bloggang.com mainmenu search
หลังจากเสียงภาษาไทยแปร่งๆที่เปล่งออกมาอย่างช้าๆแต่ชัดเจนว่า “ชามรักแม่มากที่สุดในโลกค่ะ” จบลง ก็ทำเอาคนไทยทั้งประเทศที่ติดตามการประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส อดยิ้มตามเจ้าของประโยค บอกรักสุดคลาสสิกของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เธอคนนี้ก็คว้าตำแหน่งสาวงามที่สุดของประเทศในคืนนั้นไป ...
... วันนี้เรามีนัดคุยกับน้องชาม–อรวรินธ์ โอสถานนท์ แววตาที่ซุกซน ขี้เล่น รอยยิ้มสดใสและหลายๆครั้งกับลีลากวนๆมันๆของเธอระหว่างการถ่ายภาพ ทำให้เราอดขำไม่ได้กับเวอร์ชั่นล่าสุดของนางงามยุค 2006 คนนี้




หลังจากรับตำแหน่งมาได้เริ่มภารกิจอะไรไปบ้างแล้วคะ
“ทำงานตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ หลังจากชามรับตำแหน่ง ก็ต้องไปอัดรายการที่นี่หมอชิต รับมงกุฎมาแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง ชามก็ต้องเริ่มทำงานแล้ว ตอนนั้นรู้เลยว่า บทบาทหน้าที่ตรงนี้คงต้องหนักพอสมควร (ยิ้ม)แล้วหลังจากวันนั้น ก็เดินทางไปขอบคุณสื่อต่างๆไปงานการกุศล จนถึงวันนี้ยังขอบคุณไม่หมดเลยค่ะ”


แล้วหน้าที่หลักของการเป็นมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส คืออะไรคะ
“สำหรับในประเทศไทย หน้าที่หลักของชามคือการทำงานด้านการกุศล เช่นการไปเยี่ยมเด็กที่ติดเชื้อ HIV การไปงานกาชาด แล้วสิ่งที่ชามอยากช่วยเหลือมากที่สุดคือการช่วยเหลือสัตว์พิการ หรือสัตว์ที่โดนทารุณกรรม อาจเป็นสุนัข ช้าง สัตว์ป่า แต่เป็นในระดับต่างประเทศ การเป็นมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สก็เป็นเหมือนตัวแทนของประเทศไทย ในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้ชาวต่างชาติได้รู้จักและเข้าใจในความเป็นไทยของเรา ทั้งการไหว้ การยิ้ม การให้ความเคารพในผู้อาวุโสกว่า เราอยากเผยแพร่ให้คนทั่วโลกได้รูจักดียิ่งขึ้น”



นอกจากตำแหน่งที่ชามได้รับแล้ว เวทีการประกวดให้อะไรกับชีวิตชามอีกบ้างคะ
“ได้เปิดโลกกว้างค่ะ คือชามมองว่า เมื่อก่อนตอนเป็นคนธรรมดาไม่มีชื่อเสียงอะไร เวลาจะพูดอะไร จะทำอะไรเสียงเราดังไม่พอ ตอนนี้เวลาพูดอะไรหรือเสนออะไรไป ชามว่าจะมีคนหันมาสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการทำประโยชน์ให้แก่สังคม แล้วในอนาคตชามอยากทำเกี่ยวกับมูลนิธิสัตว์ด้วย คิดว่าโอกาสจากการประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สจะทำให้ความตั้งใจของชามเป็นจริงได้ไม่ยากค่ะ”

พูดถึงมูลนิธิสัตว์หลายครั้ง แปลว่ามีความสนใจในเรื่องนี้มากเป็นพิเศษเหรอคะ
“ใช่ค่ะ คงเป็นเพราะที่บ้านเลี้ยงสุนัขด้วย ทำให้ชามรู้สึกใกล้ชิด ผูกพัน เห็นที่ไหนแล้วเป็นแบบจรจัด ไม่สบาย จะรู้สึกแย่ อยากช่วยเหลือ รวมทั้งช้างด้วย เห็นมาเดินในกรุงเทพ แล้วรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ อยากตั้งมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์เหล่านี้ คือเขาพูดไม่ได้ว่าทรมาน หรือไม่สบายอย่างไร อยากดูแลค่ะ”



เป็นนางงามที่รักสัตว์ แล้วจะรักเด็กด้วยหรือเปล่าคะ
“(หัวเราะ) เด็กก็รักค่ะ รักทั้งสัตว์ทั้งเด็กเลยค่ะ


ตอนเด็กๆ ชามฝันว่าอยากเป็นนางงามด้วยใช่มั้ยคะ
“(หัวเราะ) ใช่ค่ะ คือชามจะชอบดูการประกวดนางงามตั้งแต่เด็กๆ มาแล้ว แล้วชอบบอกใครๆ ตลอดว่า วันหนึ่งจะประกวดนางงาม เป็นความฝันเลยก็ว่าได้ ตอนนั้นก็รู้สึกนะคะว่าเป็นอะไรที่ไกลตัวเหมือนกัน เพราะยากและโอกาสไม่ได้เข้ามาหาเราง่ายๆ แต่ชามก็ฝันให้ไกลเข้าไว้ แล้วก็มาถึงจนได้ค่ะ (ยิ้ม)”



