อสส.แจงคดีทายาทกระทิงแดงขับรถชนตำรวจขาดอายุความตั้งแต่ปี 56 -ไม่มาพบอัยการตามนัด
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดชี้เเจงคดีทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ขาดอายุความตั้งแต่ปี 2556 ขณะที่ตำรวจนครบาลยืนยันว่า กฎหมายมีไว้สำหรับคุ้มครองคนดี หากคนจนหรือคนรวยทำผิด ต้องถูกดำเนินคดีเท่ากัน
(29 มี.ค.) ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษาสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทธุรกิจเครื่องดื่มกำลัง ผู้ต้องหาขับรถเฟอร์รารี พุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ เสียชีวิต คดีขาดอายุความเพราะไม่ได้เดินทางมาพบอัยการตามนัด
อัยการเห็นว่ามีพฤติการณ์ประวิงคดี จึงแจ้งพนักงานสอบสวน ขอศาลออกหมายจับแต่ นายวรยุทธ ร้องขอความเป็นธรรมซึ่งพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้ออกหมายจับตามที่อัยการแจ้ง
ส่วนข้อหาเมาแล้วขับอัยการสั่งไม่ฟ้องตามพนักงานสอบสวน เนื่องจากไม่มีหลักฐานยืนยันซึ่งมีการตรวจวัดระดับปริมาณแอลกอฮอล์ เวลา 16.00 น. พบว่า นายวรยุทธ มีแอลกอฮอล์ 64.48 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นการตรวจหลังจากเกิดเหตุและนายวรยุทธอ้างว่าดื่มสุราหลังเกิดเหตุแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ระบุว่าตามหลักวิชาการ หากเมาสุราในขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 05.00 น. ระดับแอลกอฮอล์จะสูงถึง 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะทำให้หมดสติ
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ตามกฎหมายเมื่อสอบสวนเสร็จสิ้นให้ตำรวจผู้รับผิดชอบส่งสำนวนให้อัยการทำให้อำนาจการสอบสวนหมดลง ตำรวจส่งฟ้องไปอัยการเห็นชอบด้วยก็สั่งฟ้อง หากสำนวนยังบกพร่องอัยการมีสิทธิ์สั่งให้สอบปากคำเพิ่มหรือเรียกพยานมาซักถาม แต่เวลานี้มีการร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ไม่อยากก้าวล่วง การค้าสำนวนเป็นไปไม่ได้ หากตำรวจทำงานฝ่ายเดียวต้องร่วมมือกันทั้ง 2 ส่วน การตรวจสอบตำรวจที่ทำคดีถ้าจับได้ไล่ทันจะมีความผิดทางวินัยและอาญา ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมต่อตำรวจทุกนาย ย้ำกฎหมายต้องมีไว้สำหรับคุ้มครองคนดี คนจนหรือคนรวยทำผิด ต้องถูกดำเนินคดีเท่ากัน