มูลกรรมฐาน (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) มูลกรรมฐานหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตกุลบุตรผู้บรรพชาอุปสมบทเข้ามาในพระพุทธศาสนานี้แล้วใครเล่าไม่เคยเรียนกรรมฐานมา บอกได้ทีเดียวว่า ไม่เคยมีพระอุปัชฌาย์ทุกองค์เมื่อบวชกุลบุตรจะไม่สอนกรรมฐานก่อนแล้วจึงให้ผ้าภายหลังไม่มีถ้าอุปัชฌาย์องค์ใดไม่สอนกรรมฐานก่อนอุปัชฌาย์องค์นั้นดำรงความเป็นอุปัชฌายะต่อไปไม่ได้ฉะนั้นกุลบุตรผู้บวชมาแล้วจึงได้ชื่อว่าเรียนกรรมฐานมาแล้ว ไม่ต้องสงสัยว่า ไม่ได้เรียนพระอุปัชฌายะสอนกรรมฐาน ๕คือ เกสา ผม โลมา ขน นขา เล็บ ทันตา ฟัน ตโจ หนังในกรรมฐานทั้ง ๕ นี้ มีหนังเป็นที่สุด ทำไมจึงสอนถึงหนังเท่านั้น?เพราะเหตุว่า หนัง มันเป็นอาการใหญ่คนเราทุกคนต้องมีหนังหุ้มห่อถ้าไม่มีหนัง ผม ขน เล็บ ฟัน ก็อยู่ไม่ได้ ต้องหลุดหล่นทำลายไปเนื้อ กระดูก เอ็น และอาการทั้งหมดในร่างกายนี้ก็จะอยู่ไม่ได้ ต้องแตกต้องทำลายไปคนเราจะหลงรูปก็มาหลง หนัง หมายความสวยๆ งามๆเกิดความรักใคร่แล้วก็ปรารถนาเพราะมาหมายอยู่ที่หนังเมื่อเห็นแล้วก็สำคัญเอาผิวพรรณของมันคือ ผิว ดำ-ขาว-แดง-ดำแดง-ขาวแดงผิวอะไรต่ออะไร ก็เพราะหมายสีหนังถ้าไม่มีหนังแล้ว ใครเล่าจะหมายว่าสวยงาม?ใครเล่าจะรักจะชอบจะปรารถนา? มีแต่จะเกลียดหน่ายไม่ปรารถนาถ้าหนังไม่หุ้มห่ออยู่แล้ว เนื้อเอ็นและอาการอื่นๆ ก็จะอยู่ไม่ได้ทั้งจะประกอบกิจการอะไรก็ไม่ได้ จึงว่า หนังเป็นของสำคัญนักจะเป็นอยู่ได้กินก็เพราะหนัง จะเกิดความหลงสวยหลงงามก็เพราะมีหนังฉะนั้นพระอุปัชฌายะท่านจึงสอนถึงแต่หนังเป็นที่สุดถ้าเรามาตั้งใจพิจารณาจนให้เห็นความเปื่อยเน่าเกิดอสุภนิมิต ปรากฏแน่แก่ใจแล้วย่อมจะเห็นอนิจจสัจจธรรม ทุกขสัจจธรรม อนัตตาสัจจธรรมจึงจะแก้ความหลงสวยหลงงามอันมั่นหมายอยู่ที่หนังย่อมไม่สำคัญหมาย และไม่ชอบใจ ไม่ปรารถนาเอาเพราะเห็นตามความเป็นจริงเมื่อใดเชื่อคำสอนของพระอุปัชฌายะไม่ประมาทแล้ว จึงจะได้เห็นสัจจธรรมถ้าไม่เชื่อคำสอนพระอุปัชฌายะ ย่อมแก้ความหลงของตนไม่ได้ย่อมตกอยู่ในบ่วงแห่งรัชชนิอารมณ์ ตกอยู่ในวัฏจักรเพราะฉะนั้น คำสอนที่พระอุปัชฌายะได้สอนแล้วแต่ก่อนบวชนั้นเป็นคำสอนที่จริงที่ดีแล้วเราไม่ต้องไปหาทางอื่นอีกถ้ายังสงสัย ยังหาไปทางอื่นอีกชื่อว่า ยังหลงงมงายถ้าไม่หลงจะไปหาทำไม คนไม่หลงก็ไม่มีการหาคนที่หลงจึงมีการหา หาเท่าไรยิ่งหลงไปไกลเท่านั้นใครเป็นผู้ไม่หา มาพิจารณาอยู่ในของที่มีอยู่นี้ก็จะเห็นแจ้งซึ่งภูตธรรม ฐีติธรรม อันเกษมจากโยคาสวะทั้งหลายความในเรื่องนี้ ไม่ใช่มติของพระอุปัชฌายะทั้งหลายคิดได้แล้วสอนกุลบุตรตามมติของใครของมันเนื่องด้วยพุทธพจน์แห่งพระพุทธองค์เจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ให้อุปัชฌายะเป็นผู้สอนกุลบุตรผู้บวชใหม่ ให้กรรมฐานประจำตนถ้ามิฉะนั้นก็ไม่สมกับการออกบวชที่ได้สละบ้านเรือนครอบครัวออกมาบำเพ็ญเนกขัมมธรรม หวังโมกขธรรมการบวชก็จะเท่ากับการทำเล่น พระองค์ได้ทรงบัญญัติมาแล้วพระอุปัชฌายะทั้งหลายจึงดำรงประเพณีนี้สืบมาตราบเท่าทุกวันนี้พระอุปัชฌายะสอนไม่ผิด สอนจริงแท้ๆ เป็นแต่กุลบุตรผู้รับเอาคำสอนไม่ตั้งใจมัวประมาทลุ่มหลงเอง ฉะนั้นความในเรื่องนี้วิญญูชนจึงได้รับรองทีเดียวว่า เป็นวิสุทธิมรรคเที่ยงแท้ที่มา...มุตโตทัย พระธรรมเทศนาของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตบันทึกโดย พระอาจารย์วัน อุตฺตโม และ พระอาจารย์ทองคำ ญาโณภาโสณ วัดป่าบ้านหนองผือ อ. พรรณานิคม จ. สกลนครพ.ศ. ๒๔๙๑ - ๒๔๙๒luangpumun Create Date :28 พฤษภาคม 2554 Last Update :28 พฤษภาคม 2554 11:15:50 น. Counter : Pageviews. Comments :0 twitter google Comment *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก