Group Blog
 
<<
มีนาคม 2567
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
27 มีนาคม 2567
 
All Blogs
 

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร, วัดจุฬามณี พิษณุโลก

ตอนที่ 7 ของทริปนี้ค่ะ จากสุโขทัย...10 โมงเช้า วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566

พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่



เคยมาครั้งเดียว นานมากแล้วค่ะ ครั้งที่สอง มาช่วงเทศกาล คนเยอะวน ๆ ตรงที่จอดรถ จนถอดใจถอย
ครั้งนี้โชคดี มาวันธรรมดาด้วยล่ะค่ะ คนเยอะเหมือนกันแต่ไม่ถึงขนาดถอดใจ


 

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือชื่อที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า "วัดใหญ่" ตั้งอยู่ที่ ถนนพุทธบูชา ริมฝั่งแม่น้ำน่านด้านทิศตะวันออก ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปในฐานะสถานที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช พระพุทธรูปที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นวัดที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย มีสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และประติมากรรม ที่งดงามยิ่ง ถือได้ว่าเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองพิษณุโลก 

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ไม่มีหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนสมัยสุโขทัย และเป็นพระอารามหลวงมาแต่เดิม เพราะได้พบหลักฐานศิลาจารึกสุโขทัยมีความว่า พ่อขุนศรีนาวนำถมทรงสร้างพระทันตธาตุสุคนธเจดีย์

ส่วนในพงศาวดารเหนือกล่าวไว้ว่า " ในราวพุทธศักราช 1900 พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก (พระมหาธรรมราชาลิไท) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงสุโขทัย ทรงมีศรัทธาเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังได้ทรงศึกษาพระไตรปิฎกและคัมภีร์ศาสนาอื่น ๆ จนช่ำชองแตกฉาน หาผู้ใดเสมอเหมือนได้ยาก พระองค์ได้ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน มีพระปรางค์อยู่กลาง มีพระวิหาร 4 ทิศ มีพระระเบียง 2 ชั้นและทรงรับสั่งให้ปั้นหุ่นหล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหารทั้ง 3 หลัง

        ต่อมาเมื่อ ปี พ.ศ. 2458 พระบามสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร เมื่อ พ.ศ. 2548  ปัจจุบันจึงมีชื่อเต็มว่า วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร

https://phitsanulok.prd.go.th/th/content/category/detail/id/282/iid/8426



งามมาก





ไม่ใช่ทัวร์ชะโงกนะคะ ไม่ได้ถ่ายมาพอเป็นพิธี



ค่อย ๆ กระเถิบมาข้างหน้าค่ะ





พระพุทธชินราช หรือ หลวงพ่อใหญ่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะสุโขทัย หล่อด้วยทองสำริด เส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย ชายผ้าสังฆาฏิแยกเป็นเขี้ยวตะขาบ พระขนงโก่ง พระเกตุมาลาเป็นเปลวเพลิง พระหัตถ์มีปลายนิ้วทั้งสี่เสมอกัน ส่วนซุ้มเรือนแก้วทำด้วยไม้แกะสลักอย่างงดงาม

สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1900 ตรงกับรัชสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) พระมหากษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งด้วยพุทธลักษณะอันงดงามโดดเด่น พระพุทธชินราชจึงได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในประติมากรรมพุทธศิลป์ชั้นสูงสุดของเมืองไทย

โดยสร้างขึ้นพร้อมกับพระพุทธรูปอีก 2 องค์ คือ "พระพุทธชินสีห์" และ "พระศรีศาสดา"















พระพุทธชินราช ด้านข้างค่ะ











พระอัฏฐารส ประทับยืนประทานพร สูง 18 ศอก อยู่ด้านหลัง ลืมซะงั้นค่ะ



นึกออกตอนอยู่บนรถ จะออกจากวัดแล้วค่ะ













ระฆังใหญ่ พบที่วัดจุฬามณี





หลวงพ่อดำ เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เนื้อปูนปั้น ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โดยหลวงพ่อดำได้ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าวิหารพระศรีศาสดาแห่งนี้มาตลอด

เหตุที่เรียก “หลวงพ่อดำ” นั้น เข้าใจว่ามีผู้มีจิตศรัทธาได้สร้างถวายเป็นพุทธบูชา เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะทำการปิดทองพระพุทธรูป แต่ไม่ทราบว่ามีสาเหตุใดจึงปิดทองไม่สำเร็จ ได้แต่ลงรักปิดทองเอาไว้ เมื่อประชาชนมากราบไว้แล้วเห็นองค์พระเป็นสีดำ จึงเรียกว่า หลวงพ่อดำ

https://mgronline.com/travel/detail/9650000026894








พระศรีศาสดา สร้างขึ้นพร้อมกับพระพุทธชินราช และ พระพุทธชินสีห์ ปัจจุบันพระศรีศาสดาที่ประดิษฐาน ณ พระวิหารด้านทิศใต้เป็นองค์จำลอง ส่วนองค์จริงประดิษฐานอยู่ ณ มุขหน้าวิหารพระศาสดาคู่กับพระพุทธไสยา ที่ประดิษฐานอยู่ ณ มุขหลัง วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กรุงเทพฯ

