bloggang.com mainmenu search





ในสมัยโบราณ ชาวจีนเห็นว่าตึกหรือหอสูง
เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจบารมีและความศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้นหอโบราณของจีนโดยมาก
จึงสร้างขึ้นโดยเชื้อพระวงศ์หรือขุนนางชั้นสูง
เพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป อาทิ เพื่อประโยชน์ทางการทหาร
ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญ หรือเพื่อประกาศคุณงามความดี
หรือแม้แต่เพื่อใช้เป็นการปราบอาถรรพณ์ ปีศาจชั่วร้าย
บ้างก็สร้างอุทิศให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่เคารพนับถือแห่งตน
แต่ในชีวิตประจำวันโดยมากกลายเป็นจุดชมทิวทัศน์ธรรมชาติไป

สถาปัตยกรรมลักษณะนี้โดยมากเป็นที่นิยมและแพร่หลาย
ในแดนกังหนำ หรือ เจียงหนันของจีน
(ดินแดนทางทางตอนล่างของแม่น้ำแยงซีเกียง)
หอโบราณซึ่งเป็นที่รู้จักเลื่องลือกันในแดนกังหนำ ได้แก่
หอเถิงหวัง (มณฑลเจียงซี), หอกระเรียนเหลือง (มณฑลหูเป่ย)
และ หอเยี่ยว์หยัง(มณฑลหูหนัน)
จนได้ชื่อว่าเป็น 3 หอแห่งแดนกังหนำ ( (江南三大名楼))



หอเถิงหวัง ((滕王阁))
แรกสร้างสมัยต้นราชวงศ์ถัง ปี ค.ศ. 653 ในรัชกาลถังเกาจงหลี่ยวน
โดย เถิงหวังหลี่หยวนอิง (น้องชายของหลี่ซื่อหมิน)
ได้สร้างหอเถิงหวังขึ้นระหว่างที่มาดำรงตำแหน่งแม่ทัพรักษาเมือง
ด้วยจุดประสงค์ให้เป็นหอระวังไฟ
และเป็นสถานที่พักผ่อนชมทิวทัศน์ในฤดูกาลต่างๆ
ต่อมาในปี ค.ศ. 675 หวังป๋อ (ค.ศ. 650–675)
หนึ่งในสี่กวีอัจฉริยะแห่งราชวงศ์ถังตอนต้น
ได้เดินทางมาเยือนหอเถิงหวัง
และได้ประพันธ์บทกวีชื่นชมความงามเอาไว้
เนื่องจากบทกวีดังกล่าวเป็นที่แพร่หลายในเวลาต่อมา
จึงทำให้ชื่อเสียงความงามของหอเถิงหวังเป็นที่รู้จักทั่วไปในแผ่นดิน
ปราชญ์กวีเลื่องชื่ออีกจำนวนไม่น้อย
ต่างเคยเดินทางมาเยี่ยมเยือนสถานที่นี้



หอเถิงหวัง
ผ่านศึกสงครามการทำลายล้างและสร้างใหม่ถึง 29 ครั้ง
ซึ่งไม่เพียงรักษาต้นแบบอย่างโบราณเอาไว้
การซ่อมสร้างแต่ละครั้งยังมีขนาดขยายใหญ่ขึ้น
โดยครั้งสุดท้ายถูกเผาทำลายระหว่างสงครามปฏิวัติในปี 1926
จวบถึงปี 1983 เริ่มงานซ่อมสร้างครั้งใหญ่ แล้วเสร็จในปี 1989
หอเถิงหวังใหม่มีอาณาบริเวณกว่า 47,000 ตารางเมตร สูง 57.5 เมตร 9 ชั้น
โดยเลียนแบบสถาปัตยกรรมสมัยซ่ง
มีขนาดและความสูงที่สุดในสามหอแห่งแดนกังหนำ

ที่ตั้ง ริมฝั่งแม่น้ำกั้นเจียง เมืองหนันชาง มณฑลเจียงซี




หอกระเรียนเหลือง ((黄鹤楼))

หอกระเรียนเหลืองแรกสร้างสมัยสามก๊ก ใน ค.ศ. 223
ภายหลังก๊กอู๋ยึดได้เมืองจิงโจว หรือ เกงจิ๋ว
โดยก๊กอู๋สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นหอสังเกตการณ์
ป้องกันการโจมตีจากก๊กสูของเล่าปี่