ถึงขั้นตั้งใจและมุ่งมั่นกับการเป็นนางงามเลยหรือเปล่า
“ไม่ถึงขนาดมุ่งมั่นหรอกค่ะ แต่ก็แค่รู้สึกว่าเมื่อโตขึ้นจะลองประกวดนางงามดูสักครั้งหนึ่งในชีวิต ช่วงอายุระหว่าง 18-25 ปี ชามจะเข้าประกวดแน่ๆ ค่ะ แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันนะคะว่าจะได้มีโอกาสเข้าประกวดตั้งแต่อายุ 18 (หัวเราะ) แต่ก็โอ.เค.นะคะ ถือเป็นความตั้งใจอย่างหนึ่งของชีวิตชามอย่างหนึ่งที่อยากทำ และได้ทำ ก็มีความสุขแล้วค่ะ”


เสน่ห์ของการประกวดนางงามสำหรับ ด.ญ.ชาม ในตอนนั้นคืออะไรคะ
“เวทีมั้งค่ะ (หัวเราะ) คือเด็กๆ เห็นการประกวด เห็นรูปแบบเวทีก็รู้สึกอลังการดีจังเลย (ยิ้ม) ชามก็คิดอยากลองขึ้นไปเดินดูสักครั้ง”


ตอนนี้ชามอายุแค่ 18 ปี คิดว่าเร็วไปหรือเปล่ากับความรับผิดชอบขนาดนี้
“คนภายนอกอาจมองว่าชามเด็กไปหรือเปล่า แต่ชามว่าเกณฑ์ที่ทางกองประกวดจัดขึ้นคือ18-25 ปี ก็น่าจะวัดได้ ชามก็อายุครบนะคะ และด้วยวุฒิภาวะของตัวชามเอง รู้ตัวดีว่า เรามีความรับผิดชอบแค่ไหน และค่อนข้างมั่นใจค่ะว่าชามจะทำได้ (ยิ้ม) และจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”




ประสบการณ์จากการประกวดครั้งนี้ ทำให้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมขึ้นบ้างหรือเปล่าคะ
"ได้เยอะเลยค่ะ อย่างแรกคงเป็นเรื่องของมิตรภาพ เรียนรู้การที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะในช่วงเก็บตัว ชามไม่เคยไปเข้าค่ายที่ไหนเลย การได้ใช้ชีวิตในช่วงที่เก็บตัวกับเพื่อนๆ ชามสนุกมาก เรียนรู้อะไรเยอะจากเพื่อนๆ เราต้องสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อทำโชว์ใหญ่บนเวทีให้ออกมาดีที่สุด ช่วงแรกชามเคยนึกนะคะว่าจะเหมือนในหนังหรือเปล่า ที่ต้องมีการแก่งแย่งกัน อิจฉาริษยากันหลังเวที หรือมีการแกล้งกัน แบบว่าโหดร้าย ซึ่งชามก็กลัวๆ เหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงมันไม่มีหรอกค่ะ ทุกคนใจดี ช่วยเหลือดูแลกันตลอด ส่วนหนึ่งเพราะทุกคนก็ใหม่ และตื่นเต้นกันทั้งนั้น อีกอย่างหนึ่งชามว่า ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้ชามรู้จักความอดทนได้ดีขึ้นค่ะ”


เกี่ยวกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นหลังรับตำแหน่ง โดยเฉพาะเรื่องความไม่เหมาะสม แต่ได้ตำแหน่งมาเพราะนามสกุล ชามรู้สึกอย่างไรบ้าง
“ชามคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นหรือกระแสข่าวต่างๆ เป็นธรรมชาติของการประกวด ชามไม่อยากคิดมากและให้ความสำคัญมากนัก เพราะคงทำให้เราเครียดและทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่นัก คือถ้าเรารู้ตัวว่าเราทำอะไรอยู่ และไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดกัน ชามว่าจะไปนั่งสนใจทำไม ปล่อยใจให้สบายๆ ดีกว่าค่ะ ชามคงไม่สามารถไปเปลี่ยนความคิดใครๆ ได้ในเร็ววันนี้ คงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเรามีความสามารถอะไรบ้าง”



แล้วชามพอจะวิเคราะห์ตัวเองได้ไหมคะว่า คืนวันตัดสินชามเอาชนะใจกรรมการได้อย่างไร
“อืม..วันนั้นชามยิ้มเยอะมากค่ะ (หัวเราะ) คงด้วยรอยยิ้ม และความสามารถประกอบกัน ชามคิดว่าอย่างนั้นค่ะ”


หลายคนชอบติงว่าชามไม่สวย แล้วส่วนตัวคิดว่าตัวเองสวยมั้ยคะ
“ชามว่าช่วงปีหลังๆ เวทีการประกวดนางงามไม่ได้ต้องการคนแค่ความสวยอย่างเดียวนะคะ เขาจะดูกันที่ความสามารถรอบด้าน ความสามารถพิเศษของเรา แล้วก็ความสามารถด้านภาษาด้วย ชามคิดว่าชามมีในส่วนนั้น ... กับความสวย ไม่รู้สิคะ ก็อยากสวยค่ะ (หัวเราะ)”


