bloggang.com mainmenu search
 ‘นางงามเก็บขยะ’ มงกุฎไม่หลุด เพราะชีวิตดรามา! ดรามาบังเกิด! เมื่อภาพของนางงามก้มกราบแม่ที่มีอาชีพเก็บขยะกลายเป็นที่ฮือฮาได้รับเสียงชื่นชมจนโด่งดังทั่วโลกโซเชียลฯ กลับต้องมาโดนขุดคุ้ยพบว่าความจริงแล้วเธอโกงประวัติการศึกษาเรียนจบเพียงชั้น ม.3 เหตุนี้เองเกือบทำให้เธอโดนยึดรางวัลคืน ทว่า ด้วยคุณงามความดีและความกตัญญูทำให้เธอได้ดำรงตำแหน่งเช่นเดิมอย่างไม่มีข้อกังขา!



เมื่อเด็กเก็บขยะกลายเป็นนางงาม

ชีวิตจริงยิ่งกว่าละครเมื่อจู่ๆ เด็กสาวเก็บขยะอดีตแดนเซอร์ลูกทุ่งกลายเป็นนางงาม ที่สังคมออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวดีๆ ของนางงามยอดกตัญญูสู้ชีวิตอย่าง มิ้นต์-ขนิษฐา ผาแสง มิสอันเซนเซอร์นิวส์ไทยแลนด์ 2015 (Miss Uncensored News Thailand 2015) สาวน้อยวัย 17 ปี ชาวสมุทรปราการ ที่สามารถคว้ามงกุฎอันดับ 1 มาครองได้ในปีนี้ จนได้รับเสียงชื่นชมจนโด่งดังทั่วโซเซียลฯ

แน่นอน เรื่องราวชีวิตของน้องมิ้นต์เป็นที่น่าสนใจของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก โดยน้องมิ้นต์ได้เผยว่า คุณแม่ของเธอมีอาชีพเก็บขยะขาย ส่งเสียตนจนจบชั้นม. 6 และขณะนี้กำลังเก็บเงินเพื่อเรียนต่อในระดับปริญญาตรี อีกทั้ง ยามวางจากการเรียนตนก็จะไปช่วยคุณแม่เก็บขยะ คัดแยกขยะเพื่อเตรียมนำไปขาย และถึงแม้วันนี้น้องมิ้นต์จะมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว แต่คุณแม่ก็ยังไม่ยอมเลิกอาชีพเดิม เพราะเป็นอาชีพที่เลี้ยงดูลูกสาวจนทำให้น้องมิ้นต์กลายเป็นนางงามได้ทุกวันนี้




เรื่องราวของนางงามขยะยอดกตัญญูรายนี้กลายเป็นข่าวดังขึ้นมาทันที เรื่องราวของเธอถูกแชร์สนั่นทั่วโลกออนไลน์ และแน่นอนว่าเมื่อดังแล้วย่อมมีคนขุดคุ้ยเป็นเรื่องธรรมดา จากการตรวจสอบคุณสมบัติของเธอพบว่าเธอโกงประวัติการศึกษาเพราะเรียนจบเพียงแค่ชั้น ม.3 เท่านั้น ในขณะที่การประกวดนางงามเวทีนี้กำหนดวุฒิการศึกษาขั้นต่ำคือ ม.6 เกี่ยวกับประเด็นนี้เองทำให้เรื่องราวของน้องมิ้นต์กลายเป็นประเด็นดุเดือดขึ้นมาอีกครั้ง

เหตุนี้เองจึงทำให้กองประกวดจำเป็นต้องทำตามกฎ ยึดเงินรางวัล ของรางวัล และมงกุฎคืน แต่เนื่องจากมีหลายฝ่ายต้องการให้หาทางออกที่เป็นธรรม ทางกองประกวดจะพิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้งเพราะเธอมีคุณงามความดีได้ช่วยเหลือบุพการี ถือเป็นความกตัญญูที่ดีงาม




“กองประกวดหยวนๆ กันหน่อย จบ ม.3 ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่นา คุณดูสิ่งที่น้องเขาทำสิผมว่ามันมีความหมายยิ่งกว่าคนจบสูงๆ บางคนซะอีกนะ”

“วัดกันที่ความดีเหอะ อย่าวัดกันที่การศึกษาเลย คนจบสูง ๆ หน้าที่การงานดี ๆ แต่เป็นคนเลว โกงชาติบ้านเมืองเยอะแยะ”