แต่เรื่องเล่าขานเกี่ยวกับที่มาของหอกระเรียนเหลือง
ซึ่งเป็นที่แพร่หลายนั้นกล่าวกันว่า
สถานที่ตั้งเดิมของหอกระเรียนเหลือง
เป็นร้านเหล้าเล็กๆ ที่เปิดเป็นที่พักคนแรมทาง
ครั้งหนึ่งเจ้าของร้านได้ให้อาหารและที่พัก
แก่นักพรตที่แต่งกายซ่อมซ่อท่านหนึ่งโดยไม่คิดเงิน
นักพรตนั้นจึงใช้เปลือกส้มวาดเป็นรูปกระเรียนสีเหลืองที่ผนังร้าน
เมื่อปรบมือขึ้นครั้งหนึ่ง
ภาพกระเรียนบนฝาผนังก็จะออกมาร่ายรำอย่างงดงาม
นักพรตได้มอบกระเรียนเหลืองนี้ไว้เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจเจ้าของร้าน
นับแต่นั้นก็มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนทางร้านกันคับคั่ง
เพื่อมาดูการแสดงของกระเรียนเหลือง กิจการของร้านเฟื่องฟูร่ำรวยขึ้น
สิบปีต่อมานักพรตนั้นกลับมาอีกครั้ง
และเมื่อกระเรียนเหลืองออกมาจากผนัง นักพรตก็ขึ้นขี่กระเรียนบินจากไป
เจ้าของร้านจึงสร้างหอกระเรียนเหลืองขึ้น
เพื่อเป็นการระลึกถึงบุญคุณของนักพรตนั้น

หอกระเรียนเหลือง
เป็นแหล่งรวมของบรรดาปราชญ์กวีและปัญญาชนจากทั่วทุกสารทิศ
ซึ่งก็ได้ฝากผลงานบทกวีที่มีชื่อไว้ไม่น้อย
ในจำนวนนี้มีผลงานของ ชุยเฮ่า ((崔颢)) ปราชญ์สมัยถัง
ได้แต่งบทกวีเกี่ยวกับความงามสง่าของหอแห่งนี้
รวมทั้งคำเล่าขานของหอกระเรียนเหลืองนี้เอาไว้อย่างละเอียด
จนกลายเป็นต้นแบบให้กวีในรุ่นหลังได้ศึกษาต่อมา
จวบจนปี 1884 รัชสมัยจักรพรรดิกวงสูแห่งราชวงศ์ชิง
เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ หอกระเรียนเหลืองถูกเผาทำลายลง




ในปี 1957 เนื่องจากได้มีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแยงซี
ที่ผากระเรียนเหลือง ณ ที่ตั้งเดิมของหอกระเรียนเหลืองไปแล้ว
ดังนั้น ในปี 1984 เมื่อรัฐบาลจีนใหม่ประจำอู่ฮั่น
มีโครงการสร้างหอกระเรียนเหลืองขึ้นใหม่
เนื่องในโอกาสครบ 100 ปีที่หอกระเรียนเหลืองถูกเผาทำลายไป
เมื่อครั้งสมัยจักรพรรดิกวงสูแห่งราชวงศ์ชิง
จึงต้องย้ายหอกระเรียนเหลืองไปปลูกสร้างยังที่ตั้งใหม่บนยอดเขาเสอซัน

หอกระเรียนเหลืองในปัจจุบัน
สร้างขึ้นด้วยปูนและเหล็กเลียนแบบโครงสร้างแบบไม้ที่เป็นของเดิม
เป็นหอ 5 ชั้น สูง 51 เมตร ระหว่างชั้นยังมีชั้นแทรก รวมทั้งสิ้นเป็น 10 ชั้น
ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองอู่ฮั่น

ที่ตั้ง (แห่งเดิม) ผากระเรียนเหลือง
(แห่งใหม่) เขาเสอซัน เขตอู่ชางเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย




หอเยี่ยว์หยัง ((岳阳楼))
แรกสร้างในสมัยสามก๊ก (ค.ศ. 215) ในดินแดนของก๊กอู๋
ภายใต้การนำของซุนกวน ได้สร้างหอนี้ขึ้นเพื่อใช้เป็น
หอสังเกตการณ์ป้องกันการโจมตีของกวนอูจากเมืองจิงโจว (เมืองเกงจิ๋ว)
มีชื่อว่า “ หอส่องทัพ ”
สมัยจิ้นตะวันตกได้ชื่อว่าเป็น “ หอเมืองปาหลิง ”
เมื่อถึงสมัยถัง ภายหลังงานประพันธ์ของหลี่ไป๋เป็นที่แพร่หลาย
ก็รู้จักกันในนาม “ หอเยี่ยว์หยัง ”
จัดเป็นหอโบราณที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในสามหอแห่งแดนกังหนำ

