https://goo.gl/t6MtI2ชื่อวิทยาศาสตร์ Nelumbo nucifera Gaertn.วงศ์ Nelumbonaceaeสกุล Nelumboสปีชีส์ N. nucifera บัวหลวง เป็นพืชน้ำอายุหลายปี มีลำต้นอยู่ใต้ดิน (เรียกว่าเหง้าหรือไหล) มีก้านใบและก้านดอกโผล่พ้นดิน ชูใบและดอกขึ้นเหนือน้ำ ก้านดอกและก้านใบของบัวหลวงมีลักษณะเหมือนกันคือ เป็นก้านแข็ง ผิวเป็นหนามสั้น ๆ ขรุขระภายในก้านใบ (ดอก) มีรูพรุน เมื่อหักออกจากกันจะมีเส้นใยสีขาวเชื่อมกันมากมาย (ใยบัว)ใบ เป็นแผ่นบาง รูปร่างกลมมีแอ่งตรงกลาง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใบประมาณ30 เซนติเมตร ผิวใบเรียบ มีชั้นไขมันบาง ๆ เคลือบผิวใบ ทำให้น้ำไม่เกาะ(เช่นเดียวกับใบบอน)https://www.weekendhobby.com/board/photoดอก เป็นดอกเดี่ยวขนาดใหญ่อยู่ปลายก้าน ดอก เมื่อตูมเป็นรูปไข่ปลายแหลม เมื่อบานมีกลีบดอกแผ่ออกโดยรอบเป็นวงกลม มีกลีบดอกขนาดใหญ่ประมาณ 20 กลีบ กลางดอกเป็นรังไข่ ปลายแบนราบ มีเกสรตัวผู้สีเหลืองเป็นเส้นล้อมรอบรังไข่เป็นจำนวนมาก กลีบดอกบัวหลวง มีทั้งสีชมพูและสีขาว มีทั้งชนิดดอกซ้อนและไม่ซ้อน ทรงดอกบัวหลวงมี 2 แบบ คือ ทรงปกติค่อนข้างเรียวยาว เรียกว่า ดอกฉลวย ซึ่งก็คือ ดอกบัวที่ดอกไม่ซ้อน ส่วนชนิด ดอกป้อม เป็นชนิด ดอกซ้อนมีชื่อเรียกเป็นภาษาบาลี ดังนี้ดอกบัวหลวงไม่ซ้อน (ดอกฉลวย) สีชมพู เรียกว่า ปทุมชาติ----------------------ดอกบัวหลวงไม่ซ้อน (ดอกฉลวย) สีขาว เรียกว่า ปุณฑริก------------------------ดอกบัวหลวงป้อมกลีบซ้อน สีชมพู เรียกว่า สัตตบงกช--------------------------ดอกบัวหลวงป้อมกลีบซ้อน สีขาว เรียกว่า สัตตบุษย์------------------------- บัวที่พบและนิยมปลูกในประเทศไทย มาจาก 3 สกุล คือhttps://www.molon.de/suche/บัวหลวง (lotus) เป็นบัวในสกุล Nelumbo มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า ปทุมชาติ หรือบัวหลวงขึ้นในดินเหนียวที่มีอินทรีย์วัตถุสูง เจริญได้ดีในระดับน้ำลึก 30-50เซนติเมตร-------------------------------บัวผัน, บัว (กิน) สาย (water lily) เป็นบัวในสกุล Nymphaea มีลำต้นใต้ดินเป็นหัว หรือเหง้าใบและดอก เกิดจากตาหรือหน่อที่เจริญขึ้นมาที่ผิวน้ำด้วยก้านส่งใบและยอด ดอกหอม ออกดอกดกตลอดปี-------------------------------------https://www.magcartoon.com/magcartoon.comบัววิคตอเรีย (Victoria) เป็นบัวในสกุล Victoria มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่าบัวกระด้ง จัดเป็นบัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด บัวหลวง เป็นบัวที่มีดอกขนาดใหญ่ นิยมนำมาไหว้พระ และใช้ในพิธีทางศาสนา เหง้าหรือรากบัวและไหลบัว รวมทั้งเมล็ดสามารถนำมาเป็นอาหารได้ เกสรบัวหลวงตากแห้งชงดื่มเป็นน้ำชา เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งในพิกัดเกสรทั้งห้าใช้ผสมในยาหอมบำรุงหัวใจ บำรุงกำลัง แก้อาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะมีกลีบดอกจำนวนมากเรียงซ้อนหลายชั้น ฐานรองดอกรูปกรวยสีเหลืองนวล ผล รูปกลมรีสีเขียวนวล มีจำนวนมากฝังอยู่ในส่วนที่เป็นรูปกรวย เมื่ออ่อนมีสีเหลือง รูปกรวยนี้เมื่อเป็นผลแก่จะขยายใหญ่ขึ้นมีสีเทาอมเขียวที่เรียกว่า"ฝักบัว" มีผลหรือเมล็ดสีเขียวอ่อนฝังอยู่เป็นจำนวนมาก อยู่บนฐานรองดอก บัวในแต่ละสกุลสามารถจำแนกได้หลายชนิดสำหรับในประเทศไทยชนิดของบัวที่ปลูกเป็นการค้ามี 6 ชนิด1. บัวหลวง (Nelumbo nucifera) อยู่ในสกุลปทุมชาติ ลักษณะใบชูเหนือน้ำเจริญเติบโตโดยมีไหลชอนไชไปใต้พื้นดิน ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดหรือไหล ถ้าปลูกโดยใช้เมล็ดสามารถปลูกได้โดยตรงหรือนำไปเพาะในน้ำจนงอกก่อน แล้วนำมาปลูก หากปลูกด้วยไหล จะฝังไหลตามแนวนอน ลึกลงไปในดิน 1-2 นิ้ว เพราะบัวหลวงจะเจริญเติบโตตามแนวนอน พันธุ์ของบัวหลวงที่นิยมปลูกในปัจจุบัน ได้แก่ สัตตบงกช=ฉัตรแดง , สัตตบุษย์=ฉัตรขาว, และ ฉัตรแก้วhttps://sisakethort.blogspot.com/2010/07/blog-post.htmlสัตตบงกช=ฉัตรแดง, สัตตบุษย์=ฉัตรขาว ----------------------------------https://sloppythinking.exteen.com/20070913/entry2. บัวฝรั่ง (Zephyranthes rosaw) อยู่ในสกุลปทุมชาติ ลักษณะคล้ายบัวหลวงปลูกด้วยเหง้า ต้นอ่อน เจริญเติบโตโดยสร้างลำต้น หรือเหง้า ปลูกตามแนวนอนและเจริญเติบโตตามแนวนอนเช่นเดียวกับบัวหลวง ลักษณะใบมีทั้งขอบเรียบและขอบใบจัก------------------------------ 3. บัวผัน บัวเผื่อน (Nymphaea capensis Thunb. และ Nymphaea stllata Willclenow.)อยู่ในสกุลอุบลชาติ ใบลอยอยู่บนผิวน้ำ ขอบใบจักถี่ ห่าง ไม่มีระเบียบ ดอกชูพ้นน้ำ บานในเวลาเช้าหรือกลางวันและหุบตอนเย็น ต้นที่งอกจากเมล็ดจะเจริญตามแนวดิ่งขึ้นสู่ผิวดิน แล้วแตกก้านใบบนผิวดิน เป็นบัวชนิดที่ขยายพันธุ์ได้ช้า พันธุ์พื้นเมืองมี 4 พันธุ์ เรียกกันตามลักษณะภายนอกที่เห็น มี 4 พันธุ์ คือ3.1 บัวนิล ดอกสีม่วงเข้ม หรือ น้ำเงินเข้ม3.2 บัวขาบ ดอกสีฟ้าคราม หรือ สีฟ้าอ่อน3.3 บัวผัน ดอกสีชมพูอ่อน สีขาวปลายฟ้า หริอ สีฟ้าครามขนาดดอกใหญ่กว่า 8 ซม.3.4 บัวเผื่อน ดอกเล็กสีขาว ปลายกลีบดอกสีครามอ่อน แล้วเผื่อนเป็นสีขาวหรือปลายกลีบเป็นสีชมพูเมื่อใกล้โรย ขนาดดอกไม่เกิน 8 ซม.