Bloggang.com : weblog for you and your gang
Home
,
แจ้งลิงค์เสีย-ติชม-สอบถาม ตรงนี้เท่านั้น
,
ตั้งเวปเป็นหน้าแรก
ทศชาติ ธรรมชาดก ทศชาติที่ 2 พระมหาชนก
[Main : กลับ หน้ารวมศาสนา]
พระชาติที่ 2 พระมหาชนก
Save Target As...
Download
ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสเล่าอดีตชาติให้เหล่าพระภิกษุทั้งปวง ซึ่งสนทนาถึงเรื่องการออกบวชของพระตถาคตเจ้า ณ โรงธรรมสภา เชตวันวรวิหาร ในกรุงสาวัตถี มีความเป็นมาดังนี้
เมื่อครั้งอดีตกาลที่ผ่านมา ณ กรุงมิถิลาวิเทหรัฐ มีพระราชพระนามว่า "มหาชนก" ครองราชสมบัติโดยมีพระราชโอรส ๒ พระองค์ ทรงพระนามว่าอริฏฐชนกและโปลชนก
พระมหาชนกทรงตั้งให้พระโอรสองค์โตเป็นพระอุปราช
และทรงตั้งพระโอรสองค์เล็กเป็นเสนาบดี
ครั้นเมื่อท้าวเธอทรงเสด็จสวรรคต พระอุปราชอริฏฐชนกก็ได้ทรงเสวยราชสมบัติสืบต่อพระบิดา และพระราชทานตำแหน่งอุปราชให้พระอนุชาโปลชนก
ชะตากรรมพระบิดา
เมื่อแรกนั้นพระเจ้าอริฏฐชนกก็ทรงปกครองบ้านเมืองโดยชอบธรรม แต่มีพระอำมาตย์มนตรีผู้สอพลอคอยเพ็ดทูลให้ร้ายป้ายสีว่า พระอุปราชโปลชนกคิดจะปลงพระชนม์เพื่อชิงบัลลังก์ พระเจ้าอริฎฐชนกได้รับฟังบ่อยครั้งเข้าก็ทรงหูเบาหลงเชื่อ ทรงคลายความรักใคร่พระอนุชา
จนกระทั่งหวาดหวั่นพระทัยถึงกับ มีรับสั่งให้จับพระอุปราชโปลชนกคุมขังไว้ในคฤหาสถ์หลังหนึ่ง
มหาอุปราชผู้เป็นน้องชายร่วมพระสายโลหิต จึงตั้งสัตย์อธิษฐานต่อพระเสื้อเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ว่า พระองค์มิได้เคยมีความคิดมุ่งร้ายต่อพระเชษฐาเลย ขอให้ความสัตย์ซื่อนี้มีอานุภาพทำลายขื่อคา และเครื่องจองจำพันธนาการให้มลายไปสิ้นด้วยเถิด
ด้วยพลานุภาพแห่งความสัตย์ซื่อนั้นก็ได้ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ บรรดาโซ่ตรวนต่าง ๆ ก็หลุดหักออกทั้งสิ้น
พระมหาอุปราชจึงเสด็จหลบหนีไปยังปัจจันตคาม
บรรดาไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินได้ยินเรื่องนี้ ต่างก็พากันมาเป็นพรรคพวกของพระองค์กันมากมาย ด้วยเพราะมิเชื่อถือศรัทธาในพระราชาที่หูเบาอีกต่อไป ครั้นต่อมาพระอุปราชโปลชนกจึงรวมไพร่พลยกทัพมาประชิดเมือง และทรงส่งพระราชสารถึงพระเชษฐาความว่า
"หม่อมฉันมิเคยคิดปองร้ายเสด็จพี่ แต่กลับถูกเสด็จพี่ทำร้าย เพียงเพราะหลงเชื่อคำคนสอพลอ บัดนี้หม่อมฉันจะคิดร้ายบ้าง ขอให้เสด็จพี่พระราชทานบัลลังก์ให้หม่อมฉัน
หรือไม่ก็เตรียมทำศึกกับหม่อมฉัน"
พระเจ้าอริฏฐชนกทรงตกลงพระทัยทำสงครามกับอนุชา
จึงทรงรับสั่งพระอัครมเหสีให้รักษาพระครรภ์ให้จงดี ด้วยทรงดำริสังหรณ์ว่าอาจจะแพ้ภัยในศึกนี้
เมื่อออกศึกชนช้างกับพระอนุชา พระเจ้าอริฏฐชนกก็ทรงสิ้นพระชนม์กับคอช้าง ด้วยพระหัตถ์ของพระอุปราชโปลชนกผู้เป็นอนุชา
ตกยากกับพระมารดา