หอเยี่ยว์หยังเป็นสถานที่ชมธรรมชาติยอดนิยม
ของบรรดาปราชญ์กวีมีชื่อในสมัยถัง
อาทิ ตู้ผู่, หานอี้ว์, ไป๋จีว์อี้, หลี่ซังอิ่น เป็นต้น
เมื่อถึงปี 1045 ขุนนางเถิงจื่อจิง แห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ
ได้ทำการซ่อมสร้างครั้งใหญ่
และขอให้ ฟ่านจงเหยียน ที่เป็นปราชญ์และนักปกครองแห่งยุค
ได้เขียน “ บันทึกหอเยี่ยว์หยัง ” เอาไว้
ชื่อเสียงของหอเยี่ยว์หยังจึงขจรขจายเป็นที่รู้จักกันทั่วไป


ปราชญ์ " ฟานจงเหยียน " ผู้บันทึกเรื่องของ หอเยี่ยว์หยัง


เมื่อกล่าวถึง “บันทึกหอเยี่ยว์หยัง”
ที่ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ของหอเยี่ยว์หยัง
ยังประดับด้วยบทกวีดังกล่าวที่สลักบนไม้จันทน์
ด้วยข้อความและลายมือที่เหมือนกันราวฝาแฝด
แต่ชิ้นหนึ่งจัดทำขึ้นในราวศตวรรษที่ 18
อีกชิ้นหนึ่งจัดทำขึ้นในศตวรรษที่ 19 กล่าวกันว่า
ชิ้นหนึ่งเป็นลายมือของ จางเจ้า ปราชญ์ราชเลขาฯ
สมัยจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง
ภายหลังมีขุนนางท้องถิ่นคนหนึ่ง
ต้องการแสดงความสามารถเชิงอักษรของตน
จึงเลียนแบบลายมือของจางเจ้า จัดทำ “บันทึกหอเยี่ยว์หยัง” ขึ้น
แต่นายช่างที่แกะสลักงานชิ้นนี้ไม่พอใจการกระทำของขุนนางนั้น
จึงแกะสลักอักษรตัวหนึ่งให้ผอมบางเป็นพิเศษ
เพื่อให้สามารถแยกจากต้นฉบับได้
จากนั้นขุนนางคนนั้นได้ปลดผลงานของจางเจ้าลงมา
เปลี่ยนเป็นผลงานของตนเอง แล้วนำชิ้นที่เป็นลายมือของจางเจ้า
ใส่เรือเพื่อขนย้ายไปที่อื่น แต่เรือก็มาล่มจมลงเสียก่อน
ขุนนางที่ไปกับเรือจมน้ำเสียชีวิต
ผลงานของจางเจ้า ถูกงมขึ้นมาจากก้นทะเลสาบต้งถิง
และถูกนำกลับมาประดับไว้ที่หอเยี่ยว์หยังอีกครั้ง
ดังนั้นหอแห่งนี้จึงประดับด้วยผลงานแกะสลักที่เหมือนกันสองชิ้น

ปัจจุบัน หอเยี่ยว์หยัง
ถือเป็นสถาปัตยกรรมเพียงหนึ่งเดียวในสามหอแดนกังหนำ
ที่ยังมีโครงสร้างเป็นไม้ตามแบบสถาปัตยกรรมแบบเก่า
(หลังการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยชิงแล้วร้อยกว่าปีที่ผ่านมา
ผ่านศึกสงครามหลายครั้งแต่ไม่สียหาย)
บูรณะครั้งหลังสุดในปี 1984 แม้ว่าหอมีความสูงเพียงสามชั้น
มีขนาดเล็กกว่าหอเถิงหวังและหอกระเรียนเหลือง
แต่ถือได้ว่า เป็นหอที่ยังคงรักษาสภาพบรรยากาศแบบเก่า
เอาไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด


ที่ตั้ง ริมฝั่งทะเลสาบต้งถิง* เมืองเยี่ยว์หยัง มณฑลหูหนัน

*ทะเลสาบต้งถิงหู
เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่เป็นที่สองในประเทศจีน
เดิมมีขนาด 6,000 ตร.กม. เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุด
ภายหลังเนื่องจากนโยบายขยายพื้นที่เพาะปลูกของภาครัฐ
อีกทั้งการสะสมของตะกอนดิน เมื่อถึงปี 1986
พื้นที่ทะเลสาบหดเล็กลงเหลือเพียง 2,625 ตร.กม.
เป็นรองจากทะเลสาบพานหยังในมณฑลเจียงซีซึ่งมีขนาด 3,914 ตร.กม.



*** ขอบคุณ (Thank You) ที่มาของข้อมูล, บทความและภาพประกอบ
- manager online
- //www.qianlong.com
- //www.china.org.cn
- //www.sohu.com
- //www.people.com
- //ly.kj110.cn
- //www.lotour.com
- //www.hwjyw.com










Create Date :02 สิงหาคม 2552 Last Update :2 สิงหาคม 2552 19:24:55 น. Counter : Pageviews. Comments :17