bloggang.com mainmenu search


“ณวัฒน์” เผยเคส “ฝ้าย มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์” เป็นอุทาหรณ์ที่ดีให้กองประกวดเวทีต่างๆ ระมัดระวังมากขึ้น พร้อมแสดงทัศนะถ้าแค่ไม่สวยหรือสวยไม่ถูกใจไม่สมควรโดนปลดเพราะเป็นเรื่องของรสนิยม แต่ถ้าทำผิดกฏหมายไม่ควรเอาไว้ รับตนโดนหางเลขถูกช่อง 7 กับสปอนเซอร์สั่งเข้มอย่าให้มีปัญหาเหมือนเวทีมิสยูนิเวิร์สฯ เป็นเหตุให้ตนต้องกลับไปเช็คไอจีและเฟซบุ๊กของนางงามอย่างระเอียดยิบ ก่อนฝากถึงสาวๆ ที่อยากประกวดนางงาม ถ้าเคยทำอะไรผิดกฎหมายก็อย่าเสี่ยงเข้ามาประกวดเพราะจะทำให้เวทีและตนเองเสียชื่อเปล่าๆ

สะเทือนไปทุกเวทีเลยก็ว่าได้ สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับเวทีการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 กรณีที่ “ฝ้าย เวฬุรีย์ ดิษยบุตร” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์คนล่าสุด โดยจวกไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ทั้งรูปร่างที่ไม่ได้สัดส่วน กระแสเป็นเด็กเส้นเพราะเจ้าตัวมีดีกรีเป็นอดีตพิธีกรรายการสตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก และกำลังจะมีผลงานละครเรื่อง เรือนริษยา กับทางช่อง 3 รวมถึงกรณีทวีตคำหยาบคาย ค. สัตว์ เ - ย ซึ่งประเด็นหลังได้มีการเอาไปเปรียบเทียบไปยังกรณีของหนึ่งในผู้เข้าประกวด “ต๊อบ ฟองพิกุล ทองลิ้ม” ที่ต้องออกจากการประกวดนี้ไปเหตุเพราะมีการโพสต์คำหยาบคล้ายกรณีนี้ แต่ฝ้ายกลับไม่โดนตัดสิทธิ์ จนกองประกวดถูกมอง 2 มาตรฐาน เท่านั้นยังไม่พอ รองอันดับสองอย่าง “น้ำเพชร สุณัณณิการ์ กฤษณสุวรรณ” ก็มาโดนตั้งข้อวิพากษ์เรื่องโกงอายุในการประกวด รวมถึงมีการขุดภาพที่เจ้าตัวเคยประกวดเวทีเซ็กซี่และภาพสมัยเคยเป็นพริตตี้มาก่อน กระแสแอนตี้รุนแรงถึงขั้นล่าสุดมีการตั้งเพจล่ารายชื่อถอดถอนฝ้ายเจ้าตัวออกจากตำแหน่งกันเลยทีเดียว

ซึ่งเรื่องราวฉาวโฉ่ทั้งหมดได้กลายเป็นแรงกระเพื่อมและส่งผลกระทบกับเวทีการประกวดเวทีอื่นให้ถูกจับตามองจากสังคมว่าจะเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นอีกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับกระแสต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้สอบถามความคิดเห็นไปยัง “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ และในฐานะที่คลุกคลีกับวงการนางงามมากว่า 10 ปี โดยเจ้าตัวเผยว่าเคสนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ที่ดีสำหรับกองประกวดทุกเวทีให้ระมัดระวังในการคัดเลือกนางงามให้มากขึ้นจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ส่วนกรณีของฝ้ายตนมองว่าควรการตัดสินใจของคณะกรรมการ ลั่นถ้านางงามเวทีตนไม่สวยหรือสวยไม่ถูกใจตนไม่ปลดเพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของรสนิยม แต่ถ้าทำผิดกฎหมายตนไม่เอาไว้แน่ โดนยึดมงกุฏแน่นอน

