bloggang.com mainmenu search


จากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนฯ ทั่วประเทศครั้งล่าสุด ต้องยอมรับว่านักการเมืองเลือดใหม่ไฟแรง หน้าตายังอ่อนวัย มีทั้งหนุ่มหล่อ สาวสวย ดารา พิธีกร คนข่าว คนทีวีอาสาเข้ามาเป็นตัวแทนประชาชนขอรับใช้ชาติกันเป็นจำนวนไม่น้อย ทำให้วงการเมืองเกิดความคึกคักไม่เบาทีเดียว ส่วนใครจะสมหวังได้เข้าไปเป็นดาวดวงใหม่ในสภาฯ หรือไม่ เราก็คงได้ทราบกันเรียบร้อยโรงเรียนไทยแล้ว

และในจำนวนนี้ ปารีณา ไกรคุปต์ หรือ คุณเอ๋ ทายาทคนสวยระดับนางงาม มีตำแหน่งของนักการเมืองคนดังแห่งเมืองราชบุรี (ทวี ไกรคุปต์ ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่บนสังเวียนการเมืองมา 7 สมัย) มีดีกรีนางงามมิตรภาพและขวัญใจภาคกลาง จากเวทีประกวดนางสาวไทย ในปี 2544 ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นหนึ่งในส.ส.หญิงหน้าใหม่ในสภาฯ เพิ่มคะแนนเสียงหนึ่งเสียงให้กับพรรคไทยรักไทย

คุณเอ๋ ปารีณา กำลังศึกษาในระดับปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงการันตีคุณสมบัติไม่น้อยหน้าใครในสภาฯ ในฐานะผู้แทนฯ เขต 3 อำเภอโพธาราม และจอมบึง จังหวัดราชบุรี
หญิงไทยอยากให้ผู้อ่านได้รู้จักเธอในวันนี้ ซึ่งมีภาพลักษณ์เปลี่ยนไปจากที่เราเคยเห็นกัน

ก่อนตัดสินใจลงสมัครส.ส. คุณเอ๋ มีวิถีการดำเนินชีวิตและอาชีพอย่างไรคะ
"กำลังศึกษาระดับปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้ดร็อปไว้ เพื่อเข้ามาทำงานการเมือง และเคยเป็นอดีตนางงามมิตรภาพ และขวัญใจภาคกลาง จากเวทีประกวดนางสาวไทย ประจำปี 2544 ซึ่งได้มีโอกาสทำหน้าที่ทูตวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยให้คนไทยและต่างประเทศ และช่วยรณรงค์ด้านการท่องเที่ยว ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่สามารถทำรายได้ให้แก่ประเทศไทย



แรงจูงใจที่ตัดสินใจเล่นการเมือง
"เป็นความตั้งใจมาโดยตลอด เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เห็นคุณพ่อ ทวี ไกรคุปต์ เล่นการเมืองและอยู่ในสิ่งแวดล้อม คลุกคลีอยู่กับการเมืองตลอดเวลา ไม่ว่าการเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับชาติ ทำให้ได้เรียนรู้ และรับทราบสิ่งที่คุณพ่อทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนมาตลอดชีวิตอยู่ในสายเลือด และเป็นความตั้งใจที่จะสืบทอดการทำงานการเมืองต่อจากคุณพ่อ จริง ๆ แล้วเอ๋ลงพื้นที่มา 4 ปีเต็ม"



ประสบการณ์ที่ได้รับจากการลงพื้นที่
"เอ๋คิดว่า 4 ปีที่ผ่านมาเป็นประโยชน์มากในการทำงานรับใช้ชาวบ้าน ประชาชนที่ยากไร้ เพราะถือว่า เป็น
การเอกซเรย์พื้นที่ ทำให้เราได้เข้าใจถึงความเดือดร้อน และปัญหาในแต่ละหมู่บ้าน แต่ละพื้นที่ที่มีความแตกต่างกันมาก และได้ทำความรู้จักกับผู้นำชุมชน เข้าใจประชาชน เข้าใจความเดือดร้อนของชุมชนได้อย่างทั่วถึง"

