bloggang.com mainmenu search
ตั้งแต่เป็นข่าวคราวกันมาว่าค่ายรถยนต์  Suzuki  เตรียมที่จะนำรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่มาทำตลาดรถยนต์อย่างเป็นทางการ เราก็เฝ้ารอว่าที่รถยนต์รุ่นใหม่คันนี้เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แม้ต้องยอมรับว่า บ้าเรากับรถอเนกประสงค์แบบ MPV  ขนมากี่คันต่อคัน หลายรุ่นเวียนมาแล้วก็ผ่านไป มันก็ไม่เคยโดนใจคนไทยเสียที  

                เรือนร่างด้วยแพลทฟอร์มตระกูลซิตี้คาร์ถูกพัฒนาขึ้นเพิ่มเติมมากขึ้นในการตอบสนอง  ลักษณะการใช้รถที่เปลี่ยนไปเมื่อสังคมเมืองเฟื่องฟู และราคาน้ำมันเล่นเสียแพงหูฉี่ก็ไม่น่าแปลกใจนักที่รถยนต์คันหนึ่งจะต้องการโจทย์ที่สามารถตอบสนองอะไรได้มากกว่าแค่มีให้ขับ แต่ถ้า รถ 1 คัน สามารถตอบโจทย์ได้หลายอย่างพร้อมกัน มันก็ดูน่าสนใจไม่น้อย

Suzuki Ertiga  GL

                ประเด็นที่เราพล่ามนี่แหละ คือ หัวใจสำคัญที่กลายเป็นจุดกำเนิดรถยนต์อเนกประสงค์ประเภท  MPV  ที่บ้านเรานั้นไม่ค่อยฮิตเท่าไร แต่บ้านใกล้เรือนเคียง  อินโดนีเซียนั้น นี่คือรถยนต์ประเภทที่ขายดีอันดับ 1 ของประเทศ อาจจะด้วยลักษณะ สังคมที่แตกต่างออกไปในลักษณะครอบครัวใหญ่เดินทางไปพร้อมกัน หลายๆคน ทำให้รถที่ตอบโจทย์ได้ ต้องมีการตอบเรื่องของการนั่งที่มีจำนวนมาก และแน่นอนยังต้องประหยัดและมีสมรรถนะที่ดี ซึ่ง Suzuki  ก็พาเราจัดหนักได้สัมผัสตัวเป็นๆของ Suzuki Ertiga  ใหม่ อย่างเป็นทางการ

                ตัวรถ  Suzuki Ertiga  มาพร้อมเรือนร่าง Compact MPV  จัดระเบียบ จากตัวถังที่ยาว 4,265 ม.ม. กว้าง 1,695 ม.ม. สูง 1,685 ม.ม. โดยรถยืมแพลมฟอร์มต่างส่วนใหญ่มาจาก  Suzuki  Swift  แต่ปรับฐานล้อให้ยาวขึ้นเป็น 2,740 ม.ม. หรือ บวกเพิ่มขึ้น จากซิตี้คาร์ยอดนิยม อีกราวๆ 41 ม.ม.

                เรือนร่างที่ใหญ่ขึ้นจับปรับให้มีความงามสง่าในสไตล์รถยนต์นั่งหรูกึ่งสปอร์ตตามสไตล์ของ Suzuki  ตั้งต้นด้วยเส้นสายที่เราอาจจะคุ้นเคยกับ Suzuki swift  ที่มาทักทายกันตั้งแต่ด้านหน้าของรถ เริ่มจากกระจังหน้าโครเมี่ยมสามแถบ ประเดิมดีกรีหรูหรา  สอดรับกับไฟหน้าที่ดูแอบคล้าย  Suzuki Swift  แต่ปรับให้มีเหลี่ยมมุมมากกว่า  พ่วงเส้นสายที่หยิบยืมความสปอร์ตเล็กๆมาใช้ ต่อเนื่องสู่ด้านข้าง ที่ให้ความลงตัวกับล้ออัลลอยขอบ 15 นิ้ว จัดมาพร้อมยางขนาด 185/65/R15      