พระศรีศาสดาก็ถูกอัญเชิญมาที่พระนคร โดยเจ้าอาวาสวัดบางอ้อยช้าง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ได้อัญเชิญพระศรีศาสดาลงแพล่องไปที่วัด ต่อมาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติได้อัญเชิญพระศรีศาสดาไปประดิษฐานที่วัดประดู่ฉิมพลี แต่รัชกาลที่ 4 ทรงเห็นว่า พระศรีศาสดาเป็นพระพุทธรูปสำคัญ เคยอยู่ในพระอารามหลวง อีกทั้งเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในคราวเดียวกันกับพระพุทธชินสีห์ พระองค์จึงทรงให้อัญเชิญพระศรีศาสดามาไว้ที่พระวิหารวัดบวรนิเวศฯ











พระเหลือ ถูกสร้างขึ้นจากพระราชดำริของพระยาลิไท รับสั่งให้ช่างนำเศษทองสัมฤทธิ์ที่เหลือจากการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดานำมาหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดเล็ก หน้าตัก กว้าง 1 ศอกเศษ มีชื่อว่า “พระเหลือ” ซึ่งก็ยังมีทองเหลือสามารถหล่อเป็นพระสาวกของพระเหลือได้อีกสององค์ อีกทั้งอิฐที่ก่อเตาหลอมทองและใช้ในการหล่อพระนั้นก็ได้นำเอามารวมกันก่อเป็นชุกชีสูงสามศอก

ตรงตำแหน่งที่หล่อพระพุทธชินราชและปลูกต้นมหาโพธิ์บนชุกชี 3 ต้น เรียกว่า "โพธิ์สามเส้า” และได้สร้างวิหารน้อยขึ้นระหว่างต้นโพธิ์ อัญเชิญพระเหลือพร้อมพระสาวกเข้าประดิษฐานในวิหารนั้น เรียกว่า "วิหารหลวงพ่อเหลือ" ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าพระวิหารพระพุทธชินราช





ยังได้กลิ่นงานลอยกระทงอยู่เลยค่ะ



สะพานพระราชวังจันทน์  ข้ามแม่น้ำน่าน จ.พิษณุโลก ออกแบบเป็นสะพานเหล็กโค้ง ไม่มีเสาตอม่อในแม่น้ำ ที่เป็นอุปสรรคประเพณีแข่งเรือยาว เป็นแลนด์มาร์กใหม่ใจกลางเมือง



10.44 น. เดินมากินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ค่ะ









12.05 น. วัดจุฬามณี เพิ่งเคยมาครั้งแรก จัดงานเหมือนกันค่ะ



วัดจุฬามณี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลกไปทางใต้ตามถนนบรมไตรโลก-นารถ ระยะทาง 5 กิโลเมตร โบราณสถานเก่าแก่ที่สันนิษฐานว่ามีมาก่อนสมัยสุโขทัย และยังเป็นที่ตั้งของเมืองสองแควโบราณก่อนจะมาเป็นเมืองพิษณุโลกในปัจจุบัน
ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า สมเด็จพระบรมไตรโลกนารถทรงสร้างพระวิหารและเสด็จออกผนวชที่วัดนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2007 เป็นเวลา 8 เดือน 15 วัน โดยมีข้าราชบริพารออกบวชตามเสด็จถึง 2,348 รูป

https://mgronline.com/travel/detail/9650000002359



อุโบสถหลังเก่า ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของปรางค์ในเขตกำแพงแก้ว ฐานขนาดกว้าง 9.3 เมตร ยาว 17.20 เมตร ส่วนผนังพังทลายไปแล้วเหลือเฉพาะส่วนพื้น ภายในมี “หลวงพ่อขาว” พระพุทธรูปปูนปั้นประทับนั่งปางมารวิชัย ศิลปะสมัยอยุธยา ประดิษฐานอยู่ ซึ่งในสมัยนั้นสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงอัญเชิญหลวงพ่อขาวมาจากมูลดินอินทรารามในค่ายทหาร และมีใบเสมาหินชนวนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่โดยรอบ 8 ทิศ ปักในลักษณะใบเสมาคู่