รู้สึกอย่างไรในการลงพื้นที่ครั้งแรก
"ต้องบอกว่า เอ๋ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนกับคุณพ่อมาตั้งแต่ปี 2544 เรียกว่า เป็นเงาตามตัวของคุณพ่อเลยไปไหน ไปกัน ทำอย่างนี้อยู่ระยะหนึ่ง คุณพ่อก็จะเริ่มปล่อยไปบ้างไม่ไปบ้าง พอช่วงหลัง ๆ ก็ปล่อยให้ไปตามลำพัง แต่คุณพ่อจะไปแอบดูก็รู้สึก ตื่นเต้นและประทับใจทุกชุมชนหมู่บ้านให้การต้อนรับ และยอมรับจากผู้นำชุมชนและประชาชนดีมาก"

สโลแกนที่ดึงดูดให้พี่น้องประชาชนจำได้ ในฐานะที่เป็นผู้สมัครลงเล่นการเมืองหน้าใหม่
"สโลแกนที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งเอ๋มี 2 อย่าง ที่อำเภอโพธารามบ้านเกิดก็จะใช้คำว่า ขอตอบแทน แผ่นดินเกิดโพธาราม ส่วนที่อำเภอจอมบึงจะใช้สโลแกนว่า อาสารับใช้ ตั้งใจทำงานด้วยหัวใจเต็ม 100
คือ ถ้ามีโอกาสได้เข้ามารับใช้ชาวจังหวัดราชบุรี สิ่งแรกที่จะดำเนินการก็คือ ขอเป็นตัวแทนที่พี่น้องชาวโพธาราม และจอมบึงในการนำแนวนโยบายของพรรคไทยรักไทย เข้าไปเป็นทางเลือกของพี่น้องประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในทุก ๆ เรื่อง เพราะที่ผ่านมา 4 ปีในการลงพื้นที่ถึงจะไม่ได้เป็นส.ส. แต่จะติดตามคุณพ่อไปเยี่ยมเยือนพี่น้องตามงานบุญ งานบวชและงานศพ ก็จะได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ ความเดือดร้อนของชาวบ้านเสมอ บางครั้งก็มีโอกาสได้เข้าไปช่วยเหลือ อย่างที่ ตำบลด่านทับตะโก มีครอบครัวหนึ่ง ลูกสาวเป็นโรคหัวใจรั่วค่ารักษาพยาบาลสูงมาก ต้องขายที่ดิน ขายนา เอามาเป็นค่ารักษาพยาบาลลูกสาวครั้งละ 2-3 แสนบาทก็น่าสงสาร น่าเห็นใจมาก แต่พอรัฐบาลมีโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ก็ได้มีโอกาสนำโครงการนี้เข้าไปแนะนำช่วยเหลือเขาถึงบ้าน แนะนำวิธีการสมัครทำบัตรทั้งหลายทั้งปวง และเขาก็ได้โครงการนี้เป็นทางเลือก ที่จะได้รับการดูแลเรื่องสุขภาพอนามัยโดยไม่ต้องเสียเงินจำนวนมาก ๆ เหมือนแต่ก่อน"



ประสบการณ์ที่ประทับใจในการหาเสียง
"ความประทับใจอยู่ที่เพื่อนร่วมงานทุกคน ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.ให้การต้อนรับดีมาก เพราะท่านทั้งหลายมีความผูกพันกับคุณพ่อมานานพอสมควร เพราะคุณพ่อทำงานการเมืองเป็น ส.ส. มา 7 สมัย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมา 3 สมัย ซึ่งต้องทำงานคลุกคลีอยู่กับผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ทำให้มีความผูกพันกับผู้นำชุมชนต่าง ๆ มาตลอด
พอมาถึงเอ๋เป็นลูกสาวที่เป็นทายาททางการเมือง มาลงพื้นที่ในฐานะผู้สมัคร ส.ส. ก็ได้รับการยอมรับ ตอบรับดีมาก และช่วยดูแลเราเป็นอย่างดี ส่วนทางด้านพี่น้องประชาชนก็ได้รับการยอมรับ ให้ความเมตตาและเอ็นดูดีมาก อาจจะเป็นเพราะชาวบ้านเขารักและศรัทธาในตัวคุณพ่อ ซึ่งทำให้เป็นกำลังใจให้เอ๋มีพลังในการทำงานมืด ๆ ค่ำ ๆ ดึก ๆ ดื่น ๆ ก็ยินดีที่จะไปพบปะพี่น้องชาวราชบุรี เพราะถือว่าเป็นกำลังใจ เป็นความประทับที่ได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นแรงใจที่คอยเติมเต็มให้เราได้อย่างสม่ำเสมอ"

