bloggang.com mainmenu search
ก่อนหน้านี้ Sanook!Auto เคยนำเสนอรีวิว Mitsubishi Triton รุ่น 4 ประตู Double Cab กันไปแล้ว ซึ่งก็นับได้ว่าเป็นกระบะที่น่าใช้รุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้เลยทีเดียว คราวนี้เราลองมาดูเวอร์ชั่น 2 ประตู Mega Cab เอาใจคนเน้นบรรทุกของกันดูบ้าง ว่าการใช้งานจริงจะน่าใช้เหมือนกับรุ่น 4 ประตูแค่ไหน


เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ได้จัดเส้นทางทดสอบกรุงเทพฯ –กาญจนบุรี ให้เราได้สัมผัส ไทรทัน เมกะแค็บ กันแบบเต็มๆ โดยคันที่เราได้รับมอบหมายทดสอบนั้น เป็นรุ่น Mega Cab Plus GLS Navi เกียร์อัตโนมัติ ซึ่งเป็นตัวท็อปสุดในตระกูลเมกะแค็บที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน

Triton รุ่น Mega Cab ใหม่ มีตัวถังแบบตอนครึ่งพร้อมแค็บเปิดได้สไตล์ตู้กับข้าว ซึ่งแทบจะกลายเป็นฟังก์ชั่นมาตรฐานของกระบะแค็บในบ้านเราไปแล้ว ขณะที่ชื่อ ‘Plus’ บ่งบอกว่าใช้ระบบขับเคลื่อนแบบสองล้อ แต่มาในเวอร์ชั่นยกสูงตามสไตล์รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อนั่นเอง

รูปลักษณ์ภายนอกของ ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส จีแอลเอส เนวี่ คันที่เราได้ทดสอบนี้ แทบจะไม่มีอะไรต่างกับเวอร์ชั่น 4 ประตูที่เราได้ทดสอบไปก่อนหน้า จะต่างกันก็เพียงประตูหลังที่ถูกแทนที่ด้วยประตูแค็บแบบเปิดได้ กับช่วงกระบะด้านท้ายที่ยาวขึ้น ช่วยให้รองรับการบรรทุกได้มากกว่า

ด้านหน้าในรุ่น GLS Navi คันนี้ ยังคงมาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และไฟ Daytime Running Light สำหรับใช้งานในเวลากลางวันแบบ LED ส่วนดีไซน์กระจังหน้าก็ยังคงแวววาวด้วยซี่แนวตั้งขนาดใหญ่พร้อมชุบโครเมี่ยมทั้งอันเช่นกัน ขยับลงมาด้านล่างเป็นช่องดักลมสีดำพร้อมไฟตัดหมอกทรงกลมล้อมด้วยกรอบสีเงินดูเด่นสะดุดตา

ดีไซน์ด้านข้างถูกออกแบบให้มีลักษณะโค้งมน ช่วยเพิ่มลุคสปอร์ตยิ่งขึ้น แต่ก็แฝงไว้ซึ่งความนิ่มนวล อ่อนไหว ติดตั้งกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมโป่งข้างล้อที่ช่วยให้รถดูบึกบึนยิ่งขึ้น รวมไปถึงติดตั้งบันไดด้านข้างเพื่อความสะดวกในการขึ้น-ลงมาให้ด้วย ไล่มายังด้านท้ายจะพบกับไฟท้ายทรงตั้งสีแดง-ขาว พร้อมกันชนหลังสีเงินที่ถูกตกแต่งด้วยสีดำ มือเปิดฝาท้ายแบบโครเมี่ยมพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

ภายในห้องโดยสารของไทรทัน พลัส GLS Navi ถูกตกแต่งด้วยสีดำ เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุแบบผ้า สามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้ ขณะที่พวงมาลัยและหัวเกียร์ถูกหุ้มด้วยหนัง แผงคอนโซลตกแต่งด้วยสีดำ Piano Black ช่วยเพิ่มความหรูหรา โดดเด่นด้วยหน้าจอมัลติฟังก์ชั่นแบบทัชสกรีน รองรับแผ่น DVD/MP3 รวมถึงระบบนำทาง (เฉพาะรุ่น Navi)