“กรณีของฝ้ายต้องบอกว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ขออนุญาตออกความคิดเห็นสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน มันเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการของเวที ถ้าในดุลพินิจที่มีการสรุปผลสูงสุดแล้วก็คงต้องเคารพในการตัดสิน ถ้าเป็นผม ผมก็ต้องเคารพ และถ้าผมเป็นในฐานะคนดูผมก็จะเคารพ เพราะคนเราคงไม่สามารถทำอะไรแล้วถูกใจคนได้ตลอดเวลา หรือทุกๆครั้งที่ทำแล้วมองในจุดเดียวกันได้ตลอดทุกปี มันอาจจะมีการมองจุดแตกต่าง หรือจุดที่ไม่เหมือนกันบ้างนานทีปีหน ผมก็ต้องเคารพการตัดสินปีต่อไปจะได้มีแนวทางกันใหม่นี่คือในฐานะคนดู”

“แต่ถ้ามองในฐานะคนจัด เอ่อ...ถ้าเป็นผมมาถึงจุดนี้ก็อาจจะมาไกลเกินแล้ว ก็คงจะแก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากว่าประคับประคองและทำให้ดีที่สุดแต่ว่านั่นเป็นอุทาหรณ์ที่ดี ไม่ใช่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเวทีไม่ดีอะไรนะ เพียงแค่ว่าเป็นอุทาหรณ์ในแวดวงการประกวดนางงาม ก็คือทำให้เราต้องระวังตัวมากขึ้น โดยเฉพาะหลายๆ คนก็มามองเวทีมิสแกรนด์ว่าจะมีปัญหาอะไรให้ติดตามไหม”

“ซึ่งทุกคนจะต้องยอมรับนะครับว่าปัจจุบันสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์ก และก็โลกมันเป็นเปลี่ยนไป ความสวยอย่างเดียว ความพร้อมอย่างเดียวคงใช้งานไม่ได้ มันต้องมีความพร้อมในด้านอื่นๆ ซึ่งเรามองภายนอกไม่เห็น เราต้องมองทะลุผ่านให้ได้ หรือต้องพยายามตรวจสอบให้หนักขึ้นกว่าเดิม ยอมรับครับว่าตั้งแต่เข้าสู่วงการนางงามจริงๆ ประมาณ 10 ปีนี่ยิ่งนานวันขึ้น ก็ยิ่งเจอปัญหาที่มากับผู้ประกวดมากขึ้น และยิ่งนานวันขึ้นก็ยิ่งต้องใช้จิตวิทยาในการที่จะอยู่กับเขา นั่นคือที่มีของกิจกรรมต่างๆ ที่เราทำคืออยากรู้จักอยากเห็นหน้าและก็อยากให้เขาเปิดใจ สำหรับผมก็คิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือป้องกันเอาไว้ตั้งแต่แรก ถ้าเป็นผมก็ต้องป้องกันหนักนิดนึงครับ”

ลั่นถ้าเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นกับเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ตนจะปลดก็ต่อเมื่อสาวงามคนนั้นทำผิดกฎหมาย แต่ถ้าแค่โดนโจมตีว่าไม่สวยหรือสวยไม่ถูกใจตนไม่ปลดเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของรสนิยม
“ถ้าเป็นผม ผมแยกเป็นสองกรณีนะครับ ในกรณีที่ไม่สวย หรือสวยไม่ถูกใจผมไม่ปลด เพราะนั่นคือการลิดสิทธิ์ แต่ถ้าในกรณีนางงามทำผิดกฎหมายก็จำเป็นต้องปลดเพราะว่าคนเราถ้าไม่ได้อยู่ในกฎระเบียบในสิ่งที่เราตั้งหรือสังคมตั้ง หรือใครก็แล้วแต่ที่ตั้งเอาว่าผิดคืออะไร ถูกคืออะไร ต่อไปกฎของเราก็จะใช้กับใครไม่ได้เลย นั่นคือปัญหา”

