bloggang.com mainmenu search

อดรนทนไม่ไหวต้องขอนัดสื่อตั้งโต๊ะแถลงข่าว เพื่อชี้แจงสิทธิในความเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า "กาแฟมงคล" กันเลยทีเดียว สำหรับพิธีกรสาวมั่น "โอปอล์ ปาณิสรา" หลังอดีตคนรักของน้องชาย "โอเปก" ที่เลิกรากันไป และเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยเข้ามาช่วยดำเนินกิจการแบรนด์กาแฟดังกล่าวในช่วงแรก ได้ออกมายืนยันผ่านโลกโซเชียลว่า ตนและพี่ชายเป็นผู้คิดค้นสูตร รวมถึงจดทะเบียน "กาแฟมงคล" เป็นชื่อของตนเอง จนทำให้เกิดความสับสนในหมู่ผู้บริโภค!!

ซึ่งเรื่องนี้สาวโอปอล์ และรวมถึงทนายความ ได้ยืนยันแน่นอนแล้วว่าจะขอดำเนินการทางกฏหมายกับคู่กรณีให้ถึงที่สุด พร้อมประกาศเปลี่ยนชื่อร้านใหม่เป็น O's Coffee เพื่อยุติความเข้าใจผิดอย่างเป็นทางการอีกด้วย...

วันนี้พี่โอปอล์มีอะไรอยากจะชี้แจงบ้างถึงเรื่องธุรกิจร้านกาแฟที่กำลังเป็นประเด็น ?

โอปอล์ - อย่างที่ทุกท่านทราบว่าปอล์มีธุรกิจเล็ก ๆ เป็นร้านกาแฟ เพราะมันคือความฝันของพ่อปอล์ และพ่อก็ตั้งชื่อร้านว่า ประมวลมงคล จากนั้นธุรกิจมันก็โตขึ้นปอล์ก็เลยชวนแฟนของน้องชายตอนนั้นมาช่วย ซึ่งเขาก็ยินดี แต่หลังจากนั้นไม่นานพ่อแม่ปอล์ก็เริ่มสุขภาพไม่โอเค เราก็เลยต้องปิดสาขาแรกไป แต่ปอล์ไม่อยากให้ร้านมันจบแค่ตรงนั้น ปอล์ก็เลยอยากเปิดร้านใหม่ก็เลยไปปรึกษาพ่อว่าอาจจะต้องเปลี่ยนชื่อร้านจาก ประมวลมงคล เป็น กาแฟมงคล เพราะถ้าเราไปเปิดที่สยามคนอาจจะไม่รู้ว่า ประมวลมงคลคือร้านอะไร หลังจากนั้นปอล์ก็ใช้เงินเก็บของปอล์ลงทุนเปิดร้านกาแฟนที่สยามขึ้นมาค่ะ

จนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โอเปกกับแฟนเขาก็เลิกกัน ปอก็เลยรู้สึกว่าไหน ๆ เราก็ทำร้านมาด้วยกันแล้ว ถ้าเลิกก็ให้ต่างคนเปิดสาขาเป็นของตัวเองก็ได้ ซึ่งตัวเขาก็ทำร้านขายเฟรนไชน์อะไรของเขาไป แต่ฝั่งปอล์ไม่มีเฟรนไชน์อะไรเลยเราทำกันเองทุกอย่าง จนเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา มันก็มีจดหมายจากทางเขาส่งเข้ามาบอกว่า ให้ทางบ้านปอล์เลิกใช้คำว่ากาแฟมงคลที่พ่อปอล์คิดขึ้น เนื่องจากตอนนี้เขาได้จนทะเบียนเครื่องหมายการค้าเรียบร้อยแล้ว แต่หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือนเขาก็โทรมาอีกบอกว่าให้ปอล์เลิกใช้คำว่ากาแฟมงคล ไม่เช่นนั้นเขาจะดำเนินคดีทางกฏหมาย ซึ่งปอล์ก็เองก็พยายามพูดคุยถึงปัญหาต่าง ๆ กับเขา เพราะอย่างที่ทราบชื่อร้านนี้พ่อปอล์เป็นคนคิด แต่ทางฝั่งเขาเองก็บอกว่าตัวเขามีเป็นสิบสาขา บ้านปอล์มีแค่ห้า และเวลาพูดคำว่ากาแฟมงคลคนก็จะเข้าใจว่าเป็นร้านของปอล์หมดซึ่งเขาไม่ได้เครดิต เขารู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบ ปอล์ก็เลยบอกเขาไปว่างั้นปอล์จะชี้แจงในไอจีว่าร้านปอล์มีแค่ห้าสาขาเท่านั้น ซึ่งเขาก็ยินดี

แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โกรธปอล์อีก แล้วก็เริ่มก็โพสต์สเตตัสบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยการบอกว่าเขาคือคนที่บุกเบิกร้านขึ้นมาเอง และคิดสูตรเมนูทุกสูตรในเมนู ซึ่งปอล์พยายามใจเย็นมาตลอด จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา เขาโทรมาหาปอล์อีก บอกให้ปอล์ขึ้นขอโทษเขาในไอจีและชี้แจงด้วยว่าเขาคือออริจินอลแต่ปอล์ไม่ใช่ รวมถึงถ้าหากปอล์อยากจะใช้คำว่ากาแฟมงคลต่อก็ให้ปอล์ไปซื้อเฟรนไชน์กับเขา ซึ่งปอล์คิดว่ามันเกินไป

และวันนี้เหตุผลที่ปอล์ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ปอล์ก็อยากจะชี้แจงว่าปอล์และครอบครัวไม่มีความเกี่ยวข้องกับร้านกาแฟมงคลหรือมงคลคอฟฟี่สาขาใดอีก นอกจาก 5 สาขาที่ปอล์มี และเพื่อความชัดเจนปอล์ก็ขอเปลี่ยนชื่อร้านกาแฟเป็นร้าน O's Coffee ด้วย นอกจากนั้นทางฝั่งปอล์เองก็มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินคดีกับเขา เนื่องจากข้อมูลที่เขาให้มันเป็นการบิดเบือนและสร้าความเสียหายให้กับครอบครัวปอล์ทั้งสิ้น (ร้องไห้) ปอล์ตั้งใจจริง ๆ ที่จะทำร้านนี้ให้กับพ่อและครอบครัวปอล์ ปอล์เลยจำเป็นต้องขอดำเนินการทางกฏหมายกับเขานะคะ

ทนาย - ตอนนี้เรากำลังรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เพื่อดำเนินคดีทางกฏหมายกับคู่กรณีทั้งทางแพ่งและอาญา ส่วนเรื่องที่ฝ่ายนั้นโชว์ใบจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต ผมก็ขอแจ้งว่านั่นเป็นเพียงแค่หลักฐานทางทะเบียนเท่านั้น แต่ถ้าหากเรามองย้อนไปถึงฐานสิทธิที่แท้จริงของความเป็นเจ้าของแล้วเราจะพบว่าเขาไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเครื่องหมายการค้านี้เลย ดังนั้นเมื่อเขาเอาไปจดทะเบียนอย่างไม่มีสิทธิเราก็ต้องฟ้องร้องเพื่อถอนเครื่องหมายการค้านี้ครับ และทางเราเองก็มีพยานหลักฐานสำคัญที่พร้อมจะพิสูจน์กันในศาลด้วย

โอปอล์ - ปอล์อยากจะแจ้งไปทางเขาและพวกพ้องเขาว่าให้หยุดการกระทำใด ๆ ที่จะสร้างความเสื่อมเสียให้กับครอบครัวปอล์ (น้ำตาคลอ) เพราะนั่นจะเป็นอีกหนึ่งหลักฐานสำคัญที่เราใช้ในชั้นศาล และปอล์อยากจะขอให้เรื่องปอล์เป็นบทเรียนในกับทุกคนที่อยากมีธุรกิจว่าคุณต้องจดมันให้ถูกต้องนะคะ อย่าไว้ใจใคร อย่าไว้ใจคนที่คุณคิดว่าเขาเป็นครอบครัว เพราะมันไว้ใจไม่ได้จริง ๆ ค่ะ

เสียความรู้สึกมากไหมที่เขาทำกับเราแบบนี้ ?
โอปอล์ - เสียใจค่ะ เพราะอย่างที่บอกปอล์คิดมาตลอดว่าเขาคือคนในครอบครัว เพราะเราโตมาด้วยกัน เขาเห็นมาตลอดว่าร้านนี้ปอล์ตั้งใจทำให้พ่อ และยิ่งเขาเป็นคนใกล้ชิดมาทำแบบนี้ปอล์ก็ยิ่งเสียใจค่ะ

ทำไมถึงยอมเปลี่ยนชื่อ ?
ทนาย - ตอนนี้ถ้าเรายังใช้ชื่อเดิมผู้บริโภคก็อาจจะสับสนได้ เราก็เลยต้องหยุดใช้ชั่วคราว เมื่อใดก็ตามแล้วที่เราทวงแบรนด์เราคืนมาได้เราก็จะนำมาบริหารจัดการต่อครับ

ทางฝั่งนั้นเขาได้เรียกร้องอะไรมาทางเราบ้าง ?
ทนาย - มีเป็นเอกสารโนติสให้หยุดใช้เครื่องหมายการค้านี้ครับ

ชื่อแบรนด์จะมีโอกาสดึงกลับมาเป็นของเราเหมือนเดิมได้ไหม ?
ทนาย - มีครับ เพราะตามข้อเท็จจริงแล้วเครื่องหมายการค้าคือของเรา แม้เขาจะเอาไปจดได้ แต่เราเป็นเจ้าของที่แท้จริงเราก็สามารถเพิกถอนได้เช่นเดียวกัน อีกอย่างเรามีหลักฐานสำคัญด้วย

Create Date :05 กรกฎาคม 2557 Last Update :5 กรกฎาคม 2557 11:39:54 น. Counter : 1148 Pageviews. Comments :0