“ทำไมล่ะครับคนจนมีการศึกษาน้อย แต่เป็นเด็กกตัญญูรู้จักช่วยพ่อแม่และไม่ลืมความเป็นของตัวเองมันผิดตรงไหนครับ พวกคุณๆ จะไม่ให้โอกาสกับผู้ด้อยโอกาสเลยเหรอครับ ตัวน้องเขาเองก็มีค่าความเป็นมนุษย์เท่าๆ กับพวกคุณแหละครับ ผมว่าดีกว่าดาราบางคนด้วยซ้ำไป”

“ดีก็ส่วนดีนะ พอเห็นว่าเธอกตัญญู เป็นเด็กจากกองขยะ เราเลยลืมเรื่องที่เธอโกงวุฒิอย่างนั้นเหรอคะ เธอทำผิดกติกาการประกวด พูดง่ายๆ คือโกงตั้งแต่เข้าสมัครว่า จบ ม.6 ทั้งๆ ที่ จบ ม.3 ถ้าบอกตามจริง เธอก็ต้องถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้ประกวด ถ้าเราคิดว่าโกงวุฒิแค่นี้เองเรื่องเล็กน้อย คิดว่าเมืองไทยคงอยู่กับที่แบบนี้อีกนานค่ะ”

“โกงส่วนโกง จนก็ส่วนจนอย่าเอาความจน มาเป็นข้ออ้างในการโกง ให้คนเขาสงสาร เราเห็นใจที่คุณจนแต่เราไม่ยอมรับ ในเรื่องที่คุณโกง”

“ถ้าไม่พูดถึงวุฒิการศึกษา และไม่พูดถึงความจน สิ่งที่นางไม่มีคือความซื่อสัตย์ ซึ่งน่ากลัวมาก”




หลังจากประเด็นนี้ถูกแพร่สะพัดออกไป กลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้ผู้คนสนใจและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหู ทั้งขอให้กองประกวดเห็นแก่การที่น้องมิ้นต์เป็นเด็กดีมีความกตัญญู และบางส่วนกล่าวว่าสิ่งที่น้องมิ้นต์ทำคือโกงการวุฒิการศึกษาซึ่งไม่เกี่ยวกับการกตัญญูเลยแม้แต่น้อยจึงอยากให้กองประกวดพิจารณาตรงนี้ด้วย

ทำให้ทางด้านน้องมิ้นต์เองก็ได้ออกมายอมรับว่าตอนกรอกใบสมัครระบุว่าจบ ม.6 ทั้งๆ ที่เธอจบเพียงแค่ม.3 แต่กลัวจะไม่ได้เข้าประกวดก็เลยเขียนไปแบบนั้น อีกทั้ง ยังขอร้องคณะกรรมการกองประกวดด้วยว่าอย่ายึดมงกุฎและรางวัลที่เธอได้รับเลยเพราะเธอยากจนจริงๆ และยังกราบขอโทษสื่อมวลชนตลอดประชาชนและคณะกรรมการกองประกวด ที่ตนไม่ได้จบ ม.6 ตามที่ให้ข่าว และที่ตนต้องทำแบบนี้ เพราะต้องการเงินไปจ่ายเป็นค่าเทอมน้องๆ ที่กำลังเรียนหนังสือ



ผิดเพราะ! กลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก

ระหว่างรอการตัดสินใจจากทางกองประกวด ผู้คนส่วนใหญ่ก็ให้ความสนใจกับประเด็นนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว ล่าสุด มีหนุ่มน้ำใจงามประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ยินดีมอบเงินรางวัล 30,000 บาท ให้กับน้องมิ้นต์หากน้องมิ้นต์โดนยึดตำแหน่งและของรางวัลคืน โดยมีใจความดังนี้

“ฝากถึงกองประกวด น้องมิ้นต์ทำผิดจริงที่คุณสมบัติไม่ครบแล้วไปสมัคร แล้วดันได้ที่ 1 ซึ่งน้องคงดีใจมากๆ ที่ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท ถ้ากองประกวดจะยึดเงินรางวัลจริงๆ ให้น้องติดต่อมาหาพี่ด่วน พี่จะช่วยเหลือครอบครัวน้องเอง ด้วยเงิน 30,000 บาท ช่วยเหลือในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง ไม่เกี่ยวข้องกับหลักเหตุผลใดๆ พี่เข้าใจว่าเวลามันจน มันทรมานแค่ไหน พี่เคยผ่านจุดนั้นมาก่อน”