     สามารถเชื่อมต่อ USB ได้ รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์สำหรับสนทนาแบบไร้สายอีกด้วย ขับกำลังเสียงด้วยลำโพงทั้งหมด 4 จุดรอบคัน

ติดตั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบดิจิตอล ไม่สามารถแยกโซนซ้าย-ขวาได้ พวงมาลัยมาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงทางฝั่งซ้าย และปุ่มควบคุมระบบครูซคอนโทรลทางฝั่งขวา ขณะที่ปุ่มสตาร์ทถูกติดตั้งไว้บนแผงคอนโซลทางด้านขวามือ ใกล้ๆกับสวิตช์ปรับกระจกมองข้าง ทำงานคู่กับกุญแจอัจฉริยะ KOS

เงยหน้าขึ้นมาจะพบกับไฟอ่านแผนที่พร้อมช่องเก็บแว่นตา แผงกันแดดขนาดใหญ่พร้อมกระจกแบบมีฝาปิดสำหรับฝั่งคนนั่ง รวมถึงมือจับบริเวณเสาเอทั้งสองข้าง ช่วยเพิ่มความสะดวกในการขึ้น-ลง

ขุมพลังในรุ่นยกสูง ‘Plus’ รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล จะถูกติดตั้งด้วยเครื่องยนต์คลีนดีเซลบล็อกใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รหัส 4N15 ความจุ 2.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC พร้อมระบบ MIVEC เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ หัวฉีดแบบคอมมอนเรล ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า (PS) ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดถึง 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และธรรมดา 6 สปีดให้เลือก

ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกสองชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบแหนบซ้อนพร้อมโช็คอัพแบบไขว้ ระบบบังคับเลี้ยวชนิดแร็คแอนด์พีเนียน ให้วงเลี้ยวแคบสุด 5.9 เมตร ระบบเบรกเป็นแบบหน้าดิสก์หลังดรัม พร้อมช่องระบายความร้อนด้านหน้า ตัวรถวางอยู่บนล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 245/65

ส่วนระบบความปลอดภัยนั้น ในรุ่นเมกะแค็บ ใช้โครงสร้างนิรภัยเหล็กกล้า Super Frame พร้อมกันโคลงขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึงติดตั้งจุดยึดประตูแบบ 3 จุด แยกกันระหว่างประตูหน้าและประตูแค็บ ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงในกรณีเกิดการชนด้านข้าง ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า (ทุกรุ่นย่อย) เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ คานนิรภัยบริเวณประตู ระบบเบรก ABS/EBD พร้อมกล้องมองหลังขณะถอย

หลังจากบรรยายรายละเอียดไปซะเยิ่นยาว เรามาเริ่มทดสอบขับกันเลยดีกว่าครับ



ห้องโดยสารภายในของ ไทรทัน เมกะแค็บ โอ่โถ่ง กว้างสบาย อุปกรณ์ต่างๆถูกจัดวางให้สามารถใช้งานได้ง่าย ภายในถูกตกแต่งด้วยลูกเล่นสีต่างๆ เช่นสีเงิน, สีดำ, สีเทา รวมไปถึงเปียโนแบล็ค ที่ช่วยให้ไม่ดูเรียบจนเกินไป แม้วัสดุส่วนใหญ่จะยังคงเป็นพลาสติกแข็งๆ ก็ตามที

แต่จุดที่น่าสังเกตคือ การย้ายปลั๊กไฟแบบ 12 โวลต์ ที่ปกติมักพบอยู่บริเวณคอนโซลด้านหน้า ไปไว้ยังกล่องเก็บของที่วางแขนตรงกลาง ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีปัญหาสำหรับการชาร์จแบตมือถือทั่วไป เพราะตัวกล่องเองมีช่องเล็กๆ ให้ลอดสายชาร์จออกมาได้ แต่การใช้ชาร์จอุปกรณ์ที่ต้องยึดกับกระจกหน้าอย่างจีพีเอส หรือกล้องติดรถยนต์ จำเป็นต้องมีสายไฟยาวกว่าปกติ ไม่อย่างนั้นอาจจำเป็นต้องพาดผ่านมายังบริเวณเบรกมือและที่วางแก้วน้ำ ซึ่งทำให้ดูรกตาไปนิด และไม่สะดวกกับการใช้อุปกรณ์อื่น