ตั้งใจไว้อย่างไรกับระยะเวลาการทำงานทางการเมือง
"คิดว่าน่าทำไปจนตลอดชีวิต เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เห็นคุณพ่อเล่นการเมือง และเราเป็นลูกสาวมีโอกาสใกล้ชิดคุณพ่อ เห็นท่านทำงานรับใช้ประชาชนมาโดยตลอด ทำให้ซึมซับเข้ามาจนเป็นสายเลือด คือ เราเป็นลูกสาวนักการเมืองที่มีคนรักมากมาย ทำให้เอ๋มีความตั้งใจ และมุ่งมั่นมาตลอดที่จะเข้ามาทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนชาวราชบุรี"



อยากทำอะไรใหม่เกิดขึ้นกับชาวราชบุรี เมื่อมีโอกาสเข้ามาทำงานการเมือง
"ที่ผ่านมาทางพรรคได้มีการประชาสัมพันธ์ไปมากในเรื่อง 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง ซึ่ง 4 ปีซ่อมของไทยรักไทยที่ผ่านมาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ถ้าเรายังจำกันได้ ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างหนัก เพราะฉะนั้นเราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ตอนที่ไทยรักไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล เราเริ่มต้นจากลบ 4 ลบ 5 ลบ 6 พอเข้ามาเป็นรัฐบาลก็เริ่มซ่อมไปเรื่อย ๆ เริ่มจากการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ประเทศไทยจ่ายหนี้ ไอ. เอ็ม. เอฟ.ได้ในระยะเวลา 2 ปีก่อนกำหนด เราซ่อมคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชน จากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นทางเลือกของคนยากจนที่ไม่พร้อมที่จะจ่ายค่าพยาบาลแพง ๆ เรามีกองทุนหมู่บ้านให้ดอกเบี้ยต่ำมาก และให้อิสระในการบริหารจัดการกันเองในชุมชน มีโครงการพักหนี้เกษตรกร ซึ่งมีคนประมาณ 2.3 ล้านคนไปลงทะเบียนของพักหนี้ 3 ปี และซ่อมสินค้าทางการเกษตร ซ่อมรายได้ โดยการประกันราคาพืชผลทางการเกษตรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนพี่น้องประชาชนพอใจวางใจ เปิดโอกาสให้พรรคไทยรักไทยเข้ามาทำงานต่อไปอีกสมัย สำหรับ 4 ปีสร้างทางพรรคไทยรักไทย ก็ประกาศที่จะสร้างประเทศชาติให้เข้มแข็งตามนโยบาย 14 ข้อของพรรคที่จะดำเนินการต่อไป เชื่อว่า ประชาชนชาวราชบุรี และทั่วประเทศจะเชื่อมั่นในนโยบายนี้แน่นอน เพราะถ้าย้อนไปแต่ก่อนพรรคไทยรักไทยไม่เคยเป็นรัฐบาล แต่พอเป็นรัฐบาล เราก็สามารถทำทุกอย่างได้ครบถ้วน และมีผลงานมากมาย เพราะฉะนั้นในวันนี้ ประชาชนน่าจะมีความมั่นใจมากขึ้นกับการทำงานของรัฐบาล"