อีกทั้ง ในส่วนของนางงามรุ่นพี่อย่าง บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้กับสื่อสำนักหนึ่งเช่นกันว่า รู้สึกภูมิใจในตัวน้องมิ้นต์เพราะเป็นผู้หญิงที่สู้ชีวิต ช่วยแม่เก็บขยะขายอย่างไม่อายใครและเข้าใจว่าการที่น้องมิ้นต์ทำแบบนี้เพราะอะไร แต่หากมองในมุมการประกวดแล้วกฎต้องเป็นกฎ กองประกวดสามารถยึดตำแหน่งได้ เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นการเอาเปรียบผู้สมัครคนอื่นได้

ทั้งนี้ ส่วนตัวน้องมิ้นต์เองเป็นเด็กสาวที่มีความฝัน และทำไปเพราะอยากหาเงินมาจุนเจือครอบครัว จึงควรให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนกองประกวดเองก็เก็บเรื่องราวดังกล่าวนี้ไว้เป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดเป็นข้อผิดพลาดอีก สำหรับเรื่องวุฒิการศึกษาของกองประกวดนางงาม ส่วนตัวตนคิดว่าไม่จำเป็น เพราะการเป็นนางงามนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความพร้อมที่จะทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุด รวมไปถึงการวางตัวและอุปนิสัยมากกว่า




เกี่ยวกับประเด็นนี้เองทางทีมข่าว ASTV ผู้จัดการLive จึงต่อสายตรงเพื่อขอความเห็นจาก “หนุ่ม-ประเสริฐ เจิมจุติธรรม” แฟนพันธุ์แท้นางงามและผู้เชี่ยวชาญด้านการประกวดสาวงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย มีความเห็นว่า ‘นางงามขยะยอดกตัญญู’ ไม่ควรที่จะร่วมประกวดตั้งแต่แรก เพราะเธอไม่มีคุณสมบัติที่พร้อมพอ

“สำหรับผู้ที่จะเข้าประกวดหรือการแข่งขันอะไรก็แล้วแต่ อย่างแรกเลยคือเราต้องตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองเสียก่อน ว่าเรามีคุณสมบัติพร้อมที่จะประกวดเวทีนั้นๆ หรือไม่ คือถ้ากลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก เม็ดสุดท้ายมันก็ผิดอยู่ดี ส่วนตัวคิดว่าน้องไม่ควรจะร่วมประกวดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

ทว่า หากกองประกวดจะปล่อยผ่านแล้วให้น้องมิ้นต์ดำรงตำแหน่งเช่นเดิม ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้น่าเกียจอะไรและปล่อยผ่านไปได้เพราะน้องมิ้นต์เองก็มีคุณสมบัติในด้านอื่นๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ยุติธรรมต่อคนอื่นๆ และหากจะเป็นความผิดก็ต้องผิดทั้ง 2 ฝ่าย

“แต่ในกรณีแบบนี้เป็นเรื่องระหว่างเอกชนกับเอกชน ถ้าทางกองประกวดไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้มากนักปล่อยผ่านไปได้ เพราะน้องก็มีคุณสมบัติในด้านอื่นๆ ที่พร้อม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตั้งแต่ต้นแล้วก็ไม่เป็นการยุติธรรมต่อคนอื่นๆ
ส่วนในเรื่องของการผิดกฎอย่างแรกถ้าคุณสมบัติไม่ครบก็ไม่ควรจะให้น้องประกวดแล้ว แต่ว่ากองประกวดอาจจะไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดพอ คิดว่าทั้ง 2 ด้านที่ผิด อย่างแรกผู้ประกวดเองก็มีคุณสมบัติไม่ครบ 2 กองประกวดเองก็ไม่ตรวจสอบหลักฐาน ก็ต่างคนต่างผิด”



ไม่ยึดมงกุฎ เพราะความกตัญญู!

ในส่วนของการศึกษานั้นถือว่ามีความจำเป็นกับนางงามเป็นอย่างมาก เพราะการศึกษาสามารถบ่งบอกถึงวุฒิภาวะของบุคคลนั้นๆ ได้ ทั้งในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ หรือแม้แต่ในส่วนของการทำงานก็ต้องมีความรู้รอบตัวต่างๆ มากมาย สิ่งเหล่านี้เองจะช่วยให้ภาพลักษณ์ของการประกวดดีขึ้น ผู้คร่ำหวอดในวงการประกวดนางงามกล่าวเสริม

