อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการจุดกระแสให้ตลาดรถยนต์มีความคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง หลังโตโยต้าเปิดตัวรถปิกอัพเจเนอเรชั่นที่ 8 ภายใต้ชื่อ "ไฮลักซ์ รีโว่" แทนรุ่นเดิม คือ "ไฮลักซ์ วีโก้" ที่ครองตลาดและเป็นโมเดลที่ขายดีมายาวนาน มาฟังจากปากของ "เคียวอิจิ ทานาดะ" เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค มาร์เก็ตติ้ง อนด์เซลส์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กันว่า รีโว่ จะเป็นสินค้าเรือธงที่ฝ่าคลื่นลมในช่วงนี้ไปได้อย่างไร

      - จุดแข็งของรีโว่

  ชื่อของ "รีโว่" มาจากรีโวลูชั่น เพราะเรานิยามให้รีโว่ เป็นรถปิกอัพที่ปฏิวัติทุกมิติสำหรับรถกระบะ มีการติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันมากขึ้น 10% และยังรองรับการใช้น้ำมันดีเซลไปถึงบี 20 ส่วนในด้านของกฎเกณฑ์ด้านการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เราก็พัฒนามาเผื่อไว้แล้ว ที่รถเซ็กเมนต์นี้ที่ต้องปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อกิโลเมตร ก็สามารถทำผ่านมาตรฐานได้เรียบร้อย ทำให้รถรุ่นนี้มีความพร้อมที่จะทำตลาดทั้งในประเทศไทย ตลาดซีแอลเอ็มวี ตลาดอาเซียน และตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก

      - สเต็ปการเปิดตัว

  เราเดินหน้าใน 2 รูปแบบ คือ การเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ ทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาคตามหัวเมืองใหญ่ ภายใต้แคมเปญ "รีโว่โชว์ถึงถิ่น" และในทุก ๆ โชว์รูมที่จะเปิดตัวพร้อมกันทั่วประเทศ และการสร้างการรับรู้ผ่านสื่อในทุกช่องทาง พร้อมทั้งการสร้างประสบการณ์การขับขี่ให้ลูกค้า ที่โตโยต้าจะเปิดสนามทดสอบให้ลูกค้าได้ลองขับกันในกรุงเทพฯในเดือนกันยายนนี้

      - ศักยภาพของรีโว่ในตลาดโลก

  เรามองว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะมีความต้องการใช้งานรถปิกอัพที่เพิ่มขึ้นแน่นอน ซึ่งรีโว่ก็เป็นรถที่พัฒนาภายใต้โครงการไอเอ็มวี หรืออินโนเวชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล มัลติ-เพอร์โพสต์ วีฮิเคิล (Innovation International Multi-Purpose Vehicle-IMV) ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า คาดว่ารถจากโครงการดังกล่าวซึ่งมี 2 รุ่น คือ รีโว่ และอินโนว่า จะสามารถทำยอดขายทั่วโลกรวมกันได้ประมาณ 1 ล้านคันต่อปี รีโว่จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของโตโยต้า ที่มีการปรับปรุงในรอบกว่า 11 ปี และจะเป็นสินค้าที่ช่วยผลักดันยอดขายของเราให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

      นอกจากนี้ยังมีแผนส่งออกรีโว่ไปจำหน่ายใน 100 ประเทศทั่วโลก จะเป็นรถที่ถูกผลิตในประเทศไทยกว่า 70% จากกำลังผลิตทั้งหมดในโรงงาน 6 แห่งทั่วโลก เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตรถปิกอัพได้ถึงปีละ 5-6 แสนคันต่อปี ซึ่งจะทำการผลิตในโรงงาน 2 แห่ง คือที่บ้านโพธิ์ และสำโรง มีการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมอยู่ที่ 95-96% เรียกได้ว่าเราใช้ชิ้นส่วนในประเทศไทยเกือบจะ 100% แล้ว

      - ความคาดหวังในสภาพตลาดชะลอตัว

  เดิมไฮลักซ์ วีโก้ เป็นรถที่ขายมานาน และมีกลุ่มลูกค้าที่รอคอยรถรุ่นใหม่นี้อยู่มาก เราวางเป้าหมายยอดขายสำหรับไฮลักซ์ รีโว่ ใหม่นี้ ที่เดือนละ 14,000 คัน เป้าหมายจำนวนนี้ถือว่าไม่น้อย ในสถานการณ์ตลาดรถยนต์เช่นนี้ก็ถือว่าท้าทายสำหรับเรา เพราะปัจจุบันกำลังซื้อยังไม่ฟื้นคืนมา แต่ถ้าในสถานการณ์ตลาดที่ดี หากยอดขายรถยนต์รวมอยู่ที่ปีละ 1 ล้านคัน เราจะตั้งเป้ายอดขายรถรุ่นนี้ไว้ที่เดือนละ 18,000 คัน แต่ตลาดหดตัวก็ต้องปรับตามสภาพตลาด

      - เริ่มเห็นสัญญาณบวกในตลาดรถยนต์บ้างหรือไม่

      4 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายยังลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งรถยนต์นั่งและรถเพื่อการพาณิชย์หดตัวในอัตราที่ใกล้เคียงกัน เราประเมินว่าจนถึงสิ้นปี ยอดขายรถยนต์รวมไม่น่าจะถึง 9 แสนคัน แต่โตโยต้าจะประเมินตลาดรวมและเป้ายอดขายใหม่อีกครั้งในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้

      ส่วนปัจจัยลบที่ยังเห็นได้ชัด นั่นคือกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่กลับมา กลุ่มเกษตรกรก็ยังมีรายได้ไม่ดี ที่ส่งผลกระทบตลาดปิกอัพโดยตรง รวมไปถึงสถานการณ์ด้านการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ยังคงเข้มงวด ทำให้ตลาดมีการแข่งขันสูง โดยตลาดรถปิกอัพน่าจะแข่งขันกันดุเดือดทั้งโตโยต้าเองและค่ายอื่น ๆ

      - เป้าหมายของโตโยต้าในระยะยาว

      เป้าหมายในอนาคต เราก็อยากให้ตลาดรถยนต์ไทยกลับมามียอดขายที่ระดับ 1 ล้านคัน ซึ่งโตโยต้าตั้งเป้าเฉพาะรถปิกอัพไว้ราว 2 แสนคัน แต่สำหรับปีนี้เราคิดว่าเป็นช่วงที่ดีที่ลูกค้าจะซื้อรถโดยเฉพาะรถปิกอัพ เพราะในปี 2559 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีมีผลให้ราคาอาจจะปรับขึ้น ซึ่งตรงนี้เราก็พิจารณาอยู่ว่าจะต้องปรับหรือไม่ ต้องดูสภาพตลาดไปด้วย แต่แนวโน้มก็น่าจะต้องปรับขึ้น อยากฝากให้ซื้อรีโว่กันในปีนี้เยอะ ๆ นะครับ

//auto.sanook.com/15855/