พระวิหารเก่า เป็นอาคารแบบทรงโรง ศิลปะสมัยอยุธยาลักษณะคล้ายพระอุโบสถของวัดราชบูรณะ และมีพระพุทธรูปสำคัญอีกหลายองค์อยู่ภายในวัดจุฬามณี อย่างเช่น “หลวงพ่อคง” พระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย องค์สีเหลือง ศิลปะสุโขทัย ที่ประดิษฐานเดิมปรักหักพัง ชาวบ้านจึงได้ร่วมใจกันสร้างพระวิหารหลังเล็กขึ้นมาใหม่เพื่อประดิษฐานหลวงพ่อคง ด้านขวาขององค์หลวงพ่อคงมีหลวงพ่อดำที่อัญเชิญมาจากจากวัดจูงนาง













ปรางค์ประธาน ของวัดมีลักษณะแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ย่อมุม มีมุมต่อยื่นออกไป จากปรางค์ประธานย่อมุมเช่นเดียวกับส่วนฐานมีขนาด 14.50 x 18.50 เมตร ก่อด้วยศิลาแลง ทรงอิทธิพลแบบขอมที่มีมุข สันบันไดประตูหันหน้าไปทางทิศตะวันออก

ส่วนยอดพระปรางค์ชำรุดหักไป ตัวองค์ประกอบที่ภายนอกประดับปูนและมีลายปูนปั้นตามคติโลกภูมิชั้นฐานไพที มียักษ์ภูต สูงขึ้นไปมีลายหงส์คาบสร้อยดอกไม้รอบองค์ปรางค์ ด้านหน้าก่อเป็นแบบตรีมุข ตั้งบนฐานสูงซ้อนกันสามชั้น แต่ละชั้นย่อมุมไม้ยี่สิบ มีปูนปั้นประดับลวดลายตามขั้น ตอนล่างแถบหน้ากระดานและบัวหน้ากระดานเป็นลายหงส์ มีลักษณะเดียวกับองค์ปรางค์ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดลพบุรี





มณฑป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปรางค์ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ก่อด้วยอิฐถือปูน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง ลักษณะทรงสี่เหลี่ยม ขนาดฐาน 12.30 น มณฑปมีขนาดกว้าง 5.30 เมตร มีเสาอยู่ด้านใน 12 ต้น รองรับหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง







หลวงพ่อเพชร เป็นพระพุทธรูปหินทราย ปางขัดสมาธิเพชรบนฐานรองรับองค์ เดิมสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ กษัตริย์แห่งศรีสัชนาลัย ทรงผนวช ณ วัดจุฬามณีแห่งนี้ และเป็นผู้สร้างหลวงพ่อเพชรไว้ ต่อมาหลวงพ่อเพชรได้ชำรุด อดีตเจ้าอาวาสจึงนำปูนมาพอกไว้ หลังจากปูนหลุดกะเทาะออกมาจึงเห็นว่าพระพักตร์ชำรุด พระกรหัก ประชาชนจึงช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์องค์หลวงพ่อขึ้นมาใหม่ ทำให้พุทธลักษณะของหลวงพ่อเพชรคล้ายศิลปะเชียงแสน และได้มีการนำเพชรมาประดับที่พระเนตรและเม็ดพระศก ชาวบ้านจึงนิยมเรียกว่า “หลวงพ่อเพชร” แต่เพชรได้ถูกขโมยไปประชาชนจึงได้ช่วยกันอนุรักษ์องค์หลวงพ่อไว้ดังที่เห็นในปัจจุบัน









*** ขอบคุณ ทีมงานบล็อกแก๊งค่ะ ***
เราจะอัปบล็อกตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่ใส่รูปในบล็อกไม่ได้ ขึ้นข้อความว่า Invalid Login! เข้า ๆ ออก ๆ เป็นชั่วโมง ยังไงก็ไม่ได้ เลยลองส่งข้อความไปหาทีมงาน
พอช่วงเย็น ลองเข้าอีกรอบ...ใช้ได้แล้วค่ะ

ขอบคุณทีมงานนะคะ คงปักหลักที่บล็อกแก๊งยาว ๆ เลยค่ะ




 

Create Date : 27 มีนาคม 2567
0 comments
Last Update : 27 มีนาคม 2567 20:41:47 น.
Counter : 533 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณnamfaseefoon, คุณปรศุราม, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณtoor36, คุณกะว่าก๋า, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณสมาชิกหมายเลข 3902534, คุณSweet_pills, คุณหอมกร, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณeternalyrs, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณดอยสะเก็ด, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณปัญญา Dh, คุณpeaceplay, คุณnewyorknurse


สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.