bloggang.com mainmenu search
สัมภาษณ์พิเศษ อดีตพระมิตซูโอะ-แอน สุทธิรัตน์ : "..อาจารย์ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ !"



สัมภาษณ์พิเศษ
โดย ชลระดา หมื่นไธสง


ลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้สังคมยังวิพากษ์วิจารณ์กันได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีของ อดีตพระมิตซูโอะ คเวสโก อายุ 62 ปี กับ แอน สุทธิรัตน์ มุตตามระ นักธุรกิจสาววัย 52 ปี

 หลังเกิดเหตุการณ์สะท้านวงการสงฆ์ไทย เมื่อพระมิตซูโอะ อดีตเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม  ผู้ครองเพศบรรพชิตมานานเกือบ 38 พรรษา ลาสิกขาแบบฟ้าผ่า ก่อนทั้งสองคนจูงมือกันไปจดทะเบียนสมรสที่ประเทศญี่ปุ่น อันเป็นบ้านเกิดของฝ่ายชาย

 ผ่านไปกว่า 4 เดือน ทั้งคู่ก็ควงกันออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพื่อโปรโมตหนังสือ  จนเป็นข่าวครึกโครมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

“ข่าวสด ออนไลน์” ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์กับคุณแอน ซึ่งเธอนัดไปพบที่คอนโดฯ หรูส่วนตัว ย่านเจริญกรุง

 บทสนทนาเปิดฉากขึ้นด้วยจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง.. 

 โดยอดีตพระมิตซูโอะเผยว่าตั้งแต่วันแรกที่เจอกับแอนก็มีความรู้สึกพิเศษ รู้สึกถูกใจ ถูกชะตา เหมือนรู้จักคุ้นเคยกันมานาน แล้วกลับมาเจอกันอีก เมื่อเห็นเขาเป็นทุกข์ เราก็อยากจะช่วย จึงแสดงธรรมสอนธรรมะ

 จากนั้นก็ห่างกันประมาณ 2 เดือน ตนไปกิจนิมนต์ที่ญี่ปุ่น ต้นเดือน เม.ย. มีธุระกลับมาที่กรุงเทพฯ จึงได้เจอกันและพูดคุยถึงเรื่องการดูแลสุขภาพ

 อดีตพระมิตซูโอะบอกต่อว่า แอนเป็นคนชอบเข้าวัดทำบุญ มีจิตใจที่ดี ดูแลแม่ของอดีตสามีจนเสียชีวิต หายากที่เป็นแบบนี้ ถือเป็นคนกตัญญู เมื่อมาช่วยงานก็เริ่มใกล้ชิดมากขึ้น เราสังเกตเขาและถูกใจในหลายด้าน จึงคิดว่าใช่และเริ่มคิดอยากมีครอบครัว

 “แอนเป็นเนื้อคู่ เหมือนรู้จักกันมาตั้งแต่อดีตชาติ ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เคยตั้งใจว่าจะไม่แต่งงาน เพราะเป็นคนชอบอิสระ และชอบเดินทางไปผจญภัยตามที่ต่างๆ เมื่อได้บวชก็พบผู้หญิงหลายคนที่เป็นโยมอุปัฏฐากและที่ทำงานด้วยกัน ก็ไม่เคยคิดแบบนี้ จนสุดท้ายมาเจอกับแอน คิดว่าเป็นความรัก” มิตซูโอะเปิดใจ

ด้าน แอน สุทธิรัตน์ เล่าว่า ครั้งแรกที่ไปพบกันคือวันที่ 14 ก.พ.56 เพราะเรามีความทุกข์เรื่องธุรกิจมีปัญหา จึงไปหาท่าน ท่านก็ให้ธรรมะ จากนั้นเราก็ปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัด ในช่วง 2 เดือน ได้เจอกัน 2 ครั้ง 

 เมื่อทราบว่าท่านเป็นเบาหวาน จึงนำอาหารเสริมและจัดอาหารไปถวาย ท่านเริ่มไปดูแลสุขภาพที่คลินิกเรา ช่วงนั้นยังไม่ได้ตามไป เนื่องจากมีคนคอยดูแลอยู่ที่คลินิกแล้ว เราปฏิบัติธรรมกระทั่งเดือน เม.ย. มีธุระจะเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ท่านไปตรวจและฟังผลที่คลินิก จึงไปด้วยกัน

