bloggang.com mainmenu search
รักยิ่งใหญ่จากใจหมาๆ “ฮาจิ” ต้นแบบความรักจากเพื่อนสี่ขา อนุสาวรีย์ของฮาจิบริเวณสถานีรถไฟชิบุยะ พูดถึงวันวาเลนไทน์ หลายคนอาจจะนึกถึงเฉพาะความรักของชายหญิง แต่แท้จริงแล้วความรักมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความรักระหว่างชายหญิง ความรักของครอบครัว ความรักและมิตรภาพของความเป็นเพื่อน

       ส่วนความรักของคนกับสัตว์ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะกับ “สุนัข” หรือ “หมา” ที่นับว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์

       ตัวอย่างความรักของคนกับหมาที่แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นระหว่าง พ.ศ.2466-2478 เมื่อลูกหมาน้อยพันธุ์อะคิตะ ซึ่งเกิดที่เมืองโอดาเตะ จังหวัดอะคิตะ ถูกส่งมาที่โตเกียวตามความต้องการของศาสตราจารย์ฮิเดะซะบุโระ อุเอโนะ อาจารย์ประจำคณะเกษตร แห่งมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยโตเกียว)

รักยิ่งใหญ่จากใจหมาๆ “ฮาจิ” ต้นแบบความรักจากเพื่อนสี่ขา ฮาจิและศาสตราจารย์อุเอโนะ (ภาพจาก : //dogsmakeeverythingbetter.com/tag/hidesaburo-ueno/)        ศาสตราจารย์อุเอโนะ ตั้งชื่อให้หมาน้อยตัวนี้ว่าฮาจิโกะ (Hachiko) หรือฮาจิ (Hachi) ซึ่งหมายถึงเลข 8 อันเป็นเลขมงคลของชาวญี่ปุ่น ศาสตราจารย์เลี้ยงและดูแลฮาจิเป็นอย่างดีด้วยความรักภาคภูมิใจเพราะฮาจิเป็นหมาพันธุ์อะคิตะสายพันธุ์แท้ที่หายาก ฮาจิเองก็รักเจ้านายของมันมากเช่นกัน ทุกเช้าเมื่อศาสตราจารย์อุเอโนะเดินเท้าจากบ้านเพื่อมายังสถานีรถไฟชิบูยะเพื่อนั่งรถไฟไปยังมหาวิทยาลัย เจ้าฮาชิจะเดินตามมาส่งที่สถานีทุกวัน ส่วนในตอนเย็นเวลาบ่ายสามโมงมันก็จะเดินมารอรับเจ้านายกลับบ้าน แม้ฮาจิจะไม่มีนาฬิกา แต่มันรับรู้ด้วยสัญชาติญาณของสัตว์อันน่ามหัศจรรย์ และไม่เคยมาที่สถานีผิดเวลา

       ผู้คนรอบๆ สถานีรถไฟชิบูยะต่างก็รู้จักและชื่นชมความน่ารักแสนรู้ของฮาจิ และเห็นมันมานั่งรอเจ้านายจนเป็นภาพที่ชินตา ฮาจิทำกิจวัตรประจำวันของมันอยู่อย่างนั้นเป็นประจำ ก่อนที่มันจะไม่มีโอกาสได้เจอนายของมันอีกเลย

รักยิ่งใหญ่จากใจหมาๆ “ฮาจิ” ต้นแบบความรักจากเพื่อนสี่ขา ภาพในวันที่ฮาจิตาย (ภาพจาก : wikipedia.com)        ในปี 2468 เช้าวันนั้นฮาจิ เดินไปส่งเจ้านายที่สถานีรถไฟตามปกติ แต่วันนั้นศาสตราจารย์ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองแตกขณะที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ฮาจิไม่รู้ว่าเจ้านายของมันได้จากไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ เมื่อถึงเวลามันจึงมานั่งรอรับเจ้านายกลับบ้านที่สถานีรถไฟอย่างเคย แต่ไม่ว่าจะรอนานเท่าไร เจ้านายก็ไม่มีวันกลับมาหามันอีกแล้ว

       แต่หมาไม่เหมือนคน มันไม่รับรู้ว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร ไม่สนใจว่าใครจะไล่ให้มันกลับบ้าน ทุกวันฮาจิยังคงมานั่งรอเจ้านายที่เดิม เวลาเดิมเหมือนอย่างที่มันเคยทำทุกๆ วัน ท่ามกลางสายตาของคนบริเวณสถานีรถไฟที่มองมาอย่างเศร้าใจแทน และฮาจิทำอย่างนี้ทุกวันติดต่อกันเป็นเวลาถึงกว่า 10 ปี แม้จะไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของเจ้านาย แต่มันก็ยังคงรอคอยด้วยใจที่ซื่อตรงในความรักและภักดีตลอดมา จนถึงวันสุดท้ายของลมหายใจ

ในปี 2478 ฮาจิจากไปอย่างสงบ มันนอนอยู่หน้าสถานีรถไฟชิบุยะ ที่เดิมที่มันเคยรอเจ้านายตลอดมา และตลอดไป...

