูกแสดงออกในรูปของ “อักขระ” ไม่ว่าจะเป็นการสักยันต์ หรือการปลุกเสกต่างๆก็มักจะมี “อักขระ” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นอกจากอักขระขอมที่มักจะใช้ในการลงยันต์แล้วนั้น ก็ยังมีอักขระอีกไม่น้อยที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำนายและเวทมนตร์คาถา โดยตรง และสัปดาห์นี้คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียล โดยทีมงานนิตยสารต่วย ’ตูน ก็จะนำท่านไปรู้จักกับหนึ่งในอักขระที่ว่ามานี้ก็คือ อักษร “รูน” (Rune) ซึ่งเป็นอักขระแห่งดินแดนยุโรปโบราณครับ





หินสลักอักษรรูน ภาพเทพโอดินและหมาป่าเฟนรีร์.

ใน ปัจจุบันมีอาจารย์ และนักพยากรณ์หลายท่านที่ใช้อักษรรูนเป็นตัวช่วยในการทำนายและคาดเดาถึง เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า นอกจากนั้นอักษรรูนยังสามารถบอกถึงการวิเคราะห์และหาผลลัพธ์ในสิ่งที่จะเกิด ขึ้นได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำนายหรือเสี่ยงทายด้วยอักษรรูนจะมีความแม่นยำมากน้อย เพียงใดก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในอักษรรูนของผู้ทำนายเป็นสำคัญครับ

ตำนาน ของอักษรรูนเองก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ถ้าว่ากันตามตำนานเทพนิยายแถบสแกนดิเนเวียน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอักษรรูนแล้ว ต้องกล่าวว่าผู้ที่ประดิษฐ์อักขระชนิดนี้ขึ้นมาให้มนุษย์ได้ใช้ก็คือ เทพเจ้าแห่งสงคราม บทกวีความรู้และความฉลาดผู้มีนามว่า โอดิน (Odin) ตำนานเล่าว่าเทพโอดินได้ห้อยหัวเป็นค้างคาวอยู่บนต้นไม้ ที่เรียกว่า “อิกดราซิล” (Yggdrasil) เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน (บ้างก็ว่าท่านห้อยหัวให้โลหิตไหลลงศีรษะเพื่อเป็นการทรมานร่างกาย) จนท่านได้เกิดญาณพิเศษ รับรู้เรื่องราวต่างๆมากมาย ความรู้มหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ตัวท่าน ภายในเวลา 9 คืนนั้นท่านได้ล่วงรู้ถึงความลับทั้งหมดทั้งมวลบนโลกใบนี้ แต่สิ่งที่ท่านเองได้ตระหนักถึงก็คือ ท่านคงจะหมดลมหายใจในไม่ช้า แล้วความรู้มหาศาลที่ท่านได้รับรู้มาเล่า มันก็ต้องหายไปหมดด้วยน่ะสิ



หินสลักอักษรรูน.

ไหนๆ ก็ต้องทนทรมานเจ็บปวดร่างกายมาตั้ง 9 วัน 9 คืนแล้ว จะให้ความรู้และสรรพวิชาที่ได้รับมาต้องสูญเปล่าก็ใช่ที่ ก็เลยคิดจะแบ่งปันความรู้เหล่านั้นให้มนุษย์โลกได้เรียนรู้กันด้วย เทพโอดินจึงได้ทำการประดิษฐ์อักษรรูนขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายความรู้ที่ท่านได้ รับมาใน 9 คืนอันแสนทรมานให้กับมนุษย์โลก ดังนั้น ถ้าอ้างอิงตาม ตำนานนี้ อักษรรูนจึงเป็นอักขระที่ได้มาจาก “ความ ตาย” ของมหา เทพโอดิน อักขระชนิดนี้จึงมีความพิเศษในด้านของเวทมนตร์คาถาและสรรพความรู้โบราณ เป็นอักขระศักดิ์สิทธิ์แห่งสแกนดิเนเวียน ที่ใช้สำหรับปลุก เสกคาถาและร่ายคำสาปในไสยเวทต่างๆ โดยเฉพาะการร่ายคาถาลงบนอาวุธเพื่อให้สังหารศัตรูได้อย่างแม่นยำ

จะ เห็นได้ว่าเวทมนตร์ที่แฝงอยู่ในอักษรรูนนั้น ศักดิ์สิทธิ์และทรงพลังเป็นอย่างมาก มากถึงขั้นที่โรงเรียนฮอกวอตส์ในวรรณกรรม เยาวชนอย่างพ่อมดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ต้องเปิดสอนวิชา การศึกษาอักษรรูนโบราณกันเลยที เดียวล่ะครับ!! (เจ.เค. โรว์ลิ่ง เธอใส่ ใจในทุกราย ละเอียดจริงๆครับ)




หินสลักเนื้อหาอักษรรูนที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมา.