คิดว่าตัวเองมีข้อบกพร่อง หรือข้อด้อยตรงไหนที่อยากแก้ไขก่อนขึ้นเวทีมิสยูนิเวิร์ส
“เมื่อก่อนชามไม่เคยคิดว่าเป็นปัญหาเลยนะคะ แต่พอได้อยู่บนเวทีประกวดครั้งแรก ชามรู้สึกว่าตัวเองตื่นเต้นมากเกินไป ชามนั่งสมาธิบ่อย คิดว่าไม่น่าจะมีความรู้สึกตื่นเต้นอะไรมาก แต่วันประกวดชามตื่นเต้นมากๆ เบลอไปหมด คนชอบว่านางงามตอบคำถามไม่ดีบ้างละ ทำตัวผิดๆ ถูกๆ บ้างละ อยากจะบอกว่าบนเวทีมันตื่นเต้นมากๆ นะคะ ซึ่งชามก็รู้สึกหนักใจกับตัวเองเหมือนกันว่า จะมีความนิ่งมากพอหรือเปล่าสำหรับเวทีระดับโลก”



คาดหวังไว้ที่ตำแหน่งสูงสุดเลยหรือเปล่าคะ สำหรับการไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส
“คือก็พูดยากเหมือนกันค่ะ เพราะทุกคนที่ไปแข่งก็เป็นเบอร์หนึ่งของประเทศเขาแล้ว ทุกคนก็มีคุณสมบัติที่ต่างๆ กันไป ชามขอคาดหวังไว้ที่การทำให้ดีที่สุดก็แล้วกันค่ะ”

มองอนาคตตัวเองไว้อย่างไรบ้างคะ
“อยากทำงานด้านวงการบันเทิงคะ เพราะจากการได้ร่วมในงานระดับประเทศอย่างเวทีมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ทำให้ชามเห็นวิธีการทำงานด้านวงการบันเทิงชัดเจนขึ้น ชามเองก็เรียนนิเทศศาสตร์มาด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้ชามต่อยอดในเรื่องของการเรียนได้อีกด้วย หลังจากเรียนจบคิดว่าคงทำงานด้านนี้อย่างจริงจังค่ะ”


ในวันตัดสินรอบสุดท้ายกับคำถามที่บอกว่า หากให้พูดได้แค่ประโยคเดียวจะพูดว่าอะไร ชามเลือกบอกรักแม่ แล้วถ้ามีเวลาให้คิดได้มากกว่าบนเวทีละค่ะ อยากพูดว่าอะไร
"อืม..ก็คงเป็นประโยคนี้แหละค่ะ ปกติชามเป็นคนที่พูดอะไรแล้วจะคิดก่อนเสมอ ว่าพูดออกไปแล้วจะดีหรือเปล่า แต่ด้วยเวลาตอนนั้นความรู้สึกคงเป็นตัวกำหนดคำพูด แม่ทำทุกอย่างเพื่อชามมาตลอด เราสนิทกันมาก เป็นทั้งแม่และเพื่อน ท่านยังเป็นต้นแบบในชีวิตชามหลายๆ อย่าง ตั้งแต่เด็กๆ ท่านเสียสละเพื่อชามอยู่เสมอ (ยิ้ม) ชามรักแม่มากค่ะ”



แล้วถ้าตอนนี้ต้องตอบว่า ระหว่างเป็นผู้หญิงสวยกับผู้หญิงเก่ง ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ชามอยากได้สิ่งไหนมากกว่ากันคะ
“ขอเวลาคิดสักสองวันได้มั้ยค่ะ (หัวเราะ) อืม..ขอเลือกความเก่งแล้วกันค่ะ อย่างการเต้นลีลาศ คนเต้นอาจไม่สวยแต่เขาสามารถเต้นได้เก่งมากๆ ความเก่งของเขาก็ทำให้ดูสวยขึ้นมาได้ค่ะ ถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของผู้หญิงค่ะ”


สุดท้ายแล้ว อยากบอกอะไรคนไทยก่อนที่จะเดินทางไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศคะ
“ก่อนอื่นคงอยากขอบคุณนะคะ สำหรับแรงเชียร์ แรงใจที่มีให้ชามนะคะ ทุกครั้งที่ได้เจอคนมาทักแล้วบอกว่า เชียร์อยู่นะ จะรู้สึกดีใจมากและเป็นกำลังใจที่ดีจริงๆ แล้วก็ตอนนี้มีการเปิดให้โหวต ‘Miss Photogenic’ (ขวัญใจช่างภาพ) ผ่านทาง //www.missuniverse.com ฝากให้ช่วยกันโหวตด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”


บทสัมภาษณ์จากนิตยสาร WOMAM PLUS Vol.7 - 12-18 พฤษภาคม 2549
Create Date :09 มิถุนายน 2549 Last Update :9 มิถุนายน 2549 1:33:51 น. Counter : Pageviews. Comments :1