พระอัครมเหสีได้ทราบข่าวนั้นจึงทรงรวบรวมสิ่งของใส่กระเช้าแล้วปิดทับด้วยผ้าเก่า ๆ นำเอาข้าวสารไว้ด้านบนแล้วยกขึ้นเทินศีรษะแต่งกายมอมแมมเสด็จปะปนกับชาวบ้าน หนีออกจากมิถิลาด้วยน้ำพระเนตรนองพระพักตร์โดยมิมีผู้ใดสังเกตเห็น
ในระหว่างทางที่พระนางคิดมุ่งสู่เมืองกาลจัมปากะ พระนางทรงอิดโรยด้วยพระครรภ์แก่นักแล้ว จึงทรงหยุดพักที่ศาลาแห่งหนึ่ง
ยามนั้นท้าวสักกเทวราชบนสรวงสวรรค์ได้ทรงทราบว่าทารกในพระครรภ์ของพระนางก็คือ "พระโพธิสัตว์" ผู้เปี่ยมบุญญาธิการ ท้าวเธอจึงทรงเนรมิตองค์เป็นชายชราขับเกวียนผ่านไป อาสารับพระนางให้เดินทางต่อไปได้ ซึ่งบนเกวียนนั้นก็มีแท่นบรรทมและพระกระยาหารพร้อมสรรพ
ในเวลาเพียงพริบตาก็มาถึงเมืองกาลจัมปากะพระนางให้สงสัยแคลงพระทัยว่าทำระยะทาง ๖๐ โยชน์จึงถึงได้รวดเร็วนัก ครั้นจะทรงรับสั่งไถ่ถาม ท้าวเธอในร่างชายชราก็หายวับไปทันที
ขณะนั้นพราหม์ผู้เป็นทิศาปาโมกข์ ผู้มีลูกศิษย์เป็นชาวเมืองกาลจัมปากะ ๕๐๐ คน ได้พบพระนางผู้มีพระสิริโฉมงามสง่า จึงเข้าไต่ถามได้ความว่านางไร้ญาติขาดมิตร หนีข้าศึกที่รุกเมืองแตกมาตามลำพังทั้ง ๆ ที่ครรภ์แก่ดังนี้
พราหม์ผู้นั้นจึงชักชวนให้ไปอยู่ด้วยและรับเป็นน้องสาวให้อยู่เรือนอุทิจจพราหมณ์
จนกระทั่งคลอดทารกออกมาเป็นพระกุมารผิดผุดผ่องดั่งทองคำ พระนางทรงต้องพระนามว่า "มหาชนก" ตามพระนามของเสด็จปู่ผู้มีทศพิธราชธรรม
พระมหาชนกกุมารมีพระสหายเป็นเด็กชาวบ้านละแวกนั้น
ครั้นเล่นหัวกันตามประสาเด็ก ๆ ก็มีต่อสู้ขัดเคืองกันบ้าง เด็กชาวบ้านที่สู้พระกุมารไม่ได้ก็มักไปฟ้องพ่อแม่ว่า เด็กไม่มีพ่อรังแกตน พระมหาชนกจึงตรัสถามพระมารดาว่า
"พ่อของฉันคือใครกันนะ ท่านแม่"
"ท่านอาจารย์ไงเล่าที่เป็นบิดาของลูก"
พระนางโป้ปดออกไปให้พระกุมารเชื่อดังนั้น แต่ต่อมาเมื่อเด็กชาวบ้านพูดกันบ่อย ๆ พระองค์ก็สงสัยนัก วันหนึ่งเมื่อพระกุมารดื่มน้ำนมจากพระถันของพระมารดา พระกุมารได้กัดพระถันของพระมารดาแล้วทูลถามว่า
"ท่านแม่ บอกลูกมาเถิดว่าใครเป็นพ่อของลูก ไม่เช่นนั้นลูกจะกัดนมท่านแม่ให้ขาดเลยด้วย"
พระมารดาถูกกัดพระถันจนเจ็บปวดจึงทรงตกลงตรัสความจริงว่า
"พ่อของลูกคือพระเจ้าอริฏฐชนก กษัตริย์แห่งเมืองมิถิลานแต่พระราชบิดาของลูก ถูกพระอุปราชโบลชนกผู้มีศักดิ์เป็นอาของลูกปลงประชนม์และชิงราชสมบัติไป"
เมื่อได้ทราบความจริงดังนั้น พระกุมารก็ทรงตั้งพระทัยร่ำเรียนศิลปวิชาทุกแขนงจนแตกฉาน โดยไม่โกรธเครืองใครเมื่อยามถูกล้อเลียนว่าไม่มีพ่ออีก จนกระทั่งมีพระชนม์ครบ ๑๖ พรรษา จึงได้ทูลขอทรัพย์มารดา อันมีแก้ววิเชียรดวงหนึ่ง แก้วมณีดวงหนึ่ง แก้วมุกดาอีกดวงหนึ่ง พระมหาชนกกุมารทรงขอเพียงครึ่งเดียวเพื่อนำไปขายเป็นทุนทำการค้า แล้วจะมุ่งสู่นครมิถิลาเพื่อชิงบัลลังก์คืน
ข้ามทะเลเด็ดเดี่ยว