---------------------------------- https://thipsuda.wordpress.com บัวสาย (Nymphacea lotus)4. บัวสาย (Nymphacea lotus) อยู่ในสกุลอุบลชาติ เป็นบัวที่มีลำต้นใต้ดินเป็นหัว หรือเหง้าใบและดอกเกิดจากตาหรือหน่อที่เจริญขึ้นมาที่ผิวน้ำด้วยก้านส่งใบและยอด บางชนิดมีใบใต้น้ำ ใบเป็นใบเดี่ยว มีขอบใบทั้งแบบเรียบและแบบคลื่น ผิวใบด้านบนเรียบเป็นมัน ด้านล่างมีขนละเอียดหรืออาจจะไม่มีขน ดอกเป็นดอกเดี่ยว มีทั้งชนิดที่บานกลางคืน และบานกลางวัน บางชนิดมีกลิ่นหอม มีสีสันหลากหลายแตกต่างกันไป มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า “อุบลชาติ” แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คืออุบลชาติล้มลุก ได้แก่ บัวผัน บัวเผื่อน บัวสาย และจงกลนี ดอกจะชูพ้นน้ำและขอบใบหยักและอุบลชาติยืนต้นได้แก่ บัวฝรั่ง ดอกจะเป็นรูปถ้วยลอยเหนือผิวน้ำ มีขอบใบเรียบ-------------------------------- https://www.thaieditorial.com/บัวจงกลนี (Nymphacea lotus)5. บัวจงกลนี (Nymphacea lotus) อยู่ในสกุลอุบลชาติ มีเหง้าเจริญเติบโตในแนวดิ่ง เมื่อเหง้าแก่เต็มที่จะสร้างหัวเล็ก ๆ รอบเหง้า เมื่อหัวแก่จะเจริญเป็นต้นใหม่ขึ้นมาข้าง ๆ ต้นแม่----------------------------------https://www.baanlaesuan.com/plantlover/webboard6. บัววิคตอเรีย หรือบัวกระด้ง (Victoria amazonica) บัววิคตอเรีย เป็นบัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีลำต้นใต้ดินเป็นหัวใหญ่ มีรากอวบขาวจำนวนมากแตกยึดพื้นดินไว้ใบเป็นใบเดี่ยวมีขนาดใหญ่ประมาณ 6 ฟุต ลอยบนผิวน้ำ ใบอ่อนมีสีแดงคล้ำ เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มขอบใบยกขึ้นตั้งตรง มีหนามแหลมตามก้านใบและผิวใบด้านล่าง ก้านดอกและกลีบเลี้ยงด้านนอกมีหนามแหลม ดอกเป็นดอกเดี่ยวขนาดใหญ่ ดอกแรกบานจะมีสีขาว จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีขาวอมชมพู และเป็นสีแดงเรื่อในที่สุด บานเวลาใกล้ค่ำ หรือกลางคืน มีกลิ่นหอม และจะหุบในตอนสายของวันรุ่งขึ้น ขยายพันธุ์ด้วยการแยกเหง้าวิธีนี้เหมาะสำหรับบัวในเขตร้อน คือบัวหลวงจะสร้างไหลจากเหง้า (ราก) ของต้นแม่แล้วงอกไปเป็นต้นใหม่สามารถขยายพันธุ์โดยการตัดเหง้าให้มีความยาวประมาณ 2-3 ข้อมีตาประมาณ 3 ตา ต้นอ่อนจะขึ้นจากตา และเจริญเป็นต้นใหม่ทำไมบัวไม่ยอมออกดอก หรือออกดอกแล้วแต่ไม่ยอมบาน1. อย่างแรกก็คือ บัวแต่ละชนิด ชอบแดด แต่ชอบมากน้อยต่างกัน ต้นที่ทนหน่อยแดด 4 ชั่วโมงก็ให้ดอกแล้ว แต่บางชนิดก็ต้องการมากกว่านั้น2. ขาดอาหารและการดูแล ไม่บำรุง ไม่ให้ปุ๋ย บัวแน่น หรือ รากลอยกรณีนี้แก้โดยการแยกเหง้าก็พอช่วยได้3. เป็นบัวใหญ่แต่เอามาปลูกในพื้นที่จำกัด ทำให้บัวอึดอัดไม่ยอมออกดอก4. ไม่ใช่ฤดูกาลของบัวที่จะให้ดอก เพราะบัวบางชนิดมีการพักตัวช่วงฤดูหนาว5. ปลูกผิดวิธี เช่นเป็นบัวโตแนวนอนแต่เอาไปปลูกแนวดิ่ง ประโยชน์ : ปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ เกือบทุกส่วนของบัวหลวงใช้ประโยชน์ได้ เช่น เป็นไม้ประดับใช้ในพิธีทางศาสนา ใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นอาหารและเป็นสมุนไพรรักษาโรคส่วนที่ใช้ : ดีบัว ดอก เกสรตัวผู้ เมล็ด ไส้ของเมล็ดยางจากก้านใบและก้านดอก เหง้า ราก สรรพคุณ :ดีบัว - มี Methylcorypalline ซึ่งเป็นตัวทำให้เส้นเลือดขยายดอก, เกสรตัวผู้ - ขับปัสสาวะ ฝากสมาน ขับเสมหะ บำรุงหัวใจ เกสรปรุงเป็นยาหอมชูกำลัง ทำให้ชื่นใจ ยาสงบประสาท ขับเสมหะเหง้าและเมล็ด - รสหวาน เย็น มันเล็กน้อย บำรุงกำลัง แก้ร้อนในกระหายน้ำแก้เสมหะ แก้พุพองเมล็ดอ่อนและแก่ - เมล็ดใช้รับประทานเป็นอาหาร และใช้ทำเป็นแป้งได้ดีเหง้าบัวหลวง - ใช้ปรุงเป็นอาหารได้ทั้งคาวหวานไส้ของของเมล็ด - แก้เส้นโลหิตตีบในหัวใจยางจากก้านใบและก้านดอก - แก้ท้องเดินราก - แก้เสมหะสารเคมี :ดอก มีอัลคาลอยด์ ชื่อ nelumbineembryo มี lotusineเมล็ด มี alkaloids และ beta-sitosterol ดอกบัวหลวง เป็นดอกไม้ประจำจังหวัด ปทุมธานี พิจิตร ยโสธร สุโขทัย หนองบัวลำภู และอุบลราชธานี เครดิต ภาพและเรื่อง :https://www.doctor.or.th/node/2601https://www.saintseiyathaifanclubhttps://goo.gl/uuUyxsบทเพลงบรรเลงชโลมใจ บัว ราชินีแห่งไม้น้ำ คลิกที่นี่บัววิคตอเรีย คลิกที่นี่
บัวในแต่ละสกุลสามารถจำแนกได้หลายชนิดสำหรับในประเทศไทยชนิดของบัวที่ปลูกเป็นการค้ามี 6 ชนิด1. บัวหลวง (Nelumbo nucifera) อยู่ในสกุลปทุมชาติ ลักษณะใบชูเหนือน้ำเจริญเติบโตโดยมีไหลชอนไชไปใต้พื้นดิน ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดหรือไหล ถ้าปลูกโดยใช้เมล็ดสามารถปลูกได้โดยตรงหรือนำไปเพาะในน้ำจนงอกก่อน แล้วนำมาปลูก หากปลูกด้วยไหล จะฝังไหลตามแนวนอน ลึกลงไปในดิน 1-2 นิ้ว เพราะบัวหลวงจะเจริญเติบโตตามแนวนอน พันธุ์ของบัวหลวงที่นิยมปลูกในปัจจุบัน ได้แก่ สัตตบงกช=ฉัตรแดง , สัตตบุษย์=ฉัตรขาว, และ ฉัตรแก้วhttps://sisakethort.blogspot.com/2010/07/blog-post.htmlสัตตบงกช=ฉัตรแดง, สัตตบุษย์=ฉัตรขาว
----------------------------------https://sloppythinking.exteen.com/20070913/entry2. บัวฝรั่ง (Zephyranthes rosaw) อยู่ในสกุลปทุมชาติ ลักษณะคล้ายบัวหลวงปลูกด้วยเหง้า ต้นอ่อน เจริญเติบโตโดยสร้างลำต้น หรือเหง้า ปลูกตามแนวนอนและเจริญเติบโตตามแนวนอนเช่นเดียวกับบัวหลวง ลักษณะใบมีทั้งขอบเรียบและขอบใบจัก------------------------------
