bloggang.com mainmenu search

ฉันเรียนจบปริญญาตรีบริหารธุรกิจ เอกภาษาอังกฤษ 1 ใน และ การค้าระหว่างประเทศอีก 1 ใบ เมื่อจบก็ได้งานที่ใครๆหลายๆคนอยากทำกันเหลือเกิน "พนักงานธนาคาร" โดยเป็นธนาคารพาณิชย์ ที่ใหญ่โตและมั่นคงมากๆแห่งหนึ่งของประเทศไทย

ตอนที่ฉันสมัครงานและฝึกงาน ใน Job description ก็ระบุเนื้องานว่า... เป็นการประสานงาน ทำธุรกรรมเกี่ยวกับการโอนเงินต่างประเทศ และรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่าง ๆ ทั่วโลก

เอาล่ะ ถึงจะไม่ได้ตรงตามที่จบมามาก แต่ฉันก็คิดว่า อย่างน้อยมันก็ยังอยู่ในสายงานเดียวกัน คงจะนำไปต่อยอดกันได้ และได้ใช้ภาษาตามที่ได้เรียนมา และตัวธนาคารเองมีความมั่นคงสูง สวัสดิการดูดีเมื่อเทียบกับบริษัทเอกชนอื่น ๆ พ่อแม่สนับสนุนและดีใจที่ลูกทำงานธนาคาร

ตอนนี้ ฉันได้สัมผัสงานธนาคารมากว่า 3 ปีแล้ว มันถึงวันที่เรียกได้ว่า เป็นวันที่ฉันรู้สึก หดหู่ สิ้นหวัง ที่สุด เพราะในเวลานี้ "เนื้องาน" ที่ฉันเคยคิด Job description ที่เคยเห็นตอนแรกเข้าทำงาน มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว พนักงานธนาคารทุกคนตอนนี้ หน้าที่อย่างเดียว คือ...

ขายผลิตภัณฑ์ทุกอย่างของธนาคาร โดยที่พวกเขาไม่เคยสนใจว่าพนักงานจะมีใบอนุญาตหรือไม่ จะมีความผิดอะไรบ้าง ธนาคารไม่สนใจแล้วว่า หน้าที่จริง ๆ ที่พนักงานแต่ละแผนกต้องรับผิดชอบนั้น คืออะไร

พนักงานธนาคาร กลายเป็นพนักงานขายประกัน ขายบัตรเครดิต ระดมเงินฝาก ขายกองทุน และทุก ๆ อย่างตามแต่ที่จะโดนเร่งผลงานมา ณ ตอนนั้น "งานประจำ" มีน้ำหนักเพียง 30% แต่ผลงานขายนั้นธนาคารให้น้ำหนักถึง 70% เลยทีเดียว

พอโดนเร่งเป้ามาก ๆ ลูกค้าเป้าหมายก็รำคาญ เข้าสาขาน้อยลงจนไม่สามารถทำยอดได้ พนักงาน “ส่วนใหญ่” จึงต้องใช้วิธี หมุนเงิน/ควักเงินตัวเอง ในการซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของธนาคาร ให้อยู่รอดกันไปในแต่ละครั้ง เช่น

โปรโมชั่นเงินฝาก - ก็ใช้วิธี หมุนเงินของตัวเอง ของพ่อแม่ มาเปิดบัญชีใหม่อีกเล่ม / บัตรเครดิต - ก็ใช้ชื่อพ่อแม่ สามี ภรรยา คนในครอบครัว สมัครบัตร และเป็นบัตรเสริม / ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ - ก็สมัครกรมธรรม์ให้ตัวเองและคนในครอบครัว ทั้ง ๆ ที่มีกันหมดทุกคนแล้ว

วนเวียนเป็นวัฏจักรแบบนี้เรื่อย ๆ จนทุกวันนี้เรียกได้ว่า เฉือนเนื้อตัวเองกิน

นอกจากจะต้องแบกรับความเสี่ยงในการทำงานแต่ละวัน เช่น เงินสดขาดบัญชี หรือ รับเงินปลอม (ในกรณีอยู่ฝ่ายแลกเงินต่างประเทศ) ซึ่งค่าความเสี่ยงที่ธนาคารมีวงเงินให้ต่อเดือนนั้นน้อยนิด เมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่ผ่านมือพนักงานทั้งเดือน