อัตราเร่งของ ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส GLS Navi กับขุมพลังคลีนดีเซล 2.5 ลิตรบล็อกใหม่ เรียกว่าเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่จี๊ดจ๊าดเท่ากับรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่เราเคยทดสอบมาแล้วก่อนหน้านี้ในรุ่นดับเบิ้ลแค็บ แต่การส่งกำลังของเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ก็ไหลลื่น ไม่มีอาการกระตุกให้เห็น สามารถเร่งความเร็วแตะ 100 กม./ชม.ได้อย่างสบายๆ

ช่วงจังหวะขึ้นเขาชันนั้น แรงบิดสูงสุดกว่า 430 นิวตัน-เมตร สามารถพาตัวรถพุ่งทะยานขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนับว่าเป็นธรรมชาติของเครื่องยนต์ดีเซล ที่ให้แรงบิดสูงกว่าเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป

ช่วงล่างของ ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส ยังคงเซ็ทไว้แบบหนึบๆ กึ่งแข็ง ให้การเกาะถนนที่ดี แม้ว่าการเข้าโค้งหรือการขับผ่านจุดที่เป็นแอ่งของถนน ยังพอมีอาการโคลงให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในการควบคุม ซึ่งนับว่าดีเกินตัวแล้วสำหรับรถกระบะยกสูง ที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูงกว่าปกติเช่นนี้

อย่างไรก็ดี ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส ยังคงมีอาการสะเทือนให้เห็นขณะขับด้วยความเร็ว แรงสะเทือนจะถูกส่งผ่านจากช่วงล่างมายังเบาะนั่งค่อนข้างชัดเจน จนทำให้รู้สึกไม่สบายตัวในบางครั้ง แต่ก็แลกมาด้วยการเกาะถนนที่ดีขึ้นกว่าเดิม

ส่วนการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารที่เราประทับใจในรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตูนั้น มาในรุ่นเมกะแค็บ 2 ประตู แม้ว่าจะถูกบุด้วยวัสดุซับเสียงน้อยกว่า แต่ห้องโดยสารภายในยังถือว่าค่อนข้างเงียบ สามารถสนทนากับผู้โดยสารภายในรถแบบสบายๆ เช่นกัน

สรุป มิตซูบิชิ ไทรทัน เมกะแค็บ พลัส 2.4 GLS Navi ที่เราทดสอบกันในครั้งนี้ แม้ว่าจะทำตลาดไว้ต่ำกว่ารุ่น 4 ประตูดับเบิ้ลแค็บที่เราเคยทดสอบไปก่อนหน้า แต่ความดีงามทั้งหลายแหล่ก็ยังถูกยกมาใส่ไว้ในรุ่นนี้แบบครบๆ จึงเหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหารถกระบะ ที่เน้นใช้ประโยชน์ในการบรรทุกมากขึ้น แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะการขับขี่แบบเดียวกับรุ่น 4 ประตู

ราคา Mitsubishi Triton Mega Cab Plus

2.4 GLX MIVEC Clean Diesel ราคา 699,000 บาท 2.4 GLS Benzene ราคา 686,000 บาท 2.4 GLS Diesel ราคา 733,000 บาท 2.4 GLS Navi MT ราคา 774,000 บาท 2.4 GLS Navi AT ราคา 818,000 บาท (รุ่นที่ใช้ในการทดสอบ)

    htmlentities(' >')>> อ่านรีวิว Mitsubishi Triton Double Cab 2.4 GLS-LTD (A/T) คลิกที่นี่ <<<<br />

     ขอขอบคุณผู้บริหารและฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เกียรติเชิญเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้


ที่มา  //auto.sanook.com/14843/

Create Date :08 เมษายน 2558 Last Update :8 เมษายน 2558 7:55:38 น. Counter : 3719 Pageviews. Comments :0