bloggang.com mainmenu search
 และแล้ว.. นายยุ้ยก็โทรมาจริงๆ  บทสนทนาใน “เซ็กส์โฟน“ คืนนี้ของเราเร่าร้อนและลามกยิ่งกว่าเมื่อคืนจนไม่อาจบรรยายได้ ดิฉันก็พลอยร่วมสนุกกับการ เสแสร้งอย่างสมจริงสมจังซะจนเขานึกว่าดิฉันมีอารมณ์ร่วมจริงๆ แต่สำหรับดิฉันแล้ว มันเหมือนเล่นละครวิทยุห่วยๆ ซึ่งดิฉันได้อัดเทปไว้ทั้งหมด แล้วเอามาเปิดให้เพื่อนฟัง หัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน


ภาพประกอบไม่เกี่ยว

      ยุ้ยยังโทรมาเรื่อยๆ ตีสองบ้าง    ตีสามบ้าง มันช่างท้าทายให้ดิฉันอยากรู้อยากเห็นว่ายังจะมีอะไรมากไปกว่านี้อีกไหม ดิฉันเลยต้องวาดลวดลายคล้อยตามอย่างถึงพริกถึงขิงทุกครั้งไป ซึ่งทั้งหมดนั้นดิฉันแกล้งทำทั้งนั้น แถมมันคงแนบ-เนียนเกินไปหน่อย แต่หารู้ไหมว่าดิฉันได้ก่อความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงจากความพิเรน นึกสนุก ไม่เข้าท่าของดิฉันนั่นเอง

      ลูกชายคนโตของดิฉันอายุ 15 ปี เขาแอบฟังโทรศัพท์จากเครื่องที่พ่วงอยู่ข้างล่างมาตลอด

      ลูกผู้ซึ่งเคยชื่นชมที่แม่ของเขาเป็นกุลสตรี กลับมองแม่อย่างเคียดแค้นชิงชังว่าแม่เป็นผู้หญิงร่านสวาท ลักลอบ แอบคุยโทรศัพท์ลามกกับชู้ ซึ่งทั้งหมดนี้ ดิฉัน   ไม่เคยรู้เลยว่าเขาแอบฟัง

      สิ่งที่เขาแสดงออกก็คือรังเกียจแม่ ไม่พูดกับแม่ มองเห็นแม่เป็นผู้หญิงต่ำๆ พาลทำให้เขาไม่สนใจเรียน และคบเพื่อนเที่ยวเตร่ ไม่ยอมอยู่บ้าน เพราะเกลียดและขยะแขยง ไม่อยากจะเห็นหน้าแม่   พอแม่สอนก็เถียง พอแม่อธิบายให้ฟัง   ก็หาว่าแม่แก้ตั หน้าด้านๆ

      นอกจากนี้แล้ว เรื่องยังบานปลายออกไปอีก เมื่อเขาได้เอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อ ดิฉันเลยถูกซ้อมอย่างหนักจนหน้าตา  ปูดบวม สามีเริ่มหวาดระแวง โรคประสาทกำเริบเพราะหึงหวง ดิฉันพยายามอธิบายแต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ม้วนเทปที่เคยอัดไว้ เพื่อนก็แนะนำให้ลบทิ้งไปหมดเสียนานแล้ว เพราะหากปล่อยไว้จะเป็นภัยแก่ตัว ดิฉันจึงไม่เหลือหลักฐานอะไรไว้ชี้แจงเลย ซ้ำยังถูกสามีตราหน้าว่าเป็นนางโมรา กากี ทั้งๆ ที่ในชีวิตไม่เคยแม้แต่จะสัมผัสมือกับนายยุ้ยอะไรนั่นเลย


ภาพประกอบไม่เกี่ยว

      ถึงตอนนี้ดิฉันได้แต่นั่งสมน้ำหน้า ตัวเองที่หาเหาใส่หัว หาเรื่องมัวหมองใส่ตัวเองโดยไม่ได้บอกให้คนในบ้านรู้ก่อน

     “แม่ผิดหรือที่แม่อยากรู้อยากเห็น เช่นปุถุชนทั่วไป”

      ผู้หญิงที่ครองตัวดีมาโดยตลอดอย่างดิฉัน ไม่น่าได้รับการลงโทษขนาดนี้เลย เพื่อนที่จะช่วยมาชี้แจงก็ไม่ถูกกับสามีดิฉัน แถมตอนนี้ เขาก็ย้ายไปอยู่ต่าง-จังหวัดแล้ว ทั้งหมดต้องเรียกว่า เป็นเวรเป็นกรรมของดิฉันเองแต่ผู้เดียวอย่างแท้จริง

      ทุกวันนี้ดิฉันถูกซ้อมจนต้องหย่า-ขาดกับสามี เพราะเขาไม่เคยยอมรับดิฉันเหมือนเดิมอีกเลย ส่วนนายยุ้ย ตัวการ     ก็ไปอยู่เมืองนอกแล้ว สิ่งหนึ่งที่ดิฉันขอพูด คือ ความจริง ที่ว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องแค่อยากเล่นสนุก เพราะความอยากรู้-อยากเห็นของดิฉันเท่านั้น ดิฉันไม่เคย    มีความสัมพันธ์กับนายยุ้ยจริงๆ เลยแม้แต่น้อย รู้จักกันแค่ผิวเผินในงานที่ต้องทำ  ร่วมกันเท่านั้น ไม่เคยนึกรัก แถมยังรู้สึกแปลกๆ พิลึกๆ ด้วยซ้ำไป ดิฉันมีรูปถ่ายมาย ืนยันด้วยว่าเขามีตัวตนจริงๆ แถมดิฉันรู้ชื่อและนามสกุลของเขาด้วย…แต่อย่าเปิดเผยเลย

      “นายยุ้ย.. ถ้านายได้กลับมา นายกล้าพอไหมที่จะเปิดเผยความจริงอย่างลูกผู้ชาย ให้ลูกชายของพี่ได้เข้าใจแม่ของเขาเสียที”

      ดิฉันไม่แคร์สามีหรอกเพราะเขาทำกับดิฉันเกินทน แต่ดิฉันแคร์ความรู้สึกของลูกมากกว่า เพราะนี่ผ่านมาเกือบห้าปีแล้ว แต่ลูกยังไม่ยอมพูดกับแม่หรือแม้แต่สบตากับแม่เลย สายตาของลูกมองแม่เหมือนแม่เป็นเศษขยะ เศษตมที่สกปรกเหม็นเน่าน่ารังเกียจ แม่อยากให้ลูกได้รู้ความจริง เชื่อคำสารภาพของแม่และเข้าใจว่าแม่คนนี้ของลูกไม่ได้เลวทรามเหมือนอย่างที่ลูกคิด…และกลับมาเรียก “แม่“     ยิ้มกับแม่ ให้แม่ได้ชื่นใจอีกสักครั้ง…เพียงแค่นี้ก็เหมือนเติมเต็มให้ชีวิตแม่แล้ว


ภาพประกอบไม่เกี่ยว

นี่คือ “ความในใจจากใจแม่“

ดิฉันจะรอวันนั้น.. และหวังว่า  มันคงยังไม่สายเกินไป

Create Date :17 กุมภาพันธ์ 2557 Last Update :17 กุมภาพันธ์ 2557 0:21:45 น. Counter : 2025 Pageviews. Comments :0