“ถ้าไม่สวยไม่ถูกใจหรือบางคนบอกว่าความสูงน้องไป รูปร่างใหญ่ไป หรืออะไรก็แล้วแต่นั่นคือเรื่องของการมอง ผมไม่ถือว่ามันเป็นกฎผมถือว่ามันเป็นรสนิยม ซึ่งผมคงไม่ปลดเพราะว่าเมื่อคณะกรรมการที่นั่งอยู่ด้านหน้าตัดสินใจแบบนั้นด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ ผมต้องเคารพ แต่ถ้าก้าวล่วงไปสู่คำว่ากฎหมายหรือกฎในการรับสมัคร ผมก็ต้องปลด ซึ่งก็ต้องมาดูว่าก้าวล่วงมาขนาดไหน ถ้าเรามารู้ทีหลังเราก็ควรปลด พยายามรู้ให้หมดเท่าที่รู้ได้”

พร้อมแจงถึงกรณีรองอันดับสอง “น้ำเพชร” ที่มีภาพเคยประกวดเวทีเซ็กซี่มาก่อน ซ้ำร้ายยังมีคนขุดภาพสมัยเป็นพริตตี้มาแฉ กับประเด็นนี้ “ณวัฒน์” ให้ความเห็นว่าตราบใดที่ยังไม่แก้บนแก้ล่างตนก็ไม่ปลดเช่นเดียวกัน
“ผมถือว่า คำว่าโป๊เนี่ย มันแค่ไหน ถ้าตราบใดที่ยังมีข้างบนกับข้างล่างปิดอยู่ สำหรับมิสแกรนด์ฯแล้วถือว่าไม่อันตรายถึงขนาดต้องยุติ ถ้าไปเจอภาพเป็นทูพีชมันก็ยังอยู่ในโซนที่ปลอดภัยและยังไม่มีผลต่อการปลด แต่ถ้ามากกว่านั้นเช่น เปลือยส่วนหนึ่งส่วนใด อันนั้นจำเป็น เพราะถือว่ามันไม่เหมาะสมกับการเป็นเวทีระดับแนวหน้าของประเทศ รวมถึงกิริยาบางอย่าง ถ้ามากเกินไป ก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน”

รับข่าวฉาวของเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ส่งผลให้ตนต้องตรวจเช็คประวัติผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์ไทยเลนด์อย่างหนักหน่วง ซึ่งผลเรียบร้อยดีไม่มีใครมีปัญหาใดๆ
“โดยปกติก็สแกนมากอยู่แล้ว ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาส่งผลต่อเราแน่นอน ตั้งแต่วันแรกที่เวทีนั้นมีข่าว ของเราก็เริ่มตรวจสอบ ทั้งไอจีและเฟซบุ๊ก การเปลี่ยนชื่อแล้วก็เจอน้องเราก็ขอสัมภาษณ์ทีละคนถึงเรื่องรายละเอียด มีใครทำอะไรไว้ก่อนหน้านี้มั้ยหรืออาจจะสนุกสนาน ด้วยความที่ยังคึกคะนองกันอยู่มีบ้างไหม ให้บอกมาเราจะได้รู้ว่าลิมิตของเราอยู่แค่ไหน ซึ่งเราก็พยายามตรวจสอบแล้ว ณ ขณะนี้ยังไม่มีอะไรครับ”

ยอมรับสภาพตอนนี้คนมองภาพลักษณ์นางงามติดลบไปแล้ว
“ก็ยอมรับสภาพนะครับ ก็ถือว่ามันไม่มีกระแสแบบนี้มานานแสนนานแล้ว คิดว่าประมาณซัก 20 ปีนะไม่เคยเห็นแบบนี้ สมัยก่อนโบราณอาจจะมีสักครั้งนึง ในอดีตทุกคนคงจำการกระชากมงกุฎได้ ทุกคนคงจำภาพนางงามบางคนที่ค้านสายตาหนักๆ ที่ยังพูดกันถึงทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่คนสองคน แต่นั่นแค่ค้านว่าไม่สวยและก็ไม่ถึงขั้นที่ต้องมาสละตำแหน่งหรือไม่สละหรือจะต้องให้ออกจากตำแหน่งหรือไม่ แต่ปีนี้มันดูรุนแรงมาก ก็ต้องยอมรับครับว่าคนก็มอง”

