bloggang.com mainmenu search
ฉบับนี้เป็นฉบับส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เราเลยขอนำภาพพระอาทิตย์ตกดิน ณ หาดนางรำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ที่แสนงดงามมาเป็นภาพหน้าปก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการบอกลา
บ๊าย...บายปีเก่า ก่อนเข้าสู่ปีใหม่ 2555 อันใกล้ที่จะถึงนี้
ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติอยู่ทุกๆ วัน
เมื่อมีพระอาทิตย์ขึ้นก็ย่อมมีพระอาทิตย์ตก
และเมื่อมีพระอาทิตย์ตกก็ย่อมมีพระอาทิตย์ขึ้น
ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้นชีวิตของคนเราทุกๆ คน
ก็ย่อมมีวันที่มืดและวันที่สว่างสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปอย่างนี้เช่นกัน
เราขอเป็นกำลังใจในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของพี่น้องชาวไทยและผู้ประสบภัยทุกๆ
คน ให้ผ่านพ้นกับเรื่องราวต่างๆ นี้ไปได้ด้วยดี...
เมื่อเดือนที่ผ่านมาหลายคนคงอาจจะเหน็ดเหนื่อยกับการเช็ด ล้าง ขัด ถูบ้าน
หลังจากที่น้องน้ำได้ลากลับไปสู่ท้องทะเลอ่าวไทย
เลยยังไม่มีโปรแกรมที่จะไปเที่ยวปีใหม่ที่ไหนดี
วันนี้คู่หูพาเที่ยวเลยอยากจะชวนคุณผู้อ่านไปฉลองปีใหม่แบบใกล้ๆ
ไม่ไกลกรุงเทพฯ มากนัก ที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
แล้วเลยต่อไปถึงอำเภอเมืองของจังหวัดระยองอีกนิดหน่อย ใช้เวลาเดินทางเพียง 2
ชั่วโมงเศษๆ คุณก็จะได้พบทั้งความสุขและความสนุก
ลืมความทุกข์ที่ผ่านมาเป็นปลิดทิ้งกันเลยทีเดียวเชียว โดยใช้เวลาแค่เพียง 2
วัน 1 คืน เท่านั้น!



เราขอเริ่มต้นทริปวันแรกที่การเยี่ยมชม ‘พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย' กันก่อน หลังจากนั้นก็มาเดินเล่นชมอาณาจักรปลาการ์ตูนกันต่อที่ ‘เพอคูล่า ฟาร์ม ก่อนมุ่งหน้าออกไปนั่งกินลม ชมวิวิและเล่นน้ำยัง ‘หาดนางรำ' ให้แวะซื้ออาหารทะเลสดๆ ระหว่างทางที่ ‘ตลาดแสมสาร' เพื่อ
เป็นเสบียงสำหรับการมานั่งปิกนิคริมทะเล
โดยให้ทางร้านจัดการปรุงอาหารให้สุกเรียบร้อยเสียก่อน
เพราะทางหาดนางรำไม่อนุญาตให้ก่อไฟหรือประกอบอาหารใดๆ ทั้งสิ้น
ก่อนที่จะถึงหาดนางรำ แนะนำให้ตรงไปเยี่ยมชมความสง่างามของ ‘เรือหลวงจักรีนฤเบศร' กัน
เสียก่อน เพราะอยู่ในบริเวณพื้นที่ของท่าเรือจุกเสม็ดเช่นกัน
หลังจากนั้นก็มานั่งรอชมพระอาทิตย์ตกดินที่ริมหาดนางรำแห่งนี้
เป็นอันจบทริปวันที่ 1 ค่ำคืนแห่งวันส่งท้ายปีเก่า ณ อำเภอสัตหีบ
รุ่งเช้าตื่นขึ้นมาต้อนรับปีใหม่ด้วยการไปทำบุญตักบาตร
แล้วมุ่งหน้าไปเที่ยวกันต่อยัง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ที่ ‘ถนนยมจินดา ตลาดเก่าเมืองระยอง' ซึ่งมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน เพราะถือว่าเป็นถนนสายแรกของเมืองระยอง จากนั้นไปชมความงดงามของ ‘เจดีย์กลางน้ำ' ที่
ทางเข้าอาจจะดูสลับซับซ้อนเสียหน่อยแต่มีป้ายบอกตลอดเส้นทาง
ปิดท้ายทริปของวันที่ 2 แบบสบายๆ กันที่ ‘ตลาดน้ำเกาะกลอย'
เดินเล่นกันเพลินๆ หลังจากนั้นจะเดินทางกลับบ้านเลย
หรือจะแวะหาร้านอาหารทะเลอร่อยๆ
รับประทานกันอีกสักมื้อก็ถือว่าเป็นการจบทริปที่สมบูรณ์แบบแล้ว



พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย




ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลเขาหมาจอ ต.แสมสาร
อ.สัตหีบ จังหวัดชลบุรี ในจุดที่อยู่ตรงข้ามเกาะแสมสาร โดยมีพื้นที่ทั้งหมด
16 ไร่ โดยมีศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอยู่บริเวณเชิงเขาด้านหน้า
เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้กราบสักการะก่อนเดินขึ้นเขาสำรวจเส้นทางต่อไป
การวางตัวอาคารพิพิธภัณฑ์เป็นลักษณะไต่ระดับเขาจนถึงยอด ระยะทางรวมเกือบ 1
กิโลเมตร เพื่อให้มองเห็นทัศนียภาพความสวยงามได้โดยรอบ
โดยแบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 5 อาคาร คือ เทิดพระเกียรติมหาราช
ปวงปราชญ์ร่วมใจ ใฝ่เรียนรู้ผู้ฉลาด พิฆาตความไม่ดีที่ประจักษ์ และ
พิทักษ์ศักยภาพทะเลไทย ตามลำดับ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเชิงวิชาการ
เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมได้มีความรู้ความเข้าใจในการอนุรักษ์ทรัพยากร
ธรรมชาติ ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจการรักษาความมั่นคงของชาติทางทะเลอย่างหนึ่ง
เมื่อเดินขึ้นไปยังอาคารที่ 5 ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่บนยอดเขาสูงสุด
จุดนี้ยังได้จัดให้เป็นจุดชมวิวมุมสูงของท้องทะเลไทยที่แสมสารอีกด้วย

นอกจากนั้นภายในพื้นที่ยังได้จัดแสดงเกี่ยวกับงานศึกษาวิจัย เช่น พืชพรรณ
ฟอสซิล หิน ดิน แร่ ไว้บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
ระหว่างทางเดินนอกอาคารเพื่อให้ผู้ชมโดยเฉพาะเยาวชนได้เรียนรู้อย่างใกล้ชิด

เปิดทำกวัน
อังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น. เสียค่าบำรุง เด็กเล็กเข้าฟรี
ส่วนเด็กที่สูงเกิน 110 ซม. และศึกษาไม่เกินชั้น ม.6 คนละ 20 บาท ผู้ใหญ่
คนละ 50 บาท ชาวต่างชาติ คนละ 200 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.
0-3843-2471 และ 0-3843-2475
หมายเหตุ อาคารที่ 3 และ 4 อยู่ในระหว่างดำเนินการจัดแสดง



อาณาจักรปลาการ์ตูน เพอคูล่า ฟาร์ม (PERCULA FARM)




ที่ตั้ง : 3/46 หมู่ 2 ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 20180

ฟาร์มปลาการ์ตูนเอกชนรายแรกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
มารู้จักชีวิตความเป็นอยู่
เรียนรู้ขั้นตอนวิธีการเพาะเลี้ยงและการขยายพันธุ์ของปลาการ์ตูน
ตื่นตากับเหล่าฝูงปลาการ์ตูนพันธุ์ต่างๆ นับแสนตัว บริเวณด้านในอควอเรียม
และถ้าหากท่านใดต้องการสัมผัสกับปลาทะเลให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
สามารถนั่งเรือไปชมปลาในกระชังพร้อมให้อาหารปลาทะเลที่หาดูยาก อาทิ
ปลาช่อนทะเล ปลาฉลาม ปลาโฉมงาม ปลาหูช้าง และปลาอื่นๆ อีกกว่าร้อยชนิดได้
บริเวณด้านหน้าฟาร์มจะเป็นจุดจำหน่ายปลาการ์ตูนและของที่ระลึก
สามารถซื้อหากลับไปเลี้ยงกันได้
เพราะปลาการ์ตูนที่นี่มีความทนต่อสภาวะแวดล้อมสูงและทานอาหารเม็ดได้เป็น
อย่างดี เป็นการท่องเที่ยวที่ได้ทั้งความรู้และความสนุกไปพร้อมๆ กัน
เหมาะมากสำหรับการพาบุตรหลานมาเที่ยวชมในช่วงวันหยุด
หรือจะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษาก็ดี เพราะถือว่าเป็นการปลูกฝังให้เด็กๆ
ได้เรียนรู้ และร่วมกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางท้องทะเลอันมีค่านี้ไว้


เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9.00 - 16.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 08-1313-6324



ตลาดสดอาหารทะเลแสมสาร



เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเพราะคุณสามารถซื้อหาอาหารทะเลทุก
ประเภทได้ที่นี่ทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา นานาชนิด
ที่ส่งตรงมาจากท้องทะเลทุกวัน หน้าตาคุ้นบ้าง ไม่คุ้นบ้าง
แต่แม่ค้าบอกว่ารับประทานได้ทุกตัว
จะจ้างร้านค้าแถวนั้นให้นึ่งหรือย่างให้เลยก็ได้
โดยมีน้ำจิ้มรสเด็ดปรุงขายพร้อม หรือจะซื้อกลับไปทำรับประทานเองที่บ้านก็ดี
ราคาไม่แพง
ในส่วนของร้านค้าฝั่งตรงข้ามจะจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแห้งและของที่
ระลึก


เปิดบริการทุกวัน เวลา 06.00 - 19.00 น.



 เรือหลวงจักรีนฤเบศร



ที่ตั้ง : กองเรือยุทธการ ท่าเทียบเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี


เป็นเรือบรรทุกอากาศยานลำแรกของประเทศไทย
ที่ทางกองทัพเรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างขึ้นเพื่อให้สามารถตอบสนองกับ
การปฏิบัติภารกิจแบบครบวงจรและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่ออันเป็นมงคลว่า
"เรือหลวงจักรีนฤเบศร" ซึ่งมีความหมายว่า ผู้เป็นใหญ่แห่งราชวงศ์จักรี

ตัวเรือมีความยิ่งใหญ่และสง่างามเป็นอย่างมาก
เมื่อเดินขึ้นมาตามทางที่เจ้าหน้าที่กำหนดก็จะมาสิ้นสุด ณ
บริเวณดาดฟ้าจุดจอดเฮลิคอปเตอร์ พื้นที่ใหญ่กว้างขวาง
มองเห็นความสวยงามที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้าอย่างใกล้ชิด
ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีจุดหนึ่งเช่นกัน


อนุญาตให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมได้ทุกวัน เวลา 09.00 - 17.00 น.
และไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยมีข้อควรปฏิบัติดงนี้ คือ
ต้องแต่งกายให้สุภาพ งดสูบบุหรี่ ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่ม กระเป๋าเป้
หรือ สัตว์เลี้ยงขึ้นไปโดยเด็ดขาด
และให้เยี่ยมชมในเฉพาะเส้นทางที่กำหนดไว้เท่านั้น
ที่สำคัญไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าเยี่ยมชม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-3843-9479



หาดนางรำ



ตั้งอยู่ภายในท่าเรือจุกเสม็ด บริเวณใกล้เคียงกับกองเรือยุทธการ
จุดจอดเรือหลวงจักรีนฤเบศร
หากขับรถตรงเข้าไปก่อนถึงกองเรือยุทธการให้เลี้ยวซ้าย
ขับไปตามทางจะพบกับหาดนางรำ
ซึ่งเป็นหาดที่มีความสวยงามและสมบูรณ์แห่งหนึ่งในฝั่งทะเลอ่าวไทยแถบตะวัน
ออกแห่งนี้
เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของชาวบ้านท้องถิ่นและคน
บริเวณแถบนี้ เพราะมีความเงียบสงบ น้ำทะเลมีความสะอาดใส หาดทรายสีขาวนวลสวย
เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะนั่ง จะนอน จะเดิน
สร้างความเพลิดเพลินกันได้ทุกมุม สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
มีบริการร้านอาหาร และที่พักสำหรับผู้ที่ต้องการค้างแรม พร้อมกิจกรรมชายหาด
อาทิ ดำน้ำดูปะการัง พายเรือคายัค และบานาน่าโบ๊ท
ชายหาดนางรำมีความยาวประมาณ 200 เมตร สุดปลายหาดจะเป็นแหลมนางรำ
มีรูปปั้นตัวละครในเรื่องพระอภัยมณี เดินต่ออ้อมต่อไปอีกนิดจะเป็นหาดนางรอง
ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้กัน
จุดเด่นที่น่าประทับใจนอกจากความสวยงามของธรรมชาติแล้ว
ในช่วงเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
ที่หาดนางรำนี้ถือว่าเป็นภาพไฮไลท์ที่หากใครมาเที่ยวที่นี่แล้วห้ามพลาดกัน
เลยทีเดียว เมื่อมองไปยังเส้นขอบฟ้าตัดกับขอบน้ำ
จะเห็นภาพพระอาทิตย์ลูกกลมโตสีส้มค่อยๆ หายลับไปกับแผ่นน้ำ
สลับกับการเปลี่ยนสีของผืนฟ้าที่ค่อยๆ เข้มขึ้นและมืดลง
ในชั่วขณะเวลาเพียงไม่กี่วินาที
เรียกได้ว่าเป็นภาพที่งดงามและน่าประทับใจมาก
ลองไปดูแล้วคุณก็จะรู้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่วิเศษจริงๆ


เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน โดย
เสียค่าบำรุงสถานที่ รถยนต์คันละ 20 บาท รถตู้ 30 บาท และรถบัส 50 บาท
สอบถามรายละเอียด หรือ จองที่พักโทร. 08-5285-5135, 0-3843-1350 ต่อ 73790
ในวันและเวลาราชการ



ถนนยมจินดา ตลาดเก่าเมืองระยอง



ในสมัยก่อนที่นี่ถือว่าเป็นศูนย์กลางการค้าขาย
แหล่งรวมเศรษฐกิจแห่งแรกของเมืองระยอง ที่พลั่งพร้อมไปด้วย ตลาดสด ธนาคาร
โรงหนัง และร้านค้าขายต่างๆ
รวมไปถึงยังเป็นที่ตั้งบ้านเจ้าเมืองต้นตระกูลยมจินดาอีกด้วย
ในปัจจุบันยังคงหลงเหลือไว้เพียงความเงียบเหงา
ที่แฝงไว้ซึ่งเสน่ห์ของบ้านเก่า เรือนแก่ที่บางหลังก็มีคนอยู่บ้าง
หรือบางหลังก็อาจปิดไว้เพื่อรอการบูรณะในโอกาสต่อไป
การมาเดินเล่นที่นี่ก็ได้บรรยากาศแบบย้อนยุคดีเหมือนกัน
ด้วยเพราะบ้านเรือนที่อยู่บริเวณนี้ยังคงอนุรักษ์ความเป็นบ้านไม้แบบทรง
โบราณไว้บ้างทั้งสองฝากฝั่ง แต่บางหลังก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ระหว่างทางมีบ้านเก่าหลังใหญ่ชื่อ "สัตย์อุดม"
เป็นสถานที่จัดแสดงพิพิธภัณฑ์ของเมืองระยอง
โดยเป็นการรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ตั้งแต่ในสมัยก่อนมาเก็บเอาไว้
เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังและคนต่างถิ่นได้ศึกษาและเรียนรู้ถึงวิถีชีวิตและ
ความเป็นมาของเมืองแห่งนี้ โดยบ้านหลังนี้ได้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ใน พ.ศ.
2463
ตลอดทางเดินก็จะพบกับร้านค้ามากมายทั้งร้านที่เก็บรวบรวมของเก่าที่สามารถ
ซื้อหากลับไปได้ ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านกาแฟทั้งเจ้าเก่า และเจ้าใหม่
แต่ร้านที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักกันดีก็น่าจะเป็น ร้านราย็อง
เป็นร้านกาแฟที่ดูเก๋และมีสไตล์ อยู่ตรงหัวมุมถนนพอดี
มีบริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ราคาไม่แพง