“ส่วนตัวแล้วคิดว่าการศึกษาบอกถึงวุฒิภาวะ เช่น ผู้เข้าประกวดที่ได้รับตำแหน่งแล้วต้องทำงานกับกองประกวดเป็นเวลา 1 ปีการศึกษามีผลในแง่ของวุฒิภาวะ ในแง่ของการสื่อสารต่างๆ เช่น เวลาไปออกสื่อ หรือการทำงานอะไรที่ต้องตอบคำถามกับใคร หรือว่าเวลาเจอกับผู้สื่อข่าว การศึกษาหรือความรู้รอบตัวต่างๆ มันก็จะช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของกองประกวดดีขึ้น”




กรณีดังกล่าว ถือเป็นกรณีศึกษาให้กับผู้ที่จะเข้ามาประกวดเวทีนางงามได้อย่างดีทีเดียว ว่าต้องซื่อสัตย์ต่อคุณสมบัติของตนเอง หากมีคุณสมบัติที่ไม่พร้อมก็ไม่ควรเข้ามาประกวด เพราะถือว่าเป็นการโกงคุณสมบัติและเอาเปรียบผู้อื่น

“ประเด็นมันกลายเป็นเรื่องของเอกชนกับเอกชน ซึ่งยอมความกันได้ไม่ได้มีความผิดทางกฎหมายอะไร ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจกับวิจารณญาณของทางกองประกวดว่าต้องการจะสนับสนุนน้องต่อไปหรือไม่ ถ้าพูดถึงในส่วนของกรณีศึกษา ก็ต้องเป็นกรณีศึกษาให้กับผู้เข้าประกวดอื่นๆ ในเวทีต่อๆ ไปว่า การที่จะเข้าไปประกวดเราต้องซื่อสัตย์ต่อคุณสมบัติของตนเองว่าพร้อมหรือเปล่า จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก”

ต่อข้อซักถามที่ว่า น้องมิ้นต์สมควรโดนยึดมงกุฎ และยึดรางวัลหรือไม่? ผู้คร่ำหวอดในวงการประกวดนางงามกล่าวเพียงว่ายึดตำแหน่งตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร จึงอยากให้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา และให้ตัวน้องมิ้นต์เองเป็นคนบอกเล่าเรื่องราวของตนเองให้ผู้ประกวดรุ่นต่อไปว่าอย่าทำแบบนี้จะดีกว่า

“ในเมื่อดำเนินมาถึงตอนนี้แล้วก็น่าจะให้น้องเขาดำรงตำแหน่งต่อไป เพราะว่าความประพฤติด้านอื่นๆ ของน้องไม่มีอะไรที่เสียหาย แล้วก็คิดว่าตอนนี้เราทำไปยึดตำแหน่งเขามันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับกองประกวดและน้องด้วย น้องก็น่ารักที่ยอมรับผิดทุกอย่างแล้วก็น่าจะนำเรื่องราวของตนเองเป็นกรณีศึกษาสำหรับในอนาคตต่อๆ ไปให้น้องเป็นคนบอกเล่าเรื่องราวแบบนี้ว่ากรณีนี้อย่าทำ เพราะตอนนี้น้องก็มีชื่อเสียงแล้ว”


อย่างไรก็ตาม จากความคืบหน้าล่าสุดทางกองประกวดได้ออกมาแจ้งว่าไม่มีการยึดมงกุฎและของรางวัลคืนแล้ว เนื่องจากเห็นในความกตัญญูของน้องมิ้นต์ที่มีต่อแม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ได้ตักเตือนว่าอย่าทำอย่างนี้อีก ขอให้พูดจริงอย่าโกหก เพื่อเป็นบรรทัดฐานของกองประกวด ส่วนทางด้านน้องมิ้นต์ก็สัญญาว่าจะพูดความจริง และจะเรียนให้จบม.6 และระดับปริญญาตรี

“ไม่มีการยึดอะไรใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่การช่วยเหลือ และแก้ปัญหาให้น้องมิ้นต์ เพราะมีข้อมูลที่ผิดพลาดในเรื่องการศึกษา ไม่อยากให้ชาวเน็ตหรือใครออกมาขุดคุ้ยประวัติออกมาแฉ” สมชาย เล็กน้อย หรือเดซี่ ผอ.การประกวดเวทีมิสอันเซนเซอร์นิวส์ไทยแลนด์ 2015 กล่าว

ข่าวโดยASTV ผู้จัดการLive
ขอบคุณข้อมูลบางส่วน: เฟซบุ๊ก Rathakan Xc
Create Date :29 ตุลาคม 2558 Last Update :29 ตุลาคม 2558 12:26:50 น. Counter : 2149 Pageviews. Comments :0