แล้วยังต้องเครียดกับการหายอดผลิตภัณฑ์ ที่โดนบังคับให้ขายในแต่ละเดือน ใครทำยอดไม่ได้ตามเป้า ก็จะโดนเรียกไปพบ และข่มขู่ โดยไม่สนใจเนื้องานหลักที่ทำ แต่สนใจเฉพาะยอดขาย
และ จบท้ายด้วยประโยคว่า

"ธนาคารไม่ได้เอาปืนมาจ่อหัวให้คุณสมัครเข้ามา คุณเลือกเข้ามาเอง คุณต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง"

ฉันก็อยากจะบอกกลับเหมือนกันว่า...

"ตอนที่พวกเราสมัครงานนี้มา ก็ไม่มีระบุใน Job description เหมือนกันว่า ต้องเป็นนายหน้าประกันชีวิตและตัวแทนขายบัตรเครดิต
อยากถามอีกทีว่า รู้จักประโยค Put the right man in the right job บ้างไหม ถ้าพนักงานทุกคนไปหายอดกันหมด แล้วจะมีงานหลักไว้เพื่ออะไร หรือจะแบ่งแผนกไปทำไมกัน"

พนักงานธนาคารทุกวันนี้ นอกจากจะความเสี่ยงสูง (เสี่ยงต่อการทำเงินขาด/รับเงินปลอม) รายได้ต่ำ แล้วยังต้องทำงานเกินหน้าที่ ล่วงเวลาโดยไม่ได้โอที เสียค่ารถไปกับการเดินทางประชุมนอกสถานที่และนอกเวลาทำงาน แน่นอนว่า เบิกโอทีและค่ารถไม่ได้

และยังเสียสุขภาพจิต ร่างกายเสื่อมโทรม เพื่อนไม่คบ ญาติมิตรหนีหาย นี่ยังไม่รวมถึงการเมืองในสาขา ใครเป็นเด็กปั้น ใครเป็นเด็กนอกสายตา ทำดีแค่ไหน ก็ไม่ได้ประเมินเลื่อนขั้น อธิบายอะไรไป ก็ไม่รับฟัง รู้แต่ว่าข้างบนสั่งมาเท่านี้ คุณต้องทำให้ได้

ปัจจุบันงานธนาคารเป็นงานที่อัตรา Turnover สูงมาก นั่นคือ เด็กจบใหม่เข้าทำงานมาก แต่ก็ลาออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้แต่คนรุ่นกลางอายุ 40 ขึ้น และรุ่นอาวุโสที่ไม่มีที่ไป

ใครอ่านมาถึงตรงนี้คงคิดว่า 
อายุฉันก็ยังไม่มาก มีโอกาสไป แล้วจะทนทำไม?

ก็อยากจะว่า ที่ผ่านมามันทนได้ค่ะ แต่พอมันเริ่มทับถมเรื่อย ๆ ก็ไม่คิดจะทนเหมือนกัน ในเมื่อทำงานแล้วเนื้องานวนเวียน ไม่มีโอกาสเจริญก้าวหน้า เครียด งานหนักเกินเงินเดือน ก็ต้องลาจากเหมือนกันค่ะ

ใครที่อยากทำงานธนาคาร ต้องทบทวนตัวเองใหม่ว่า คุณพร้อมจะรับสิ่งต่าง ๆ ที่ฉันพูดมาได้หรือไม่ ถ้าได้ คุณเหมาะกับอาชีพนี้

แต่ถ้าลังเลไม่แน่ใจ ขอบอกเลยว่า... อย่าลอง!!!
เพราะคุณจะต้องเสียใจที่ตัดสินใจทำงานนี้แน่ๆ

ขอบคุณที่อ่านจนจบ แค่อยากระบายและแชร์ภาพรวมของงานธนาคารในปัจจุบันว่า มันไม่ได้สวยหรู เหมือนที่เราเคยเห็นในสมัยเด็ก ๆ อีกต่อไปแล้ว

ที่มาของข้อมูลจาก pantip.com ชื่อ Synthia
Create Date :28 สิงหาคม 2557 Last Update :28 สิงหาคม 2557 8:03:21 น. Counter : 1469 Pageviews. Comments :0