ระหว่างที่พระมหาชนกแล่นสำเภาไปกลางทะเลนั้นเอง เรือสำเภาก็อับปางลงเพราะลมมรสุมซัดกระหน่ำจนพ่อค้าและผู้คนเกือบพันคน กลายเป็นเหยื่อของสัตว์ทะเลและจมน้ำตายกันไปสิ้น
ตลอด ๗ วัน พระมหาชนกก็พยายามว่ายน้ำอยู่กลางทะเลมุ่งสู่เมืองมิถิลา โดยอธิษฐานอุโบสถไปด้วย นางมณีเมขลาเทพธิดารักษามหาสมุทรจึงมา ปรากฎกายกลางอากาศ แล้วถามพระมหาชนกว่า
"ท่านอาจจะตายเสียแน่แท้ที่มัวว่ายน้ำในทะเลลึกทั้ง ๆ ที่มองไม่เห็นฝั่งอย่างนี้"
พระมหาชนิกตรัสว่า
"เราพากเพียรเช่นนี้ แม้ตายก็มิถูกติเตียนได้ การไม่รักษาชีวิตไว้อย่างพากเพียรก็เท่ากับว่าเป็นคนเกียจคร้าน"
นางมณีเมขลาจึงพาพระมหาชนกเหาะลอยไปยังอุทยานของพระเจ้าโปลชนก
เจ้าหญิงลองพระปัญญา
ในขณะนั้นพระเจ้าโปลชนกทรงพระประชวรและสวรรคตไปแล้ว ๗ วัน พระราชธิดาทรงหาคู่ครองมาอภิเษก เพื่อครองราชสมบัติตามคำรับสั่งของพระราชบิดา โดยทรงปรึกษากับราชปุโรหิตแล้วให้เซ่นสรวงเทพยดา เพื่อเสี่ยงราชรถตามพระประเพณีโบราณ หากราชรถไปเกยที่ผู้ใด
ผู้นั้นก็มีบุญพอจะขึ้นครองเมืองได้
ครั้นเมื่อเทียมรถม้ามงคลแล้ว ม้าก็วิ่งออกจากพระราชวังไปยังอุทยานของนคร รถม้าเข้าไปแล่นวนรอบพระมหาชนก ๓ รอบ แล้วก็หยุดอยู่ที่ปลายเท้าของพระองค์ซึ่งบรรทมอยู่ ณ ที่นั้น
พระราชปุโรหิตจึงสั่งให้ประโคมดนตรีอึกทึก พระมหาชนกตื่นบรรทมขึ้นมาดูจึงรู้ว่าคงถึงเวลาแห่งการครองบัลลังก์แล้ว และมิได้ทรงแตกตื่นตกพระทัยแต่อย่างใด พระราชปุโรหิตจึงทูลเชิญไปครองเมือง พระมหาชนกจึงตรัสถามว่า เหตุใดจึงมาให้พระองค์ไปครองเมืองแล้วพระราชาของนครไปไหนเสียแล้ว
"พระราชาได้เสด็จสวรรคตแล้วพระเจ้าข้า"
"แล้วพระราชาไม่มีราชโอรสเลยรึ"
"ขอเดชะ มีเพียงพระราชธิดาองค์เดียวพระเจ้าข้า"
เมื่อได้ฟังดังนั้น พระมหาชนกจึงทรงรับสั่งว่าจะยินยอมรับราชสมบัติ ราชปุโรหิตจึงถวายเครื่องทรงและทำพิธีเถลิงราชสมบัติ ณ อุทยานนั้นเอง
ครั้นเข้าสู่พระราชมณเฑียรแล้ว พระราชธิดาคิดลองพระทัย จึงทรงวางอุบายให้ราชบุรุษผู้หนึ่งทูลพระมหาชนกว่า มีรับสั่งจากพระราชธิดาให้เข้าเฝ้า พระมหาชนกก็ยังคงดำเนินชมปราสาทหาได้ใส่พระทัยไม่
จนเมื่อชมปราสาทพอพระทัยแล้วจึงเสด็จขึ้นตำหนักหลวง
พระราชธิดาถึงกับเสด็จออกมารับและยื่นพระหัตถ์ให้พระมหาชนก ทรงสัมผัสอีกด้วยความเกรงพระบรมเดชานุภาพ
และพระบารมีอันสง่างามยิ่งนัก เมื่อเข้าประทับแล้ว พระมหาชนกทรงตรัสถามราชปุโรหิตว่า
"ก่อนเสด็จสวรรคต พระราชาของท่านมีรับสั่งอย่างไรบ้าง"
"ขอเดชะ พระราชาทรงรับสั่งไว้ว่า ถ้าผู้ใดสามารถทำให้เจ้าหญิงสวิลีปีติได้ก็ให้มอบนครให้คนผู้นั้น ข้อต่อมาคือผู้ใดรู้จักด้านศีรษะและด้านเท้าของบัลลังก์ ๔ เหลี่ยม จึงจะครองบัลลังก์ได้ ข้อต่อมาคือผู้นั้นต้องโก่งคันธนูของเมืองได้ และข้อสุดท้ายคือผู้นั้นต้องค้นหาขุมทรัพย์ ๑๖ แห่งให้จงได้"