Suzuki Ertiga  GL

                บั้นท้าย Suzuki Ertiga  เน้นความลงตัวในสไตล์รถยนต์ดูเก๋ไก๋กว่า รถอเนกประสงค์ตระกูล MPV  รุ่นอื่นๆ ส่วนหนึ่งก็สืบสานการอออกแบบ Suzuki APV  มาพัฒนาต่อยอดอีกหน่อย โดยเฉพาะ ประตูบานท้าย ที่ยังดีที่เพิ่มความโค้งเว้าเข้ามาอีกไม่ดูแบนเหมือนที่ผ่านมา แต่เรื่องไฟท้ายที่มีขนาดเล็กจากรุ่นที่แล้ว ก็ดูยังจะรักษาเรื่องนี้เอาไว้ ทั้งที่จริง  Suzuki  Ertiga น่าจะมีไฟท้ายที่มีขนาดใหญ่กว่านี้เมื่อเทียบกับขนาดเรือนของมัน

                ภายในห้องโดยสาร Suzuki  Ertiga  ใหม่ ต้อนรับด้วยการออกแบบที่เน้นความอบอุ่นตามสไตล์รถนั่งเพื่อคนมีครอบครัว ใส่อารมณ์มาด้วยสีเบจโทนอบอุ่นดูดีให้ความลงตัว กับการใช้งานตามสไตล์รถอเนกประสงค์สื่อสารผ่านเบาะ 3 แถว7 ที่นั่ง ที่เบาะแถว 3 สามารถปรับพับได้ เช่นเดียวกับเบาะนั่งแถวสอง  ที่สามารถเลื่อนขึ้นลงได้และยังสามารถแยกพับอัตรา 60/40 เป็นมาตรฐานใน Suzuki Ertiga  ทุกรุ่นด้วย

                ความสามารถในการพับปรับพื้นที่มากมายนี่เอง ทำให้  Suzuki  กล้าโชว์เราในการใช้งานที่หลากหลายของรถแสดงความสามารถสูงสุดในความจุ ที่หากคุณเดินทางควงแขนเพียงเราสองไปทะเลฟ้าคราม ก็สามารถจุได้ทั้งเรือยาง ถุงกอล์ฟ 2 ใบ จักรยานพับได้ ซึ่งถือว่าเหลือเฟือมากมาย สำหรับพ่อบ้านแม่บ้านนักขนทั้งหลาย

Suzuki Ertiga  GL

                ข้อหนึ่งที่เราดูจะแย้งแต่ไม่ถึงกับติเสียทีเดียวก็เป็นลวดลายเบาะนั่งที่ ทำออกมาดูงดงาม แถมนั่งสบาย ด้วยทรงเบาะที่ออกแบบมาดี และมีความนุ่มมากกกว่าที่เราเคยสัมผัสมาในรถอเนกประสงค์ประเภทนี้ทุกรุ่น ขับแล้วไม่เมื่อยมากมายอะไรนัก  แต่ด้วยลายผ้าที่ทำออกมาในแบบลายไม้ให้อารมณ์ที่เน้นความอบอุ่นนี้ก็อาจจะเป็นปัญหาในอนาคต เมื่อนับว่า รถอเนกประสงค์ที่มีการใช้งานหลากหลายอาจจะต้องผจญกับความสกปรกจากการใช้งาน และเบาะผ้าที่มีลายอาจจะไม่ดูสวยงามเมื่อผ่านกาลเวลาผ่านไป โดยเฉพาะ วิธีทักทอแบบนี้อาจจะเป็นปัญหาในการทำความสะอาดด้วยซ้ำไปในอนาคต

                เช่นเดียวกันเบาะนั่งแถวสองที่ออกแบบมาดี ปรับเลือนเบาะเอนได้อย่างลงตัว และ ความสามารถแยกพับก็ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย แต่มาติดตรงที่เมื่อพับเบาะแถวสามลงเพียงแถวเดียวเพื่อต้องการพื้นที่บรรทุกยามที่เดินทางหลายคนแต่งต้องการพื้นที่เก็บ ของ โดยเฉพาะ สาวๆ นักช๊อปทั้งหลาย แต่การพับเบาะแถวสามลงแล้วใช้เบาะนั่งแถวสองอย่างเดียว อาจจะมีปัญหากับระยะวางขา ที่จะลดน้อยลงไป ไม่เหมาะอย่างแรงสำหรับคนตัวสูง ที่คุณอาจจะนั่งเบียดชิดติดเบาะคู่หน้า มีพื้นที่ไม่ต่างจากซิตี้คาร์ แต่เรื่องนี้สามารถแก้ ได้หากเอาหัวหมอนเบาะแถวสามออก จะได้พื้นที่วางขาเพิ่มขึ้นมาอีกราวๆ 20 ม.ม. ทำให้ นั่งสบายขึ้น แต่ นั่นหมายถึง คุณต้องถอดหัวหมอนแถวสามแล้วโยนทิ้งไว้ด้านหลัง ซึ่งในแง่การใช้งานจริงสำหรับใครหลายคนอาจจะไม่ทำเช่นนั้น