 ต่อมาได้เริ่มต้นทำงานกับท่านหลายอย่าง ช่วยตอบปัญหาธรรมะทางเฟซบุ๊ค และคอยติดตามท่านไปงาน โดยมีคนขับรถและผู้ติดตามที่เป็นลูกศิษย์ผู้ชายที่เราเตรียมไว้คอยดูแลท่าน รวมถึงเลขาส่วนตัวก็ไปด้วยกัน

“ตอนที่เรามีความทุกข์ เมื่อได้ไปพบท่าน ก็ประทับใจคำสอนธรรมะ ประทับใจในความเมตตาที่ท่านให้ จึงเกิดความศรัทธา แล้วได้ร่วมงานก็รู้สึกมีความยินดี และมีความสุขที่ได้ทำงานกับท่าน” แอนเผยความรู้สึก


สำหรับประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ การตัดสินใจลาสิกขาแบบฟ้าผ่า มิตซูโอะบอกว่า ตอนนั้นคิดเรื่องการมีครอบครัวประมาณ 2 อาทิตย์ จากนั้นตัดสินใจลาสิกขาอีกประมาณ 10 วัน เพื่อใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

 ขณะนั้นคิดทบทวนกับตัวเองว่า เราสึกเพื่ออะไร เพื่อจะได้ทำงานที่กว้างขึ้น ได้เป็นอิสระจากศีลของพระ ซึ่งละเอียดเกินไป ทำอะไรก็ผิดหมด เช่น การหาที่นั่ง ห้ามนั่งแถวเดียวกับผู้หญิง เมื่อขึ้นเครื่องบิน ก็วุ่นวายกันไปหมด ไม่สะดวก ถ้าจะรักษาศีลเคร่งครัด ก็ควรอยู่ในป่า ปฏิบัติจริงจัง และตัดขาดโลกภายนอก แต่ถ้าเราจะทำงานเกี่ยวกับสังคมหรือต้องเดินทางไปเผยแผ่ธรรมะในที่ต่างๆ ก็คิดว่าสึกมีประโยชน์มากกว่าไม่สึก

 “อาจารย์ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ บุคคลธรรมดาที่ถือศีล 5 แล้วเป็นอริยบุคคลก็มีมากมาย เราไม่ควรยึดติดในสิ่งภายนอกหรือจีวร แต่อยู่ที่ธรรมะ ซึ่งพระพุทธเจ้าแสดงธรรมให้ญาติโยมที่ฟังก็สามารถเป็นอรหันต์ได้ ไม่ใช่ว่าต้องปฏิบัติในขณะห่มจีวรเท่านั้น มนุษย์ทุกคนถ้าอริยมรรคถึงองค์ 8 มีศีล สมาธิ ปัญญา เกิดขึ้นพร้อมกัน ก็บรรลุธรรมได้”

 อดีตพระมิตซูโอะ กล่าวต่อว่า เรื่องการปฏิบัติธรรมหรืออุดมการณ์ทางธรรมะนั้นยังเหมือนเดิม แล้วเราก็สึกดี ไม่ได้ปฏิบัติผิด

 แอนเสริมว่า สังคมไทยอาจยึดติดกับพระ ยึดติดกับจีวร ยึดติดกับเถรวาท การยึดติดว่าผู้ที่จะบรรลุธรรมได้ คือ ศีลและพรตเท่านั้น แต่ความจริงอยู่ที่จิตใจต่างหาก ทุกคนเข้าใจเราผิด ไม่เห็นเจตนาที่แท้จริงของเรา ท่านปฏิบัติที่จิต ไม่ได้ยึดติดกับผ้าเหลือง เราปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ อยู่ในเส้นทางปรินิพพาน ตามอริยมรรคมีองค์ 8 มีสัมมาทิฏฐิ มีสภาพใจดี และเป็นคนดีของสังคม

 “ครั้งนี้เป็นความรักที่ดีที่สุด ท่านเป็นคนดีมาก เป็นผู้ชายที่เป็นพ่อพระ อยู่ในศีลในธรรม เมื่ออยู่ด้วยกันก็ได้ธรรมะ และได้ทำบุญด้วยกันตลอด ถือเป็นบุญที่ท่านเมตตาใช้ชีวิตคู่กับเรา” แอนบอกอย่างนั้น