ซึ่งรับสั่งเหล่านี้นั้น เจ้าหญิงสิวลีพระราชธิดาได้ทรงคัดเลือกอำมาตย์ และเสนาบดีหนุ่มมาหลายคนแล้ว เมื่อทรงตรัสให้ผู้ใดเข้าเฝ้า คนผู้นั้นก็ทำตาม รับสั่งให้มานวดเท้า คนผู้นั้นก็มานวด เจ้าหญิงจึงทรงขับไล่ออกไปจนสิ้นด้วยเคืองพิโรธว่า คนเหล่านั้นไร้ปัญญาบารมีอันมิควรจะครองราชย์ได้
ราชปุโรหิตทูลต่อพระมหาชนกว่า ข้อแรกนั้นพระราชธิดาทรงยื่นพระหัตถ์ให้พระมหาชนกแล้ว ก็หมายความว่าทรงปิติยินดีแล้ว แต่ยังมีข้อให้หาด้านศีรษะและเท้าของบัลลังก์อีกด้วย
พระมหาชนกจึงทรงถอดปิ่นทองคำจากพระเศียรส่งให้พระราชธิดา ซึ่งพระนางก็ทรงเปี่ยมด้วยพระปัญญาจึงได้นำปิ่นทองคำไว้ ด้านหนึ่งของบัลลังก์
"ด้านนั้นแหละคือด้านศีรษะของบัลลังก์"
พระมหาชนกจึงทรงตรัสได้ถูกต้อง จากนั้นทรงยกธนูเมืองอันมีน้ำหนักถึง
๑ พันคนจึงจะยกได้ ทว่าพระองค์ทรงยกอย่างเบาราวกงดีดฝ้ายของสตรี และก็ทรงโก่งคันธนูน้าวสายธนูได้ด้วยพละกำลังดั่งพญาคชสาร
ครั้งถึงข้อที่ให้ค้นหาขุมทรัพย์ ๑๖ แห่ง พระมหาชนกจึงทรงตรัสถามถึงปริศนาของขุมทรัพย์แรก ราชปุโรหิตทูลว่า
"ขอเดชะ ขุมทรัพย์ที่ ๑ อยู่ทางทิศตะวันขึ้นพระเจ้าข้า
พวกข้าพระองค์เคยลองขุดหาทางทิศตะวันออกที่ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว แต่ไม่พบทรัพย์ใดเลย"
"พวกท่านจงไปขุดยังที่ที่ซึ่งพระราชาของท่านยืนประทับรอพระปัจเจกโพธิ ที่พระราชานิมนต์มารับอาหารบิณฑบาตในทุก ๆ รุ่งเช้านั้นเถิด"
พวกอำมาตย์ราชวัลลภพากันไปขุด ณ จุดนั้น ก็ปรากฎว่า พบขุมทรัพย์ที่หนึ่งสมจริงดั่งรับสั่งของพระมหาชนก ยังความอัศจรรย์ใจแก่เหล่าอำมาตย์ จนพากันมาทูลถามพระมหาชนกถึงความนัยของปริศนานั้น
พระมหาชนกตรัสว่า พระปัจเจกโพธิเปรียบดั่งตะวัน พระราชายืนคอย ณ ที่ใด ที่นั้นก็คือขุมทรัพย์ตะวันขึ้น ดังนั้นปริศนาข้อต่อไปที่ว่าขุมทรัพย์ที่ตะวันอัศดง ก็คือจุดที่พระปัจเจกโพธิรับทานแล้วจะเสด็จกลับทางนั้น
บรรดาอำมาตย์จึงพากันไปขุดหาทางท้ายพระราชมณเฑียร ก็ปรากฎว่าพบขุมทรัพย์ที่ ๒ อีก
สำหรับปริศนาข้อต่อไปที่ว่า "ขุมทรัพย์ภายใน" นั้น พระมหาชนกทรงรับสั่งให้ไปขุดที่ใต้ธรณีประตูพระราชฐาน
"ขุมทรัพย์ไม่ใช่ภายในไม่ใช่ภายนอก" ก็ให้ขุดที่ใต้ธรณีนอกประตูพระราชฐาน
"ขุมทรัพย์ไม่ใช่ภายในไม่ใช่ภายนอก" ก็ให้ขุดที่เกยทองสำหรับขึ้น-ลงประทับมงคลหัตถี
"ขุมทรัพย์ในที่ขึ้น" ก็ให้ขุดหน้าประตูพระนิเวศ
"ขุมทรัพย์ขาลง" ให้ขุดที่หน้าเกยยามพระราชาขึ้น-ลงคอช้างหน้าชาลา
"ขุมทรัพย์ระหว่างไม้รังทั้ง ๔" ก็ให้ขุดที่ทวารทั้ง ๔ ซึ่งพระแท่นทำด้วยไม้รัง
"ขุมทรัพย์รอบ ๑ โยชน์" ให้ขุดที่ห่างจากแท่นบรรทมช้างละ ๔ ศอกทั้ง ๔ ทิศ
"ขุมทรัพย์ที่ปลายงา" ให้ขุดที่โรงคชสารตรงที่งาของพญาเศวตกุญชรจรดปลายงาลงดิน
เสวยราชย์-พบสัจธรรมชีวิต
