bloggang.com mainmenu search










"วันเข้าพรรษา"

วันนี้เป็นวันเข้าพรรษาเป็นวันที่พระพุทธเจ้า

พระบรมศาสดาได้ทรงบัญญัติ

ให้พระภิกษุทุกๆ รูปอยู่จำพรรษากัน

คือให้อยู่กับที่ตลอดระยะเวลาสามเดือน

 ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘

จนถึงวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑

เป็นระยะเวลาสามเดือน

ที่พระภิกษุจำเป็นจะต้องอยู่กับที่

ไม่จาริกไปไหนมาไหน

 ยกเว้นมีภารกิจฉุกเฉินจำเป็นสำคัญ

 เช่น บิดามารดาอุปัชฌาย์ครูบาอาจารย์

ไม่สบายเจ็บไข้ได้ป่วยก็สามารถไปดูแลท่านได้

หรือถ้ากุฎิศาลาเกิดชำรุดขึ้นมา

จำเป็นจะต้องหาวัสดุซ่อมแซมก็ไปได้

 หรือญาติโยมศรัทธาทำบุญ

จะนิมนต์ไปงานบุญก็ไปได้

 หรือถ้าสหธรรมิกนักบวชเพื่อนนักบวช

เกิดมีความกระสันอยากจะลาสิกขา

ถ้าไประงับได้ก็อนุญาตให้ไปได้

 แต่ให้ไปไม่เกินเจ็ดวันเจ็ดคืน

ก็จะต้องกลับมาอยู่ต่อ

สาเหตุที่จำเป็นจะต้องให้พระภิกษุอยู่กับที่

เพราะในช่วงฤดูฝนเป็นช่วงฤดูที่ชาวนาชาวไร่

ทำการเพาะปลูก ปลูกข้าวปลูกพืชต่างๆ

 เวลาที่พระภิกษุท่านจาริกเดินทางไปไหน

ท่านก็เดินด้วยเท้าท่าน ก็มักจะเดินลัดทุ่งนากัน

 ก็ไปทำให้พืชที่เพิ่งปลูกใหม่นั้น

เกิดความเสียหายได้ ชาวบ้านเดือดร้อน

จึงได้มากราบทูลพระพุทธเจ้าให้ทรงทราบ

 หลังจากที่ได้พิจารณาแล้วก็เลยมีคำสั่งพระบัญชา

ให้ระงับการจาริกไปไหนมาไหนของภิกษุ

ตลอดระยะเวลาสามเดือนด้วยกัน

จึงเป็นธรรมเนียมของชาวพุทธเรา

ที่จะหาที่อยู่หรือที่ปฎิบัติธรรมกัน

ในช่วงฤดูเข้าพรรษานี้ เป็นธรรมเนียม

ที่ชาวพุทธเราจะแสวงหาบุญกัน

จะเร่งความเพียรกันจะปฎิบัติธรรมกัน

ด้วยการตั้งจิตตั้งใจว่า

จะทำอะไรอย่างไรอย่างหนึ่ง

หรือหลายๆ อย่าง บางท่านก็อธิฐาน

ขอระงับการเสพอบายมุขต่างๆ เช่นสุรายาเมา

 การเล่นการพนัน การเที่ยวกลางคืน

การเที่ยวดูของละเล่นต่างๆ จะขอระงับไว้

ตลอดระยะเวลาสามเดือนด้วยกัน

 เพราะรู้ว่าเป็นความประพฤติ

ที่นำมาซึ่งความเสื่อมเสีย

บางท่านก็ขออธิษฐาน

จะรักษาศีล ๕ ไปตลอดทั้งพรรษา

 บางท่านก็ขอรักษาศีล ๘ ไปทั้งพรรษา

บางท่านก็ขอบวชไปทั้งพรรษา

ก็ไปบวชเป็นพระบวชเป็นชีกัน

เพื่อที่จะได้ปฏิบัติตามพระธรรม

คำสอนของพระพุทธเจ้า

 ที่มีประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติโดยถ่ายเดียว

เพราะจะกำจัดความทุกข์ต่างๆ

ให้หมดไปจากใจ

 และจะสร้างความสุขต่างๆให้มีมากขึ้นไป

จนถึงความสุขที่สูงสุดที่เรียกว่า

 "นิพพานัง ปรมัง สุขัง"

ความสุขของพระนิพพานเป็นบรมมาสุข

 เป็นความสุขอย่างยิ่ง

ไม่มีความสุขอย่างใดในโลกนี้

จะดีเท่ากับความสุขของพระนิพพาน

 เพราะผู้ที่ได้ไปถึงพระนิพพานแล้ว

จะไม่ต้องกลับมาทุกข์

กับการเกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไป

 ตราบใดถ้ายังไม่ได้ไปถึงพระนิพพาน

ตราบนั้นก็ยังจะต้องมีการกลับมาเกิด

ในภพต่างๆ ต่อไป

ยกเว้นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ

ที่ถึงแม้จะกลับมาเกิด

ก็จะกลับมาเกิดในภพที่ดี เช่น พระโสดาบัน

ก็จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ไม่เกินเจ็ดชาติ

 แต่จะไม่ไปเกิดในอบายโดยเด็ดขาด

 พระสกิทาคามีก็กลับมาเกิดอีกชาติเดียว

ส่วนพระอนาคามีนี้

ก็ไม่ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์

แต่ยังต้องไปเกิดเป็นพรมอยู่

 และก็จะบรรลุเป็นพระอรหันต์

เข้าสู่พระนิพพานไปต่อไป

นี่คือประโยชน์ของผู้ที่มีศรัทธาความเชื่อ

ในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

แล้วน้อมนำเอาคำสอน

อันประเสริฐของพระพุทธเจ้า

มาปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดกันอย่างเต็มที่

 ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

ถ้าใครปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้

การบรรลุมรรคผลนิพพาน

ย่อมเป็นผลที่จะตามมาอย่างแน่นอน.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

............................

ธรรมะบนเขา

วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๐

"วิถีทางเดินของชาวพุทธ"








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ

Create Date :10 กรกฎาคม 2560 Last Update :10 กรกฎาคม 2560 5:35:39 น. Counter : 1730 Pageviews. Comments :0