3. บัวผัน บัวเผื่อน (Nymphaea capensis Thunb. และ Nymphaea stllata Willclenow.)อยู่ในสกุลอุบลชาติ ใบลอยอยู่บนผิวน้ำ ขอบใบจักถี่ ห่าง ไม่มีระเบียบ ดอกชูพ้นน้ำ บานในเวลาเช้าหรือกลางวันและหุบตอนเย็น ต้นที่งอกจากเมล็ดจะเจริญตามแนวดิ่งขึ้นสู่ผิวดิน แล้วแตกก้านใบบนผิวดิน เป็นบัวชนิดที่ขยายพันธุ์ได้ช้า พันธุ์พื้นเมืองมี 4 พันธุ์ เรียกกันตามลักษณะภายนอกที่เห็น มี 4 พันธุ์ คือ3.1 บัวนิล ดอกสีม่วงเข้ม หรือ น้ำเงินเข้ม3.2 บัวขาบ ดอกสีฟ้าคราม หรือ สีฟ้าอ่อน3.3 บัวผัน ดอกสีชมพูอ่อน สีขาวปลายฟ้า หริอ สีฟ้าครามขนาดดอกใหญ่กว่า 8 ซม.3.4 บัวเผื่อน ดอกเล็กสีขาว ปลายกลีบดอกสีครามอ่อน แล้วเผื่อนเป็นสีขาวหรือปลายกลีบเป็นสีชมพูเมื่อใกล้โรย ขนาดดอกไม่เกิน 8 ซม.----------------------------------
https://thipsuda.wordpress.com บัวสาย (Nymphacea lotus)4. บัวสาย (Nymphacea lotus) อยู่ในสกุลอุบลชาติ เป็นบัวที่มีลำต้นใต้ดินเป็นหัว หรือเหง้าใบและดอกเกิดจากตาหรือหน่อที่เจริญขึ้นมาที่ผิวน้ำด้วยก้านส่งใบและยอด บางชนิดมีใบใต้น้ำ ใบเป็นใบเดี่ยว มีขอบใบทั้งแบบเรียบและแบบคลื่น ผิวใบด้านบนเรียบเป็นมัน ด้านล่างมีขนละเอียดหรืออาจจะไม่มีขน ดอกเป็นดอกเดี่ยว มีทั้งชนิดที่บานกลางคืน และบานกลางวัน บางชนิดมีกลิ่นหอม มีสีสันหลากหลายแตกต่างกันไป มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า “อุบลชาติ” แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คืออุบลชาติล้มลุก ได้แก่ บัวผัน บัวเผื่อน บัวสาย และจงกลนี ดอกจะชูพ้นน้ำและขอบใบหยักและอุบลชาติยืนต้นได้แก่ บัวฝรั่ง ดอกจะเป็นรูปถ้วยลอยเหนือผิวน้ำ มีขอบใบเรียบ
--------------------------------
https://www.thaieditorial.com/บัวจงกลนี (Nymphacea lotus)5. บัวจงกลนี (Nymphacea lotus) อยู่ในสกุลอุบลชาติ มีเหง้าเจริญเติบโตในแนวดิ่ง เมื่อเหง้าแก่เต็มที่จะสร้างหัวเล็ก ๆ รอบเหง้า เมื่อหัวแก่จะเจริญเป็นต้นใหม่ขึ้นมาข้าง ๆ ต้นแม่----------------------------------https://www.baanlaesuan.com/plantlover/webboard6. บัววิคตอเรีย หรือบัวกระด้ง (Victoria amazonica) บัววิคตอเรีย เป็นบัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีลำต้นใต้ดินเป็นหัวใหญ่ มีรากอวบขาวจำนวนมากแตกยึดพื้นดินไว้ใบเป็นใบเดี่ยวมีขนาดใหญ่ประมาณ 6 ฟุต ลอยบนผิวน้ำ ใบอ่อนมีสีแดงคล้ำ เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มขอบใบยกขึ้นตั้งตรง มีหนามแหลมตามก้านใบและผิวใบด้านล่าง ก้านดอกและกลีบเลี้ยงด้านนอกมีหนามแหลม ดอกเป็นดอกเดี่ยวขนาดใหญ่ ดอกแรกบานจะมีสีขาว จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีขาวอมชมพู และเป็นสีแดงเรื่อในที่สุด บานเวลาใกล้ค่ำ หรือกลางคืน มีกลิ่นหอม และจะหุบในตอนสายของวันรุ่งขึ้น
บัว ราชินีแห่งไม้น้ำ คลิกที่นี่บัววิคตอเรีย คลิกที่นี่