เมื่อทรงไขปริศนาได้ทั้งสิ้น บรรดาเสนาอำมาตย์และไพร่ฟ้า ข้าแผ่นดินต่างก็พากันโห่ร้องกันกึกก้องทั่วพระนคร คำสรรเสริญเอกเกริกต่างเทอดทูนพระปัญญาบารมีของพระมหาชนก ที่ไขปริศนาจนพบขุมทรัพย์ทั้งปวงของพระราชา
ต่างก็ยินดีปรีดาแซ่ซ้องถึงพระราชาองค์ใหม่ผู้เป็นปราชญ์อัจฉริยะกันเลื่องลือไป
หลังจากนั้นพราหมณ์มหาชนกจึงทรงมีรับสั่งให้ตั้งโรงทาน ๖ แห่ง ที่กลางนคร ประตูนคร และประตูรอบนคร ๔ ทิศเพื่อบริจาคทรัพย์ทรงโปรดให้เชิญพระมารดา และพราหมณ์ทิศาปาโมกข์สู่นคร ทรงทำสักการะสมโภชน์และประกาศความจริงว่า พระองค์คือพระราชโอรสของพระเจ้าอริฏฐชนกในพิธีเถลิงถวัลย์ราชย์นั้นเอง
ครั้งนี้พระมหาชนกทรงรำลึกถึงความพากเพียรของพระองค์ ที่ทรงพยายามว่ายน้ำกลางมหาสมุทรจึงได้พบความสำเร็จดังนี้ ทรงโสมนัสและตระหนักว่าคนเราพึงหมั่นเพียรพยายามโดยสุดกำลัง เพื่อให้ลุล่วงสำเร็จดั่งมุ่งหวังไว้
จากนั้นพระมหาชนกทรงครองราชย์โดยทศพิธราชธรรม
เสนาและไพร่พลเมืองต่างก็เป็นสุขกันถ้วนหน้า จนกระทั่งเจ้าหญิงสิวลีประสูติพระราชโอรสทรงพระนามว่า ทีฆาวุราชกุมาร และพระมหาชนกทรงพระราชทานตำแหน่งอุปราชให้เมื่อพระโอรสเจริญวัยแล้ว
คราวหนึ่ง พระมหาชนกทรงช้างเสด็จประพาสอุทยาน ทรงเห็นต้นมะม่วง ๒ ต้น ที่ประตูอุทยาน ต้นหนึ่งมีผลดกเต็มต้น อีกต้นหนึ่งไม่มีผล
พระมหาชนกทรงเก็บมะม่วงจากต้นผลดกมาเสวยแล้วเข้าไปในอุทยาน ครั้นกลับออกมาก็พบว่ามะม่วงต้นดกนั้นกิ่งก้านหักโค่นใบร่วงหมดสิ้น มะม่วงแม้แต่ผลเดียวก็มิเหลือ บรรดาอำมาตย์จึงกราบทูลว่า พสกนิกรต่างก็มาเก็บมะม่วงจากต้นนี้ด้วยเพราะเป็นต้นที่พระราชาเก็บเสวย จึงได้เข้ายื้อแย่งเก็บไปเป็นมงคลจนสภาพของต้นมะม่วงแหลกราญดังนี้เอง
พระมหาชนกทอดพระเนตรดูมะม่วงต้นที่ไม่มีผล ซึ่งยังคงยืนตั้งอยู่อย่างมั่นคงดุจผาแก้วโดยมิบอบช้ำยับเยิน บัดนั้นเองจึงทรงดำริว่า ต้นมะม่วงที่มีผลก็เปรียบดั่งราชสมบัติซึ่งจะทำลายตัวเอง หากไม่มีผลก็ไม่มีภัย การละสมบัติออกบวชก็เปรียบดั่งต้นไม้ที่ไร้ผลซึ่งย่อมไร้ภัย
ครั้นเสด็จกลับพระราชวัง พระมหาชนกจึงทรงมีดำรัสว่า
"เราจะเจริญสมณธรรมในตำหนักนับแต่นี้ไป ขอให้พวกท่านรักษาราชกิจตามแต่เห็นควร ผู้ใดจะเข้ามาในตำหนักเราก็เพื่อนำอาหารมาเท่านั้น"
ทรงละกิเลสกลางราชวัง
เวลาต่อมาพระมหาชนกก็ทรงบำเพ็ญสมณธรรมสงบอยู่ในปราสาท มิได้ออกเสด็จมางานมหรสพใดอีกเลยจำนเป็นที่ร่ำลือกันทั่วไปทั้งนคร พระมหาชนกมีพระทัยน้อมนำไปทางออกบรรพชา ทรงครุ่นคิดอยู่ในพระทัยว่า
"เมื่อใดหนอ เราจึงจะได้พบพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งปวงผู้ซึ่งตัดโลกละกิเลสได้แล้ว เมื่อใดหนอเราจักได้ออกบวช อุ้มบาตร ถือเพศสมณแสวงธรรมอยู่ลำพังในป่า"
ด้วยพระทัยที่มุ่งในทางธรรมยิ่งนัก วันหนึ่งพระองค์ทรงรับสั่งให้กัลบกมาชำระ พระเกศาและปลงพระมัสสุ ให้อำมาตย์จัดบาตรดินและผ้ากาสาวพัสตร์มาถวาย จากนั้นพระองค์ก็ทรงครองผ้ากาสาวพัสตร์ นุ่งห่มเกล้าผมดั่งนักบวช เสด็จจงกรมในปราสาทด้วยพุทธลีลาแลเปล่งพระวาจาว่า