 เมื่อถามว่า คิดอย่างไรที่สังคมมองว่า คุณแอนเป็นผู้หญิงไม่ดีที่ทำให้พระสึก

 นักธุรกิจสาวใหญ่ไฮโซตอบว่าอยากให้สังคมมองแบบกว้างๆ ว่า การที่ท่านสึกออกมาไม่ใช่ท่านจะทำประโยชน์ไม่ได้ ไม่ใช่เราจะไปตัดเส้นทางปรินิพพานของท่าน ท่านสามารถเผยแผ่ธรรมะได้เหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิม หากเป็นสมณเพศจะทำให้เดินทางไปต่างประเทศลำบาก ติดทั้งเรื่องผ้าเหลือง อาหาร หรือการนั่งใกล้ผู้หญิงไม่ได้

 “ท่านไม่ได้เน้นศาสนาพุทธ แต่เน้นเผยแผ่ธรรมะให้กับคนทุกศาสนา สอนให้คนมีสุขภาพใจดี สอนให้เป็นคนดี เมื่อเราตั้งใจทำความดี ส่งเสริมให้ท่านให้ทำความดี เราไม่ได้ทำให้สังคมเสียหาย และไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แล้วเราผิดตรงไหน อยากให้สังคมเปิดใจกว้างและฟังความคิดของเราบ้าง” 

 ภรรยามิตซูโอะกล่าวต่อว่าส่วนเรื่องที่คนคิดว่าเราต้องการแต่งกับท่านเพราะต้องการใช้หนี้นั้น อยากจะบอกว่า ท่านไม่มีเงิน ถ้าอยากจะล้างหนี้ เราขายทรัพย์สินตัวเองก็ได้ เพราะทรัพย์สินมีมากกว่าหนี้สิน ไม่เห็นจะต้องมาแต่งงานกับผู้ชายที่เป็นพระซึ่งไม่มีเงิน ตนไปแต่งกับมหาเศรษฐีไม่ดีกว่าหรือ สำหรับเงินบริจาคของมูลนิธิ ยืนยันว่าไม่เคยเกี่ยวข้อง บาทเดียวก็ไม่เคยได้

 เมื่อถามว่า กรณีมีกระแสโจมตีพระอาจารย์มิตซูโอะและสีกาแอนออกมาพูดผ่านสื่อ ซึ่งหลายคนมองว่า เมื่อสึกแล้วก็ควรอยู่อย่างสงบดีกว่านั้น ทั้งสองคนคิดเห็นกันอย่างไร?

 มิตซูโอะ บอกว่า เราอยากให้สังคมเข้าใจและหยุดการเข้าใจผิด เพราะช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาก็เก็บตัวมาตลอด แต่ขณะกลับมาเมืองไทยได้เห็นข่าวแรงมาก จึงคิดว่าจำเป็นที่จะต้องชี้แจง ถ้าเราเงียบก็จะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ พร้อมกับเขียนหนังสืออธิบายเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อไม่อยากให้เข้าใจผิดว่า อาจารย์มิตซูโอะเป็นคนไม่ดี อย่างน้อยที่สุดก็อยากให้เข้าใจว่าอาจารย์มิตซูโอะก็เป็นคนธรรมดา

 “แม้จะทำให้คนกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แต่อยากให้มีคนเข้าใจเราบ้างเชื่อว่าคนธรรมดาที่มีสติปัญญาพิจารณาก็จะเข้าใจ อยากให้คนเราควรมีจิตใจกว้าง ไม่ใช่บงการชีวิตคนอื่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่อาจารย์คนเดียวที่เสียหาย แต่กระทบไปถึงมูลนิธิ และทำให้พระพุทธศาสนาเศร้าหมอง แต่หากคนที่มีอคติรุนแรง ก็คงห้ามความคิดเขาไม่ได้ ตอนนี้จึงรู้สึกปล่อยวาง”

 สุดท้ายอดีตพระมิตซูโอะฝากถึงสังคมไทยว่า เราเป็นชาวพุทธ ควรมีศีลธรรมและจริยธรรม ควรพูดดี โดยพูดไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และพูดอย่างสร้างสรรค์ เพราะความเป็นมนุษย์ที่ดี คือ คิดดี พูดดี และทำดีทุกสถานการณ์ หรือทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ด้วยจิตใจที่ดีและมีความสุข

 นั่นอาจเป็นข้อแนะนำที่ทั้งอดีตเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม กับ ภรรยา ต้องพึงระลึกไว้ด้วยเช่นเดียวกัน
Create Date :16 ตุลาคม 2556 Last Update :16 ตุลาคม 2556 0:19:36 น. Counter : 3912 Pageviews. Comments :0