เจดีย์กลางน้ำ



เจดีย์องค์นี้สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2416
ในสมัยที่พระยาศรีสมุทรโภคชัยโชคชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา)
เป็นเจ้าเมืองระยอง
ในสมัยนั้นการเดินทางทางน้ำถือว่าเป็นการคมนาคมสายหลักของจังหวัดระยอง
เจดีย์กลางน้ำจึงได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ว่าได้เดินทางเข้ามา
ถึงยังตัวเมืองระยองแล้ว ลักษณะเจดีย์เป็นรูปทรงระฆังคว่ำ สูงประมาณ 10
เมตร ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำระยอง มีน้ำล้อมรอบ ประกอบไปด้วยป่าชายเลน
ที่ยาวไกลไปตามชายแม่น้ำ เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่
ปัจจุบันได้รับการบูรณะเพื่อให้มีทางเชื่อมถึงยังองค์พระเจดีย์ได้
มีความร่มรื่น เงียบสงบ เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างยิ่ง
การเดินทางจากตัวเมืองไปตาม ถนนอดุลย์ธรรมประภาส เลี้ยวขวาที่ถนนสมุทรคงคา
ตัดผ่านตรงต่อไปผ่านวัดปากน้ำไปอีกราว 1.5 กิโลเมตร
ไปจนสุดทางก็จะพบกับพระเจดีย์กลางน้ำ



ตลาดน้ำเกาะกลอย



ตั้งอยู่ในบริเวณด้านหลังปั้มน้ำมัน ปตท. บนถนนสาย 36 ตรงข้าม Big C
ระยอง เป็นตลาดน้ำเปิดใหม่ขนาดกะทัดรัดกำลังเดิน ในคอนเซ็ป
"เพลิดเพลินเดินเล่น ตลาดเกาะกลอย อุ่นไอร่องรอย ความทรงจำครั้งเยาว์วัย"
มีให้เลือกช้อปและเลือกชมกันทั้งของกินของใช้ ในบรรยากาศย้อนยุค
สถานที่สะอาด ลมพัดเย็นสบาย




Tip การเดินทาง


1.รถยนต์ส่วนตัว
จากกรุงเทพฯ สามารถไปได้ 5 เส้นทาง คือ
-
ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท) ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดชลบุรี
บางแสน อำเภอศรีราชา เมืองพัทยา อำเภอสัต_บ อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง
จนถึงจังหวัดระยอง รวมระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร
- ใช้ทางหลวงหมายเลข
34 (บางนา-บางปะกง) และเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท)
ผ่านจังหวัด ชลบุรี บางแสน อำเภอศรีราชา เมืองพัทยา อำเภอสัต_บ
อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง จนถึงจังหวัดระยอง รวมระยะทางประมาณ 220
กิโลเมตร
- ใช้ทางหลวงหมายเลข 34 (บางนา-บางปะกง)
และเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท) ผ่านจังหวัดชลบุรี บางแสน
อำเภอศรีราชา จนถึงอำเภอบางละมุง แยกซ้ายที่กิโลเมตร 140
เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 36 ไปต่อ อีกประมาณ 70 กิโลเมตร จนถึงอำเภอเมืองฯ
จังหวัดระยอง รวมระยะทางประมาณ 210 กิโลเมตร
- ใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7
(กรุงเทพฯ-ชลบุรี หรือมอเตอร์เวย์) ไปจนถึงอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
ระยะ ทางประมาณ 120 กิโลเมตร จากนั้นแยกซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 36
อีกประมาณ 60 กิโลเมตร จนถึง อำเภอเมืองฯ จังหวัดระยอง รวมระยะทางประมาณ
180 กิโลเมตร
- ใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-ชลบุรี
หรือมอเตอร์เวย์) ไปจนถึงอำเภอเมืองฯ จังหวัดชลบุรี จากนั้น
แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 344 (ชลบุรี-แกลง) ผ่านอำเภอบ้านบึง
อำเภอวังจันทร์ จนถึงอำเภอแกลง รวมระยะทางประมาณ 180 กิโลเมตร
เส้นทางนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไป อำเภอแกลงโดยไม่ผ่าน
อำเภอเมืองระยอง หากต้องการเดินทางเข้าสู่อำเภอเมืองระยอง
ให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3 ย้อนกลับมา อีกประมาณ 42 กิโลเมตร



2.รถโดยสารประจำทาง
มีรถออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) และสถานีขนส่งกรุงเทพฯ
(จตุจักร) กำแพงเพชร 2 เป็นประจำทุกวัน โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490
//www.transport.co.th


Create Date :05 มกราคม 2555 Last Update :5 มกราคม 2555 7:36:05 น. Counter : Pageviews. Comments :0