"การบวชนี้เป็นสุขจริงหนอ"
ยามนั้นอัครมเหสีเจ้าหญิงสิวลีได้รับสั่งให้สนม ๖๐๐ กว่านาง จัดแต่งเครื่องประดับงดงามเพื่อพากันไปเข้าเฝ้าพระราชาซึ่งจำศีลนานเกือบ ๖ เดือนแล้ว ครั้นพบว่าพระราชามหาชนกเสด็จออกบวชก็ทรงกันแสงปิ่มจะวายชนม์
พระนางทรงวางอุบายจุดไฟเผาศาลาเก่า แล้วให้อำมาตย์ไปทูลเชิญเสด็จกลับด้วยว่าพระราชวังไฟไหม้แล้ว
หากทว่าพระมหาชนกก็มิทรงเสด็จกลับ พระนางสิวลีและไพร่ฟ้า เสนาอำมาตย์จึงพากันออกตามเสด็จ พระมหาชนกจึงทรงเอาไม้ขีดเป็นเส้นบนพื้นแล้วตรัสว่า
"หากผู้ใดลบรอยเส้นนี้ได้ ก็จึงจะตามเราไปได้"
แต่เส้นนั้นมิอาจมีผู้ใดกล้าลบได้ ด้วยเกรงจะเป็นการละเมิดพระอาญาสิทธิ์ พระมเหสีก็ได้แต่กันแสงกลิ้งเกลือกด้วยอาดูรยิ่งนัก เมื่อพระนางกลิ้งเกลือกร่ำไห้นั้น เส้นที่ขีดขวางอยู่ก็ลบหายไป คนทั้งปวงจึงพากันติดตามไปอีก
ยามนั้นพระดาบสนาม นารทะ เห็นด้วยตาทิพย์ว่า พระมหาชนกต้านแรงมหาชนไม่ได้ จึงมาปรากฏและปลอบให้พระองค์รักษาศีลและพรหมวิหารธรรม ๔ อย่างมุ่งมั่น เพื่อให้การออกบวชลุล่วงดังประสงค์
พระฤาษีนาม มิคาชินะ ก็มาถวายโอวาทให้พระองค์ไม่ประมาทเพื่อความสำเร็จ พระมหาชนกจึงทรงตั้งพระทัยมั่นไม่อ่อนไหวไปกับการยับยั้งของพระมเหสี
ข่มพระทัยตัดเยื่อใย มุ่งมั่นบรรพชา
เมื่อพระมหาชนกเสด็จถึงถุนันนคร พบสุนัขที่คาบเนื้อมาจากแผงเร่ที่พ่อค้าขายเนื้อเผลอ แต่สุนัขวิ่งหนีมาทางพระมหาชนกจึงตกใจทิ้งก้อนเนื้อไว้ พระมหาชนกจึงเก็บก้อนเนื้อชิ้นนั้นมาปัดทำความสะอาดแล้วใส่ลงในบาตร ครั้นพระมเหสีทูลตำหนิด้วยความสังเวช พระองค์ก็ทรงตรัสว่า เนื้อชิ้นนี้สุนัขละทิ้งแล้วถือว่าชอบธรรมแล้วที่จะทรงบริโภคสิ่งของที่ไร้เจ้าของ
ต่อมาพระมหาชนกทอดพระเนตรดูเด็กหญิงที่วิ่งเล่นกันอยู่ใกล้ประตูนคร เด็กผู้หญิงตัวน้อยสวมกำไลมือ ๑ วง อีกมือหนึ่งสวมกำไล ๒ วงกระทบกันดังไพเราะ ทรงตรัสถามว่าทำไมกำไลหนึ่งไม่มีเสียงแต่อีกข้างหนึ่งมีเสียง
กุมารีน้อยทูลตอบว่า
"ก็ข้างหนึ่งมีวงเดียวจึงไม่มีเสียง อีกข้าหนึ่งมี ๒ วงจึงกระทบกันเกิดเสียงไงเล่า"
พระมหาชนกสดับดังนั้นก็ทรงตรัสกับพระมเหสีว่า "ดูกร น้องหญิง เราเป็นเพศบรรพาชิตแล้ว หากมีท่านติดตามไปด้วยย่อมเป็นเหตุแห่งคำนินทาให้พรหมจรรย์มัวหมอง ขอให้ท่านแยกเดินคนละทางเถิด และอย่าเรียกอาตมาเป็นพระสวามีอีกเลย"
พระอัครมเหสีทรงเสียพระทัยยอมแยกทางไป แต่ไม่นานพระนางก็เสด็จตามอีกด้วยว่าตัดพระทัยไม่ได้
พระมหาชนกจึงทรงให้พระนางดูช่างทำลูกศรที่ข้างทาง
ช่างนั้นเล็งได้คัดลูกศรด้วยตาข้างเดียว ด้วยเพราะถ้าเล็ง ๒ ตา ก็จะพร่ามัวมองไม่ชัดแจ้ง หากเล็งตาเดียวจึงจะเห็นชัดแจ้ง ซึ่งเปรียบดั่งพระองค์กับพระนาง ซึ่งประพฤติน่าครหายิ่งนัก ขอให้แยกทางกันบัดนี้เถิด