คิดว่าชาวราชบุรีจะได้ประโยชน์ที่เห็นเป็นรูปธรรม ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านไหนบ้าง
"เอ๋คิดว่า ค่อนข้างมีการพัฒนาชัดเจน เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคก็ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้มาก กองทุนหมู่บ้าน โครงการพักหนี้เกษตรกร การสร้างงานในชุมชนเกี่ยวกับการผลิตสินค้าโอทอป หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ก็เริ่มขึ้นแล้วสินค้าเกษตรก็มีราคาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน มีการประกันราคาอ้อย และราคาข้าว พืชผลทางการเกษตรในราคาที่เกษตรกรพอใจมาก ๆ ประชาชนชื่นชมยินดี
ต้องถือเป็นความโชคดีที่ได้เข้ามาอยู่ในพรรคไทยรักไทย เพราะนโยบายของพรรค สอดคล้องกับสภาพปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็มีหน้าที่นำนโยบายต่าง ๆ เข้าไปเป็นทางเลือกของประชาชน พัฒนาชีวิต พัฒนาความเป็นอยู่ของชาวราชบุรีให้ดีขึ้น"

รู้สึกอย่างไรที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวราชบุรี
"รู้สึกดีใจและขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่ให้โอกาสเอ๋ ทุกเสียงทุกคะแนนมีค่ามาก ขอขอบคุณคุณพ่อที่เป็นกำลังใจ เป็นที่ปรึกษา เป็นคุณครูในชีวิตที่สำคัญ มีวันนี้ก็เพราะคุณพ่อได้สั่งสมทุกอย่างไว้ นอกจากนี้ต้องถือว่า เอ๋โชคดีที่ได้อยู่พรรคไทยรักไทยที่ 4 ปีในการเป็นรัฐบาล ได้สร้างผลงานไว้มากมาย จนชนะใจพี่น้องประชาชนทั้งประเทศลงคะแนนเสียงให้อย่างท่วมท้นทุกเขต ทุกจังหวัด เพราะประชาชนเกิดความมั่นใจ เชื่อมั่นและต้องการให้เข้ามาบริหารประเทศต่อ"



ภารกิจต่อจากนี้ไปต้องทำอะไรบ้างและมีการจัดสรรเวลาอย่างไร
"คิดว่า คงเหมือนเดิมลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนตามปกติทุกวัน เพราะประชาชนเขาต้องการความใกล้ชิด ต้องการให้เราช่วยเหลือดูแลในยามที่เดือดร้อน มีความทุกข์ก็จะเข้ามาพูดคุยกันกับเราได้ตลอดเวลา ส่วนวันประชุมพรรค ประชุมสภาก็เป็นไปตามวาระไม่น่ามีปัญหา"

เคยมีภาพเป็นนางงาม ตอนนี้ได้เข้าไปในสภาฯ แล้ว คิดว่าภาพลักษณ์ตัวเองจะเปลี่ยนยากไหม
"เอ๋เติบโตมาจากสิ่งแวดล้อมที่มีแต่นักการเมือง เพื่อนคุณพ่อที่เป็นนักการเมืองหลายท่านเราก็รู้จักคุ้นเคย ถามว่า เขินไหมเวลาอยู่ท่ามกลาง ส.ส.ผู้ชายคิดว่า ไม่นะ ภูมิใจมากกว่า เพราะเอ๋ถือว่า เราเป็นนางงามคนแรกของประเทศไทย ที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนเลือกเข้ามาเป็นส.ส."

เหนื่อยไหมกว่าที่จะมายืนตรงนี้ได้
"ไม่เลยค่ะ เอ๋สนุกมากกว่าที่ได้พบปะชาวบ้าน และโชคดีที่ได้มีโอกาสทำงานที่ชอบ เป็นงานการเมืองที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งคุณพ่อจะสอนเสมอว่า การทำงานการเมือง เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุดจะต้องเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ"

บทความจากนิตยสารหญิงไทย ฉบับที่ 706 ปีที่ 30 ปักษ์แรก เดือนมีนาคม พ.ศ. 2548
Create Date :10 กันยายน 2548 Last Update :10 กันยายน 2548 0:45:19 น. Counter : Pageviews. Comments :7