แต่ ถึงอย่างนั้น ที่กล่าวไปข้างต้นทั้งหมดก็เป็นอักษรรูนในมุมมองของ “นักพยากรณ์” ที่อ้างความศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานของมหาเทพโอดินเท่านั้น แล้วถ้าในมุมมองของนักวิชาการด้านอักขระโบราณบ้างล่ะ เขามองอักษรรูนกันอย่างไร

อักษรรูน คาดว่าพัฒนามาจากอักษรโรมัน ซึ่งเป็นต้นแบบของภาษาอังกฤษในปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่มีนักวิชาการท่านใดสามารถฟันธงประเด็นนี้ลงไปอย่างชัดเจนได้ ที่พอจะทราบก็คือหลักฐานทางโบราณคดีที่จารึกด้วยอักษรรูนนั้น ปรากฏในหลายชนเผ่าแถบยุโรป ไม่ว่าจะเป็นชาวกอธ (Goth) เผ่าเจอร์มานิค (Germanic) ชาวเดนมาร์ก สวีเดน นอร์เวย์ อังกฤษ และเยอรมัน ซึ่งเป็นไปได้ว่าอักษรรูนนั้นเฟื่องฟูในยุโรปตอนเหนือตั้งแต่ยุคก่อนการ เข้าไปของศาสนาคริสต์เสียด้วยซ้ำครับ ทำให้นักวิชาการส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า คำว่า “รูน” ซึ่งเป็นชื่อเรียกอักษรแห่งเวทมนตร์โบราณนั้น น่าจะมาจากคำว่า “raunen” ซึ่งเป็นภาษาเยอรมันแปลว่า “กระซิบ” (Whisper) ซึ่งก็บอกเป็นนัยถึงความศักดิ์สิทธิ์ของอักษรรูนได้ไม่น้อยเลยครับ



หินสลักอักษรรูนและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์.

นอก จาก นั้น นักวิชาการยังค้นพบแผ่นหิน แผ่นไม้ และแผ่นโลหะที่จารึกด้วยอักษรรูนกว่า 5,000 ชิ้น กระจายตัวทั่วยุโรป นั่นย่อมหมายความว่า ชนเผ่าแห่งยุโรปตอนเหนือนั้น ก็เป็นผู้ที่อ่านออกเขียนได้และมีตัวอักษรใช้เช่นกันมาเนิ่นนานแล้ว

แน่ นอน ว่าในตำนาน เราอาจจะบอกได้ว่ามหาเทพโอดินเป็นผู้ประดิษฐ์อักษรรูนขึ้นมาจากความตายของ ตัวเอง แต่ถ้ามองในมุมของประวัติศาสตร์ล่ะ ใครเป็นผู้คิดค้นอักษรรูนขึ้นมา คำตอบก็คงจะไม่แตกต่างจากเรื่องลึกลับทั่วโลกนั่นแหละครับว่ายังไม่มีนัก วิชาการท่านใดสามารถตอบได้ บ้างก็บอกว่าอาจจะเป็นพวกกอธ หรือไม่ก็เป็นชนเผ่าบริเวณหุบเขาในสวิตเซอร์แลนด์ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่นักวิชาการหลายท่านคิดเห็นตรงกันก็คือ อักษรโรมันต้องส่งอิทธิพลบางอย่างให้กับอักษรรูนด้วยเป็นแน่



อักษรรูนบางตัวคล้ายกับอักษรโรมันและภาษาอังกฤษ เช่น r i b f h s และ t.