พระนางสิวลีโทมนัสจนร่ำไห้สิ้นสติไป ครั้นบรรดาอำมาตย์และสนมดูแลพยาบาลให้พระนางฟื้นขึ้นมา พระนางก็ทรงอาดูรเมื่อพระมหาชนกเสด็จจากไปแล้ว จึงทรงโปรดให้สถาปนาพระเจดีย์ ณ ที่พระมหาชนกประทับยืนก่อนเสด็จจากไปนั้น ให้บูชาด้วยเครื่องหอมนานาก่อนเสด็จกลับนครมิถิลา
จากนั้นพระนางทรงอภิเษกพระทีฆาวุให้ขึ้นครองราชย์ แล้วพระนางก็ทรงออกบวชบำเพ็ญตนเป็นดาบสินี ประทับ ณ อุทยานจนทรงบรรลุฌาณ ด้วยดำริว่า พระสวามียังมิอาลัยใยดีต่อราชสมบัติทั้งมวลแล้ว พระนางยังจะอาลัยอยู่ใย พระมเหสีทรงบำเพ็ญพรตตลอดพระชนมายุของพระนาง
มหาชนกชาดกนี้มีคติธรรมว่า เกิดเป็นคนควรมีความพากเพียร ให้ถึงที่สุด เพื่อให้ถึงแก่สิ่งที่มุ่งหวัง เพียรสุดกำลังจนชีวิตหาไม่ก็จงเพียรแล้วความสำเร็จจะมาเยือน
credit ไฟล์เสียง คุณโจโฉ และเวป cddhamma.com, เนื้อหา คุณโก๋ ๒๐๐๐ ปี
[Main : กลับ หน้ารวมศาสนา]
Create Date : 07 เมษายน 2550
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2551 11:58:29 น.
9 comments
Counter : 2065 Pageviews.
Share
Tweet
ขอบคุณสำหรับแง่คิดดีๆครับ
โดย: samushi (
samushi
) วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:13:42:52 น.
อู๊ย...กะจะเอาช๊อกโกแลตมาให้ซะหน่อย เจอเพลงเพราะ ๆ ลืมตัวกินเองหมดเลย..
ขอบคุณนะคะที่แวะไปเยี่ยมกันค่ะ
โดย:
Why England
วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:14:28:31 น.
ขยันจัง
เคยอ่านพระมหาชนกฉบับการ์ตูน ที่ชัย ราชวัตร เป็นคนวาด รู้สึกว่าสนุกน้อยกว่าอ่านในนี้อีกนะคะ
ขอบคุณค่ะ
โดย:
พจมารร้าย
วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:16:45:48 น.
ยาวมากเลย
โดย:
nakwan6
วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:20:43:33 น.
เข้ามาเยี่ยมครับ
โดย:
yyswim
วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:22:42:35 น.
อ่านแล้วดีจังค่ะ
โดย:
Complicatedgirl
วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:23:07:48 น.
อ่านแล้วสนุกดีค่ะ
โดย: นาตารี IP: 203.172.149.146 วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:14:13:02 น.
อ่านแล้วดีจังค่ะ
โดย: รุ่งรัตน์ดา IP: 203.172.138.117 วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:9:31:44 น.
ได้ยินเสียงวิทยุใน หน้านี้แล้วอ่าง ไม่รู้เรื่องเลยอะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
โดย: เสียง IP: 125.24.254.247 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:44:53 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ต่อตระกูล
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [
?