                ปลายทางวันนี้ไม่ได้ไปไกลมาก แค่ "พัทยา" ที่หลายคนคุ้นเคย  ทำให้การสัมผัส Suzuki Ertiga ในครั้งนี้โดยรวมเป็นเส้นทางนอกเมือง ที่เราออกสตาร์ทการขับขี่ไปยังเส้นทางบนถนนมอเตอร์เวย์ โดยใต้ฝากระโปรง Suzuki Ertiga พก เครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร รหัส  K14B  พร้อมระบบวาล์วแปรผัน  VVT  ให้กำลังสูงสุด  95 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และให้กำลังแรงบิดสูงสุด 130 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที รองรับพลังงานทางเลือก  E20 ส่งลงชุดเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ให้การขับขี่ที่เน้นประหยัด จัดจ้านด้วยสมรรถนะตามสไตล์

Suzuki Ertiga  GL

                พูดตามตรงสำหรับหลายคนเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ดูจะเป็นเทคโนโลยีที่เริ่มล้าหลังและโบราณไปบ้าง แต่อย่าได้ดูถูกระบบส่งกำลัง ใน Suzuki Ertiga ที่ให้อัตราทดลงตัวต่อการใช้งาน โดย

เกียร์

อัตราทด

1

2.875

2

1.568

3

1.000

4

0.697

                ทำให้เมื่อขับขี่จริง จะพบว่าแต่ละช่วงเกียร์มีการก้าวกระโดด ตามแต่ละช่วงจังหวะอาจจะไม่ได้มีอัตราทดที่ยิบย่อยมากมายนัก แต่ก็ลงตัวและเข้าใจง่าย โดยเฉพาะใครที่ต้องการตอบสนองการขับขี่ธรรมดา ที่อาจจะไม่ได้มองสมรรถนะเป็นเรื่องสำคัญมากมายนัก มันก็เพียงพอแล้ว

                ขนาดเครื่องยนต์ 1.4 ลิตรที่ดูเล็กไปหน่อยกับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ที่อาจจะดูธรรมดา เมื่อเทียบคู่แข่งอีกมากที่นำเสนอของเล่นใหม่ให้กับคนใช้รถ  แต่เมื่อได้ขับไปตามทางมอเตอร์เวย์ ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ได้ขี้เหล่อย่างที่คิด   ที่ความเร็ว 80 ก.ม/ช.ม. Suzuki Ertiga กลับใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 2000 รอบต่อนาที และเมื่อเร่งไปที่ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. ก็ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 2500 รอบต่อนาที และช่วงความเร็วเดินทางจริง ที่ 120 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 3100 รอบต่อนาที ถือว่าไม่มากมายอะไรนักอย่างที่คิดเอาไว้

Suzuki Ertiga  GL

                ช่วงระหว่างทางเราลองทดสอบความเร็วสูงสุดดูก็พบว่า มันสามารถไปได้เร็วสุดถึง 170 ก.ม./ช.ม. หากพ่อบ้านแม่บ้านรีบไปรับลูกหรือต้องการเร่งไปทำธุระ ต่างๆนาน ส่วนเรื่องอัตราเร่งนั่น ก็กระฉับกระเฉงสั่งเป็นมาแต่อาจะมีช่วงคิดเล็กๆราวๆ ครึ่งวินาทีตามสไตล์ระบบเกียร์อัตโนมัติ แต่ก็ยังดีที่มีปุ่มเกียร์  Over Drive  มาด้วย ทำให้ ใช้งานได้คล่องมือมากขึ้น แต่ก็แอบเสียดายเล็กๆที่ไม่มี พวกระบบ manual Shift  มาให้ ไม่งั้นจะเลิศกว่านี้อีก