รักยิ่งใหญ่จากใจหมาๆ “ฮาจิ” ต้นแบบความรักจากเพื่อนสี่ขา ฮาจิเป็นตัวอย่างของความจงรักภักดีและกตัญญู        เรื่องราวของฮาจิปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ชื่อดังฉบับต่างๆ ในญี่ปุ่น ทำให้ชื่อของมันเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ ฮาจิยังเป็นตัวอย่างของความจงรักภักดีและกตัญญูที่ผู้ใหญ่จะสอนให้แก่เด็กๆ ชาวญี่ปุ่นอีกด้วย อีกทั้งความรักและซื่อสัตย์ต่อเจ้านายของมันทำให้มีผู้ประทับใจ จนสร้างรูปหล่อทองแดงของฮาจิและนำไปตั้งไว้บริเวณหน้าสถานีรถไฟชิบุยะ แต่ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นต้องใช้เหล็กและโลหะจำนวนมากจนต้องนำรูปหล่อของฮาจิไปหลอมใช้ แต่หลังจากนั้นในปี 2490 ก็ได้มีการสร้างรูปหล่อนี้ขึ้นมาใหม่และนำมาตั้งไว้ที่เดิม นอกจากนั้นยังมีการสร้างรูปปั้นฮาจิไว้ที่หน้าสถานีรถไฟโอะดะเตะ ในจังหวัดอาคิตะ บ้านเกิดของมันอีกด้วย

       ในยุคต่อๆ มา เรื่องราวของฮาจิได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นในปี 2530 โดยมีชื่อภาพยนตร์ภาษาอังกฤษว่า Hachiko Monogatari ถ่ายทอดเรื่องราวที่ทำให้ผู้ชมได้ซาบซึ้งกับความรักของฮาจิและเจ้านาย ในปีนั้นภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในญี่ปุ่น และในปี 2552 เรื่องราวของฮาจิก็ถูกนำมาถ่ายทอดอีกครั้งในรูปแบบของภาพยนตร์เวอร์ชั่นอเมริกาในเรื่อง Hachi ซึ่งมีการดัดแปลงให้เรื่องราวให้เกิดขึ้นในเมืองหนึ่งในสหรัฐอเมริกา และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้คนรักหมาทั่วโลกต้องน้ำตาไหลอีกครั้ง

รักยิ่งใหญ่จากใจหมาๆ “ฮาจิ” ต้นแบบความรักจากเพื่อนสี่ขา ร่างของฮาจิที่ถูกสตาฟฟ์ไว้ในพิพิธภัณฑ์ (ภาพโดย log in : หวานข้าวใหม่ จากเว็บไซต์ pantip.com)        ปัจจุบัน อนุสาวรีย์ของฮาจิยังคงตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟที่ชิบุยะ ซึ่งถือเป็นย่านกลางเมืองของกรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น โดยตั้งอยู่บริเวณทางออกของสถานีรถไฟชิบุยะ และประตูทางออกนั้นยังมีชื่อว่าประตูฮาจิโกะ (Hachiko Entrance) อีกด้วย นอกจากนั้น อนุสาวรีย์ของฮาจิยังกลายเป็นสัญลักษณ์ที่จดจำง่ายและใช้เป็นจุดนัดพบยอดนิยมของคนโตเกียวที่ใครๆ ก็รู้จัก รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่รู้เรื่องราวของฮาจิก็มักจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนและมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับอนุสาวรีย์ของมันอยู่เสมอ

       แต่หากใครอยากเห็นตัวจริงของฮาจิ ต้องมาที่ "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งประเทศญี่ปุ่น" (National Museum of Nature and Science) ในสวนสาธารณะอุเอโนะ ในกรุงโตเกียว เพราะภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีร่างของฮาจิที่ถูกสตาฟฟ์ไว้หลังจากเสียชีวิต เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เห็นหน้าตาของหมาอะคิตะพันธุ์แท้ ได้เห็นหน้าตาของฮาจิ และเพื่อให้เรื่องราวของมันคงอยู่ตลอดไป

ส่วนหลุมฝังศพของฮาจิซึ่งฝังอวัยวะบางส่วนของมันไว้นั้น ตั้งอยู่เคียงข้างหลุมศพของศาสตราจารย์อุเอโนะ เจ้านายอันเป็นที่รักของมัน ที่สุสานอาโอะยามะ กรุงโตเกียว เพื่อให้ดวงวิญญาณทั้งสองดวงได้อยู่คู่กันตลอดไป

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *


//manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000017027
Create Date :12 กุมภาพันธ์ 2557 Last Update :12 กุมภาพันธ์ 2557 21:32:05 น. Counter : 1091 Pageviews. Comments :0