“อย่างผมพานางงามไปเก็บตัวทุกคนก็จะคุยเรื่องของเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ก็คุยกับเราแค่ 2 ประโยค นอกนั้นก็จะถามในกรณีที่เกิดขึ้นของเวทีอื่นมากกว่า ซึ่งมันก็เลยกลายเป็นแบบเหมือนคนในวงการเดียวกันเลยมีผลกระทบต่อกัน หลายๆ คนก็มองและเป็นห่วงเรื่องนี้เยอะ โดยเฉพาะผู้สนับสนุนการประกวด ผมได้รับโทรศัพท์จากผู้สนับสนุนทันทีว่า ขอย้ำว่าอย่าให้เป็นแบบเวทีนั้นเด็ดขาด ช่วยสะแกนให้ดีเพราะนั่นหมายถึงภาพลักษณ์สินค้าเขาก็จะเสียหายไปด้วย ผมก็เข้านะครับ”

“ส่วนทางช่อง 7 ก็ได้เตือนอย่างชัดเจนว่าทำอย่างไรก็ได้เหตุการณ์นี้ต้องไม่เกิด ซึ่งผมก็ต้องปฏิบัติ รวมถึงสถานที่เก็บตัวบุรีรัมย์ เขาก็คุยกับผมทันทีว่าขอให้อย่าให้เกิดอะไรขึ้น ให้คลีนที่สุด เพราะเนื่องจากว่าคุณเนวิน ชิดชอบ และบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เวลาเขาทำอะไรเขาทำเกินร้อย และก็ทำด้วยภาพลักษณ์ที่ดีเขาก็กลัวว่าเราอาจจะทำให้ภาพตรงนั้นมันเสียไปด้วย ซึ่งมันก็มีผลกระทบแบบนี้รอบด้าน ผมว่าอีเวนต์ต่างๆ ก็ไม่ค่อยจ้างนางงามแล้วมั้งครับช่วงนี้”

พร้อมฝากถึงบรรดาสาวๆ ที่คิดจะก้าวเข้ามาประกวดว่า ถ้าตนเองเคยไปทำอะไรผิดกฎหมายมาก็อย่าเสี่ยงเข้ามาประกวดเลย เพราะจะทำให้เสียชื่อทั้งตนเองและเสียหายถึงเวที
“อย่างแรกนะครับก็ต้องฝากบอกน้องๆ ทุกคนว่าสิ่งที่มันผ่านมาแล้วในอดีต น้องๆ อาจจะไปสนุกสนานร่าเริงหรือไปทำอะไรมาก็ตาม ถ้ามันถึงขั้นผิดกฎหมายก็จงตระหนักเถอะว่าอย่าเสี่ยงที่จะเข้ามาประกวด องค์กรในการประกวดก็จะเสีย และตัวน้องเองก็จะกลายเป็นคนสาธารณะที่ถูกตีแผ่ในด้านมืด เสียทั้งสองฝ่าย ส่วนคนที่ต้องการจะมาและก็ไม่ได้มีเรื่องราวอะไรที่มันเป็นเรื่องกรณีศึกษาอย่างเช่นกรณีนี้ ก็เตรียมตัวเองให้พร้อมจริงๆ หมายถึงรูปร่าง หน้าตา และความพร้อมในใจ”

“และสิ่งที่ไม่ลืมเลยคือนางงามต้องไปต่อยอดที่เมืองนอก สำคัญที่สุดคือเรื่องของภาษา ถึงใครจะบอกว่าเราเป็นคนไทยพูดภาษาไทยก็พอแล้ว มันพอแค่ในบ้านเรา ไปเมืองนอกเราพลาดมงกุฎหรือไม่ได้เข้ารอบลึกๆ เป็นเพราะว่าภาษาเราไม่ได้ ชัดๆ เลยคือสื่อไม่สามารถสัมภาษณ์เราได้ เขาไม่รู้ไอเดียเรา เขาไม่รู้ว่าเราจะอยู่กับเขายังไง ฉะนั้นต้องเตรียมภาษาอังกฤษมาให้ดีๆ และบุคลิกที่สำคัญมากจะต้องเป็นสากลว่าเดินอย่างไร นั่นคือบุคลิกของนางงาม ซึ่งไม่ใช่บุคลิกของคนปกติ”

ที่มา
manager
Create Date :31 พฤษภาคม 2557 Last Update :31 พฤษภาคม 2557 21:13:01 น. Counter : 2121 Pageviews. Comments :0