                ด้านระบบช่วงล่าง Suzuki Ertiga  ใหม่ ก็ไม่ได้ ขี้เหร่อย่างที่คิด ด้วยระบบกันสะเทือนที่หิ้วแฟลทฟอร์มของ  Suzuki Swift ยังเลือกใช้กันสะเทือนแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้า และ ทอร์ชั่นบีมทางด้านหลังมาปรับขยายฐานล้อ ละ ความกว้างระหว่างล้อเพิ่มอีกหน่อย ก็เป็นสูตรที่ง่ายต่อการผสมผสานทางวิศวกรรม

                หากแต่ด้วยระยะความสูงจากพื้นถนน185 ม.ม. เมื่อบวกเข้ากับ บอดี้รถสไตล์มินิแวนที่สูงโย่ง ก็ส่งผลบ้างในยามขับขี่ และด้วยน้ำหนักเปล่าเพียง 1,265 ก.ก.ที่ให้น้ำหนักกดลงบนชุดเพลาและยางไม่มากอย่างที่คิด ทำให้ หลายครั้งลมแรงๆ กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่สามารถผลักรถให้ปลิวลมง่ายๆ และ มันกลายเป็นเรื่อง น่ารำคาญ โดยเฉพาะ ถ้าวิ่งที่ความเร็วต่ำ ( 70-80 ก.ม./ช.ม) คุณแทบจะต้องคัดพวงมาลัยแก้ อยู่เนืองๆ ตลอดเวลา แต่เมื่อ รถใช้ความเร็วประมาณหนึ่งอาการนี้จะหายไป ส่วนในช่วงความเร็วสูงก็ให้ความมั่นใจได้ แม้จะใช้ความเร็วถึง 160 ก.ม./ช.ม. ขณะที่การเปลี่ยนเลนและการเข้าโค้งก็ให้ความรู้สึกเดียวกับ  Suzuki Swift  ที่หนึบแน่น มั่นใจได้ เพียงแต่ปัญหาอาจจะอยู่ที่ความสูงของรถเท่านั้น ทำให้มีอาการโยนโค้งบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับรถประเภทเดียวกันถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว

Suzuki Ertiga  GL

                ช่วงระหว่างทางเรามีโอกาสในการทำความเร็วสูงสุดดูบ้าง และเราได้ ความเร็วสูงสุดที่ 170 ก.ม./ช.ม. แต่กว่าจะไล่ปั่นตัวเลขได้ขนาดนี้ก็ใช้ทางยาวพอสมควร แต่ช่วงเร่งถึง 140-150 ก.ม./ช.ม. นั้น สามารถทำได้ง่ายไม่ยากนัก แต่ถ้าจะวิ่งเร็วกว่านี้ต้องให้เวลาเจ้าบล็อกเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร ได้หายใจกันสักหน่อย

Suzuki Ertiga ยังไม่เปิดตัววางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่แน่นอนว่า คุณจะพบมั่นได้ในงาน มอเตอร์โชว์ 2013 ที่จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ ที่หากกล่าวโดยสรุปง่ายๆ สั้น  Suzuki Ertiga  คือรถครอบครัวที่มีสมรรถนะที่โอเค ออพชั่นและฟังชั่นการใช้งานที่สมเหตุสมผล ...ทีนี้ที่เหลือคือราคาจำหน่าย ซึ่งคงต้องรอเคาะจากทาง Suzuki  ว่า จะหมู่หรือจ่าก็งานนี้แหละ

ผลทดสอบ Suzuki Ertiga

Suzuki Ertiga

เครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร ให้กำลัง 95 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที  แรงบิดสูงสุด 130 นิวตันเมตร ที่ 3000 รอบต่อนาที

ระบบเกียร์ อัตโนมัติ 4 สปีด

การทำงานของเครื่องยนต์

ความเร็ว 80 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 2000 รอบต่อนาที

ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 2500 รอบต่อนาที

ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 3100 รอบต่อนาที    


Create Date :07 มีนาคม 2556 Last Update :7 มีนาคม 2556 8:06:17 น. Counter : 2841 Pageviews. Comments :0