Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
7 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
กะหล่ำปลีต้านมะเร็ง

ขึ้นชื่อว่าเป็นผักแห่งวิตามินซี ไม่มีใครไม่รู้จักกะหล่ำปลี เพราะผักรูปร่างกลมๆแน่นๆ มีทั้งสีเขียว สีขาว และสีม่วงชนิดนี้ มีสารต้านมะเร็งมากมาย

ผลวิจัยกว่า 10,000 ชิ้นกล่าวว่า การบริโภคกะหล่ำปลีมากกว่า 1 ครั้ง/สัปดาห์ ลดโอกาสการเป็นมะเร็งลำไส้ในผู้ชายลงถึง 66% ทานกะหล่ำปลีปรุง(สุก)วันละ 2 ช้อนโต๊ะป้องกันมะเร็งในช่องท้อง และทานกะหล่ำปลีสดดีกว่ากะหล่ำปลีสุกอีกด้วย

นายแพทย์ ลี วัตเทนเบิร์ก ศาสตราจารย์ด้านสรีระวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย มินิโซต้า ได้ทดลองให้หนูกินพืชตระกูลกะหล่ำ แล้วจึงฉีดสารก่อมะเร็งเข้าไปในตัวหนู พบว่าหนูส่วนใหญ่ไม่เป็นมะเร็ง

ดร.โทมัส เคนส์เลอร์ แห่งมหาวิทยาลัย จอห์น ฮอปส์กิน สกัดสาร Dithioliones จากกะหล่ำปลีฉีดเข้าไปในหนูทดลอง แล้วฉีดสารก่อมะเร็งตาม พบว่าสารก่อมะเร็งลดความแรงลงถึง 90% นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยในประเทศนอร์เวย์และอื่นๆที่ให้ผลตรงกันว่า สารในกะหล่ำปลีสามารถป้องกันและลดความรุนแรงของมะเร็งลำไส้ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ กะหล่ำปลียังมีสารต้านการอักเสบของแผลในกระเพาะและลำไส้อีกด้วย แนะนำให้ทานกะหล่ำปลีสดดีที่สุดค่ะ แต่ต้องล้างให้สะอาดทุกครั้ง กะหล่ำปลีช่วยปกป้องเฉพาะมะเร็งสำไส้เท่านั้น ควรรับประทานสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ในรูปของสลัดหรือผักสด จึงถือว่าเพียงพอ รู้อย่างนี้แล้วอย่าเมินกะหล่ำปลี ที่วางเคียงจานยำอีกเลย


ข้อควรระวัง ผู้ป่วยโรคไทรอยด์ ไม่ควรทานกะหล่ำปลี เพราะกะหล่ำปลีมีสารที่ลดระดับไทรอกซีนในเลือดได้ หากรับประมานนานติดต่อกันถึง 60 วัน



//www.homedd.com/HomeddWeb/servlet/homedd.A_garden.frontweb.FwVegetHealth


Create Date : 07 กันยายน 2553
Last Update : 7 กันยายน 2553 13:26:46 น. 2 comments
Counter : 887 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ


โดย: billabong11 วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:14:47:07 น.  

 
แต่ทานมากๆไม่ดีนะครับ มานเปลือง หุหุหุ


โดย: billabong11 วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:14:48:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Original April
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add Original April's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.