ความคืบหน้า ชะตากรรมของลูกเรือชาวไทย 2 คนที่อยู่ในอุบัติเหตุของเครื่องบนโบอิ้ง 777-200ER ของเอเชียน่าแอร์ไลน์ส ที่ตกกระแทก ขณะลงจอดที่สนามบินซานฟรานซิสโก พบรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สแตนฟอร์ด โดยน้องหมิวกระดูกคอเคลื่อนแต่ไม่อันตราย ส่วนน้องอี๊ฟอาการสาหัส แพทย์งดเยี่ยมหวั่นติดเชื้อ ขณะที่ครอบครัวของทั้ง 2 คนเตรียมเดินทางไปเยี่ยมที่ซานฟรานซิสโกแล้ว...
เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2556 ข้อมูลจากเฟซบุ๊กของสมาคมลูกเรือไทย (Cabin Crew Club) ระบุว่า ลูกเรือชาวไทย 2 ราย ซึ่งอยู่บนเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 777-200ER ของ สายการบินเอเชียน่าที่ประสบเหตุ ได้รับการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลสแตนฟอร์ดในนครซานฟรานซิสโก ครอบครัวผู้ประสบเหตุได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่สถานกงสุลไทยในสหรัฐฯ เรียบร้อยแล้ว พร้อมระบุชื่อของลูกเรือ 1 ราย คือ น.ส.สิริทิพย์ สิงหการ หรือ อี๊ฟ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสถานกงสุลใหญ่นครลอสแอนเจลิส ระบุว่ามีลูกเรือของสายการบินดังกล่าว 2 คน เป็นคนไทย ทราบแต่เพียงชื่อเล่นว่า น้องหมิว และ น้องอี๊ฟ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสแตมฟอร์ด โดยน้องหมิวมีอาการกระดูกคอเคลื่อน ไม่เป็นอันตราย แพทย์อนุญาตให้เยี่ยมได้ ส่วนน้องอี๊ฟยังคงรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู แพทย์ไม่อนุญาตให้เยี่ยม นายกสมาคมแคลิฟอร์เนียภาคเหนือ ได้หารือกับผู้ปกครองของน้องอี๊ฟ ที่ประเทศไทยแล้วถึงเรื่องขอการมอบอำนาจในการดูแลรักษาในช่วงนี้
สำหรับน้อง หมิวและน้องอี๊ฟ-น.ส.สิริทิพย์ สิงหการ ทางสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครลอสแอนเจลิส และสมาคมแคลิฟอร์เนียภาคเหนือ ได้ให้การประสานงานช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยน้องอี๊ฟยังคงรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู แพทย์ไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจากมีบาดแผลใหญ่ตรงกลางศีรษะ และมีแผลไฟไหม้ที่มือและเท้า นิ้วมือข้างขวางอไม่ได้ ทั้งนี้ อาสาวของน้องอี๊ฟเปิดเผยว่า โรงพยาบาลได้ติดต่อมาและแจ้งให้ทราบว่าน้องอี๊ฟ อาจจะต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 2 สัปดาห์ ขณะนี้คุณพ่อคุณแม่ของน้องอี๊ฟกำลังเตรียมตัวเดินทางไปเฝ้าดูแลน้องอี๊ฟ ที่ซานฟรานซิสโกแล้ว
ด้าน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของ น.ส.มณีนาถ ตินณะกุล หรือ หมิว อายุ 25 ปี แอร์โฮสเตสสายการบินเอเชียน่าแอร์ไลน์ส ที่ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่บนเครื่องบินโบอิ้ง777-200ER เที่ยวบินที่ 214 กระแทกรันเวย์ ที่สนามบินนานาชาตินครซานฟรานซิสโก ที่อยู่ย่านตลิ่งชัน กทม.เบื้องต้นทำการกดกริ่งแล้วแต่ไม่มีผู้ใดอยู่ภายในบ้าน ประกอบกับประตูรั้วก็ถูกแม่กุญแจล็อกไว้จากภายนอก จึงสอบถามเพื่อนบ้านซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันได้ความว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของน้องหมิว ก่อนหน้านี้น้องหมิวอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ แต่พอได้ทำงานเป็นแอร์โฮสเตส น้องหมิวก็ย้ายไปอยู่ประเทศเกาหลี นานๆจะแวะกลับมาพักสักครั้ง ช่วงเช้าหลังพ่อแม่น้องหมิวทราบข่าวว่าลูกสาวได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ก็รีบเดินทางไปสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ขอวีซ่าเตรียมตัวเดินทางไปเยี่ยมลูกที่ซานฟรานซิสโก จากการพูดคุยกันเบื้องต้นทราบว่า น้องหมิวแค่มีอาการเจ็บหลัง อาการไม่หนัก พูดคุยทางโทรศัพท์ได้แล้ว พ่อกับแม่จึงเบาใจไปได้เปลาะหนึ่ง แต่มีแอร์โฮสเตสสาวไทยที่ร่วมชะตากรรมอีกคนชื่อน้องอี๊ฟ อาการหนักกว่า ได้ยินว่ากำลังรอเข้ารับการผ่าตัดยื้อชีวิตอย่างเร่งด่วน
เย็นวันเดียวกัน รองศาสตราจารย์ ดร.นิเทศ ตินณะกุล คณะรัฐศาสตร์ สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บิดาของน้องหมิว เดินทางกลับมาถึงบ้าน เมื่อพบผู้สื่อข่าวเฝ้ารออยู่ที่บ้านก็เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวว่าลูกสาวได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ค. จึงพร้อมกับภรรยารีบเดินทางไปที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศ ไทย ขอวีซ่าเตรียมตัวเดินทางไปเยี่ยมลูกที่ซานฟรานซิสโกและได้รับวีซ่าเป็นที่ เรียบร้อยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด หลังเกิดเหตุมีโอกาสได้พูดคุยกับลูกสาวเบื้องต้นทราบว่า น้องหมิวแค่มีอาการเจ็บที่แผ่นหลัง อาการไม่หนัก พูดคุยทางโทรศัพท์ได้ แต่ตนกับภรรยายังวิตกและตกใจอยู่ ส่วนข้อมูลอื่น ไม่ขอเปิดเผย จากนั้นก็ได้ขอไปเตรียมตัวเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อไปเยี่ยมลูกสาวต่อไป.