]
Group Blog
Buddhism1
Buddhism2
Buddhism3 ( News )
Buddhism4
Buddhism5
Buddhism6
Buddhism7
Buddhism8
Buddhism9
Buddhism10
House
Hobby
Miscellany
Health
DIY
My King
Fwd...Mail
Belief
Agricultural
News
Travel
HitSongs
ThaiLyrics1
ThaiLyrics2
ThaiLyrics3
ThaiLyrics4
ThaiLyrics5
ThaiLyrics6
ThaiLyrics7
ThaiLyrics8
ThaiLyrics9
ThaiLyrics10
Spare
Blog HI5
Technology
Sport1
Service
Web Review
Web Review2
Cartoon
Games
Law
Tutorial
Books
Entertain
Member
YouTube
<<
เมษายน 2550
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
7 เมษายน 2550
ทศชาติ ธรรมชาดก ทศชาติที่ 2 พระมหาชนก
ทศชาติ พระชาติที่ 1 เตมีย์ใบ้ พระเตมีย์ใบ้
All Blogs
ผลของการ ประทุษร้าย ต่อผู้ไม่ประทุษร้าย มีโทษ 10 ประการ
ทาน ศีล ภาวนา พื้นฐานการเป็นมนุษย์ กับการแก้กรรม
ทำบุญง่าย ๆ ด้วยการให้ส่วนบุญ - และรับส่วนบุญ
ขอเชิญแบ่งปันประสบการณ์ - นัม เมียว โฮ เร็ง เง เคียว - บทสวด ไดโมขุ
เข็มทิศชีวิต ฐิตินาถ ณ พัทลุง
01 อานิสงค์ คาถาอุณหิสสวิชัย
ตายแล้วฟื้น 2 ครั้ง - พันเอก (พิเศษ) เสนาะ จินตรัตน์
พระพุทธภาษิต พุทธสุภาษิต บาลี ภาษาบาลี คำแปล พระคาถา พุทธวจนะ พุทธพจน์ พุทธศาสนสุภาษิต
สติปัฏฐาน 4 วิธีการเดินจงกรม การเดินจงกรม ระยะที่ 1 - หลวงพ่อจรัญ ตอนที่ 4/9
การเดินจงกลม วิธีเดินจงกลม - หลวงพ่อจรัญ ตอนที่ 3/9
สอนวิปัสสนากรรมฐาน - หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม 2/9
สอนวิปัสสนากรรมฐาน โดยหลวงพ่อจรัญ ตอนที่ 1/9
รวมเรื่อง ศาสนา บทความทางศาสนา
ตายแล้วฟื้น - คุณครูบุญชู
วิธีใช้หนี้พ่อแม่ - พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
ตายแล้วฟื้น - พัชรินทร์ บูรีจิตตินันท์ รายการตีสิบ ย้อนหลัง
วิธีเจริญสมาธิภาวนา หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
รวมลิ้งค์เกี่ยวกับ พระไตรปิฏก
การสร้างพระในใจตนเอง
เคล็ดลับ การเพิ่มพลัง และ การนั่งสมาธิ
ธรรมะ ชนะมะเร็ง - คุณ อรทัย
ทศชาติ ที่ 10 พระเวสสันดร
ทศชาติ ที่ 9 พระวิฑูร พระวิฑูรบัณฑิต
ทศชาติ ที่ 8 พระนารทะ พระพรหมนารท
ทศชาติ ที่ 7 พระจันทกุมาร
ทศชาติ ที่ 6 ทศชาติชาดก พระภูริทัต
ทศชาติ ที่ 5 มโหสถ พระมโหสถ
ทศชาติชาดก ที่ 4 พระเนมิราช
ทศชาติที่ 3 สุวรรณสาม พระสุวรรณสาม
ทศชาติ ธรรมชาดก ทศชาติที่ 2 พระมหาชนก
ทศชาติ พระชาติที่ 1 เตมีย์ใบ้ พระเตมีย์ใบ้
พระพุทธประวัติ การ์ตูน พุทธประวัติ พระพุทธเจ้า
ทศชาติ ชาดก - การ์ตูน พระมหาชนก
มงคล มงคลสูตร 38 ประการ ใน 3 วัย
ปัจฉิมโอวาท ของท่านวิปัสสนาจารย์ 8 ประการ
คำอธิษฐาน ปล่อยปลา ลดหนี้กรรม
การกราบ การไหว้ - การไหว้ผู้ใหญ่ การไหว้แบบไทย การไหว้ของไทย
กรรมฐานแก้กรรม - วิธีแก้กรรม การแก้กรรม แก้กรรม ลดกรรม
ตายแล้วไปไหน
สังฆทาน ขั้นตอน การถวายสังฆทาน
สร้างพระ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปิดทอง ฝังลูกนิมิต เททอง หล่อพระ สร้างโบสถ์ สร้างวัด
บทสวด เจ้าแม่กวนอิม พระโพธิสัตว์ กวนอิม เพลงเจ้าแม่กวนอิม บทสวดกวนอิม บทสวดเจ้าแม่กวนอิม
อ. พุทธทาส ภิกขุ สวนโมกขพลาราม สวนโมกข์ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
วิสาขบูชา วันวิสาขบูชา
วันเกิด พระอาจารย์จำเนียร วัดถ้ำเสือ จ. กระบี่
ทำบุญ ตักบาตร
มาฆบูชา วันมาฆบูชา
กฎแห่งกรรม นิทานธรรมะ ภาพประกอบ กฏแห่งกรรม
ปริศนาธรรม จาก ศพ
ปริศนา 49 วัน ชีวิตหลังความตาย
ดาวน์โหลด ธรรมะ บทสวด บทสวดมนต์ ฟรี คำขอบวช คำขอบรรพชา ธรรมยุต (เอสาหัง) มหานิกาย (อุกาสะ) MP3
อานิสงค์ อานิสงส์ การ ทำบุญ
Friends' blogs
varissaporn327
ว่าน
แม่น้องธัย
แม่โบนัส
PIWAT
mongkud
ต้นโพธิ์ต้นไทร
olives
แพรวขวัญ
yadegari
SriSurat
Polball
Webmaster - BlogGang
[Add ต่อตระกูล's blog to your web]
Links
ดาวน์โหลด Download ธรรมะ
SriSurat.com
Youtube ธรรมะ
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.