อักษร รูน ประกอบไปด้วยอักขระ 24 ตัว เป็นพยัญชนะ 18 ตัว และสระ 6 ตัว บางครั้งนักวิชาการก็เรียกขานอักษรรูนว่า อักขระ “ฟูทาร์ค” (Futhark) ซึ่งมาจากอักษร 6 ตัวแรกของอักษรรูน (f u th ark) ก็คล้ายๆกับที่เราเรียกระบบตัวอักษรว่า “Alphabet” ก็ด้วยว่ามาจากอักษร 2 ตัวแรกในภาษากรีก ซึ่งก็คือ Alpha และ Betaนั่นเอง

ทิศทางการอ่าน อักษรรูนสามารถอ่านได้ทั้งจากซ้ายไปขวา และขวาไปซ้าย แต่ส่วนมากจะพบว่าเขียนจากซ้ายไปขวาเสียมากกว่าครับ และที่นักวิชาการส่วนใหญ่มีความเห็นที่ลงรอยกันว่า อักษรรูนได้รับอิทธิพลจากอักษรโรมัน ก็เพราะว่ามีอักขระบางตัวที่คล้ายคลึงกับอักษรโรมันด้วย เช่น ตัว ri b f h s และ t ซึ่งอักขระบางตัวก็อยู่ในลักษณะกลับหัว เช่น u และ l แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอักษรอีกหลายตัวครับที่ไม่คล้ายคลึงกับอักษรโรมัน เช่น g w j และ p จึงทำให้ไม่สามารถสรุปได้ว่า อักษร รูนนี้มีความสัมพันธ์กับอักษรโรมันในด้านใดบ้าง



อักษรรูนแพร่หลายทั่วตอนเหนือของยุโรป

ดัง นั้น ในทุกวันนี้ ถ้ามองอักษรรูนจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านอักขระโบราณแล้วก็ต้องบอกว่า รูนเป็นหนึ่งในอักขระที่ยังถอดความไม่ได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเราจะสามารถเข้าใจได้ว่าอักษรรูนแต่ละตัวนั้นแทนเสียงอะไร และอ่านอย่างไร แต่เราก็ยังไม่สามารถเข้าใจความหมายที่ถ่องแท้ที่ภาษาโบราณแห่งสแกนดิเน เวียนนี้ กำลังบอกพวกเราได้เลย นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า อักษรรูนนั้นก็ไม่ต่างจากอักขระอีทรัสคัน ที่สามารถอ่านออกเสียงได้ เพราะอักขระอีทรัสคันนั้น ใช้อักษรกรีก แต่เราไม่สามารถเข้าใจความหมายที่ภาษาต้องการสื่อกับพวกเราได้มากเท่าใดนัก อักษรรูนก็เช่นกัน ความหมายที่ถอดความออกมาได้โดยนักวิชา การผู้เชี่ยว ชาญนั้นก็ยังคลุมเครืออยู่ไม่น้อย เนื่องด้วยเรายังขาดความรู้ทางด้านภาษาเจอร์มานิคยุคแรกอยู่มากพอสมควรเลยที เดียว

ดังนั้น การตี ความและเข้าใจความหมายของอักษรรูนในปัจจุบันนั้น ก็เป็นเพียงแค่การศึกษา ตีความและคาดเดาความหมายจากหลัก ฐานเพียงน้อยนิดที่ยังคลุมเครืออยู่เท่านั้น ดังที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรรูนได้กล่าวเอาไว้ว่า “จารึกอักษรรูนทุกชิ้นที่ค้นพบสามารถสื่อความหมายได้มากเกินกว่าที่นักวิชา การได้เคยตีความเอาไว้”



ตามตำนานมหาเทพโอดินเป็นผู้ประดิษฐ์อักษรรูน.

คิด แล้วก็น่าแปลกนะครับที่อักขระแห่งเวทมนตร์ โบราณซึ่งใช้ในการทำนายและพยากรณ์กันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน กลับเป็นเพียงตัวเขียนที่ยังถอดความไม่ได้อย่างสมบูรณ์ในมุมมองของนัก วิชาการด้านภาษาโบราณ แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้คำตอบได้ และการพยากรณ์ด้วยอักขระที่แลกมาด้วยชีวิตของมหาเทพโอดินอย่างอักษรรูนก็อาจ จะเป็นอีกหนึ่งความลึกลับแห่งโลกโบราณที่ยากที่จะเข้าใจด้วยหลักของเหตุและ ผลก็เป็นได้นะครับ.


ขอบคุณ...ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน
Create Date :06 กันยายน 2554 Last Update :6 กันยายน 2554 7:19:43 น. Counter : Pageviews. Comments :0