bloggang.com mainmenu search









“ความสำคัญของครูบาอาจารย์”

การมีครูบาอาจารย์จึงสำคัญมาก จำเป็นมาก

 ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์แล้ว เราก็จะเถลไถลกัน

 ออกนอกลู่นอกทางกัน ถึงแม้ว่าจะรู้ทาง แต่เดี๋ยวก็ลืม

หรือถูกอำนาจใฝ่ต่ำที่มีอยู่ในใจ

มันจะชอบดึงเราให้ออกนอกลู่นอกทางกัน

 แต่พออยู่ใกล้ครูบาอาจารย์

เดี๋ยวท่านก็เรียกมาว่ากล่าวตักเตือน มาสั่งมาสอน

 หรือถ้าท่านเห็นเรากำลังไปนอกลู่นอกทาง

ท่านก็จะเตือนจะบอก อย่างนี้ก็จะทำให้เราไม่หลงทาง

 ไม่เสียเวลา อันนี้แหละคือเรื่องของการที่เราจะสามารถ

ปฏิบัติพัฒนาจิตใจของเราให้ขึ้นสูงได้

จะต้องมีครูบาอาจารย์ มีสิ่งแวดล้อมที่ดี

ที่จะหล่อหลอมจิตใจของเรา ให้ไปในทิศทางที่ดีได้

 สิ่งแวดล้อมที่ดีก็คือนี่ สิ่งที่ไม่มีเครื่องยั่วยวนกวนกิเลสต่างๆ

 รูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ ถ้าอยู่กับธรรมชาตินี้

 มันไม่มีอะไรมาคอยกระตุ้นกิเลสตัณหาให้ออกมา

 ถ้าอยู่กับบ้านกับเมืองนี้

 เดี๋ยวมันมีอะไรมาคอยกระตุ้นอยู่เรื่อยๆ

 เดี๋ยวเห็นกระเป๋าเห็นรองเท้า เห็นเสื้อผ้า

เห็นของใช้ไม้สอย เห็นมือถือรุ่นใหม่

 ใจมันก็ร้อนวาบขึ้นมาด้วยความอยาก

 แล้วพออยากมันก็ต้องดิ้นไปหาซื้อมา

ไม่มีเงินก็ต้องไปหาเงินมา

 แทนที่จะไปฝึกนั่งสมาธิทำใจให้สงบ

ก็มัวแต่คอยหาเงิน

ก็เลยไม่ได้ยุติการเวียนว่ายตายเกิดกัน

มีแต่กระตุ้นการเกิดแก่เจ็บตายให้มีมากขึ้นไป

เพราะความอยากนี่แหละ

 มันจะพาให้เราไปเกิดกันอยู่เรื่อยๆ

 พอตายไปก็อยากจะไปเกิดใหม่ เพื่อจะได้ไปทำอะไร

แบบที่เรากำลังทำกันอยู่ตอนนี้ต่อนั่นเอง

นี่คือเรื่องของจิตใจของพวกเรา

 จะขึ้นสูงหรือจะลงต่ำ จะหลุดออกจากกองทุกข์

แห่งการเกิดแก่เจ็บตาย

 หรือจะอยู่ต่อไปในกองทุกข์นี้

 ก็อยู่ที่เราได้ไปพบกับบุคคลที่จะสามารถดึงเรา

ให้ออกจากกองทุกข์นี้ได้หรือไม่

บุคคลที่จะดึงเราออกได้ก็มีพระพุทธเจ้า

 กับพระอรหันตสาวกเท่านั้น พระอริยสงฆ์สาวกเท่านั้น

 ถ้าเราไม่มี รับรองได้ว่าเรายังต้องกลับมา

เกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไป ถ้ามี เราก็มีโอกาส

 มีแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะหยุด

การเกิดแก่เจ็บตายได้อย่างอัตโนมัติ

 เพราะเมื่อมีแล้วก็ยังต้องทำตามที่ท่านสอน

 ซึ่งเป็นของที่มันขัดกับนิสัยของเรา

 นิสัยของพวกเราชอบอยู่กันแบบสุขสบายทางร่างกาย

 เราไม่อยากจะอยู่กันแบบอดอยากขาดแคลน

 แต่การที่จะหลุดออกจากการเกิดแก่เจ็บตายได้นี่

 เราต้องอยู่แบบเดนตาย อยู่แบบอดอยากขาดแคลน

 อยู่แบบนอนกับดินกินกับทราย อดมื้อกินมื้อ

อะไรอย่างนี้ ถึงจะสามารถที่จะพัฒนาจิตใจของเรา

ให้หลุดออกจากการเกิดแก่เจ็บตายได้

ดังนั้น เราก็ต้องไปอยู่กับครูบาอาจารย์ที่ท่านเดนตาย

 ท่านอยู่แบบใด เราก็อยู่แบบท่าน

ท่านเป็นผู้นำผู้สอนเรา ถ้าเราไม่มีคนนำ

เราก็จะไม่มีกำลังใจที่จะทำเอง

 นอกจากเราเป็นพวกที่มีบุญเก่าอยู่

ที่เห็นคุณค่าของการอยู่แบบเดนตาย

 เห็นคุณค่าของการอยู่แบบนอนกับดินกินกับทราย

ก็จะกล้าทำด้วยตนเอง แต่เป็นพวกที่ไม่เห็นคุณค่า

 ไม่รู้คุณค่า ก็จะต้องรอให้คนที่มี

ผู้รู้คนมีคุณค่ามาเป็นผู้นำทางไป

ดังนั้น ถ้าเราอยากจะหลุดออกจากกองทุกข์

แห่งการเกิดแก่เจ็บตาย ถ้าเราทำเองไม่ได้

 เราก็ต้องไปหาผู้สอน ไปหาพระอริยบุคคล

พระอริยบุคคลส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในที่กันดารกัน

 ก็หาได้ไม่ยาก ถามกัน ความรู้เหล่านี้มีอยู่

เหมือนของที่เราหาในตลาดอินเตอร์เน็ตนี้

อยากจะซื้ออะไรนี้ เราหาในมือถือได้ทุกชนิด

ไม่ใช่หรือ ลองถามอินเตอร์เน็ตดูว่า

 พระอริยบุคคลอยู่ที่ไหนบ้าง ดูว่าจะมีคำตอบไหม

 อาจจะมีก็ได้ อาจจะมีใครใส่ข้อมูลไว้ในนั้นก็ได้

 อาจจะบอกรายชื่อวัด

ของพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต่างๆ ก็ได้

 เราต้องหาผู้นำหาอาจารย์ หาครูมาสั่งสอน

 และถ้าเป็นไปได้ก็ต้องไปอยู่กับท่านเลย

 แล้วก็จะไปได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

นี่คือเรื่องของจิตใจของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นตัวเรา

 หรือของลูกเรา จำเป็นจะต้องมีผู้นำ ผู้สั่งผู้สอน

 ถึงจะไปในทางที่ดีได้ จะปล่อยให้ไปเองนี้ ยาก

 มีบ้างน้อยคน เช่น พระพุทธเจ้านี้ไปเองได้

 เพราะท่านได้สะสมพลังของความดีไว้มาก

 ที่สามารถที่จะผลักดันให้ท่านไปแต่ในทางที่ดีได้อย่างเดียว

 ไม่ไปในทางที่ชั่วเลย นอกนั้นแล้วต้องมีผู้นำผู้สอน.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..................................

สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๑





ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ

Create Date :05 มีนาคม 2562 Last Update :5 มีนาคม 2562 10:04:44 น. Counter : 902 Pageviews. Comments :0