*_* A TrUe FrIeNd Is OnE SoUL In TwO BoDiEs *_*
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
14 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
9 วิธี ก้าวสู่เส้นทางมหาเศรษฐี

คนที่รักความก้าวหน้าในชีวิต จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายชีวิตให้ชัดเจน

การตั้งเป้าหมายมีทั้งแบบระยะสั้น ระยะกลาง และระยะไกล

จากนั้นจึงไปเสาะแสวงหาความรู้ ต้องมีความเพียรพยายาม

ความอดทน เพื่อบรรลุเป้าหมายชีวิตที่วางไว้ให้ได้

แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น



" หนูตัวเล็กๆ ยังสู้อุตส่าห์ขุดรูอยู่

นกกระจิบกระจอกยังสู้อุตส่าห์สร้างรัง

เราเกิดมาเป็นคนทั้งที ก็ต้องสร้างฐานะให้ดีให้ได้ "




ก้าวที่ 1

หยุดทบทวนสักนิด " หนึ่งสมอง สองมือ " ทำให้รวยได้จริงหรือ


ผลไม้พันธุ์เลว ถึงจะใส่ปุ๋ยรดน้ำพรวนดินดีอย่างไรก็ตาม

อย่างมากก็ทำให้มีผลดกขึ้นบ้าง

แต่จะทำให้มีรสโอชาขึ้นกว่าเดิมนั้นยาก

ตรงกันข้ามผลไม้พันธุ์ดี แม้รดน้ำพรวนดินพอประมาณ

ก็ให้ผลมากเกินคาด รสชาติก็โอชาเช่นกัน

ผู้ที่ไม่ได้สั่งสมคุณความดีมาก่อน เมื่อประกอบกิจการใดๆ

ขยันขันแข็งสักปานไหน ผลแห่งความดีกว่าจะปรากฎเต็มที่

ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักและเสียเวลามาก

ส่วนผู้ที่สั่งสมความดีมาก่อน เมื่อทำความดีปรากฎเต็มที่ทันตาเห็น

ส่งผลให้มีความเจริญก้าวหน้า เหนือกว่าบุคคลทั้งหลายได้อย่างน่าอัศจรรย์



สรุปง่ายๆก็คือ ถ้าใครทำบุญเก่ามาดี เวลาจะทำอะไรก็ง่าย

ก็สำเร็จไปหมด อุปสรรคในชีวิตก็น้อย แต่ถ้าใครทำบุญเก่ามาไม่ดี

จะทำอะไรก็ต้องออกแรง ต้องให้เหนื่อยกันก่อน

ถึงจะประสบความสำเร็จ

ฉะนั้น " หนึ่งสมอง สองมือ " ก็แค่อุปกรณ์ทำให้รวยเท่านั้น

แต่สิ่งที่อยุ่เบื้องหลังจริงๆคือ " บุญ " ต่างหาก


เดี๋ยวเราจะค่อยๆทำ ความเข้าใจกันต่อไป



ก้าวที่ 2

ทำความเข้าใจว่า " อะไรอยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จ " ที่แท้จริง


เราลองมาพิจารณาดูว่า เราเคยมีชีวิตแบบนันบ้างไหม?

คุณอาจเถียงในใจว่า ชีวิตคนเราก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น

มีช่วงรุ่งโรจน์และตกต่ำเหมือนกันหมด คุณคิดถูก

แต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด อย่าลืมว่าความรุ่งโรจน์ หรือตกต่ำของชีวิต

มีคำว่า " มาก " " น้อย " มีช่วงเวลา " ยาวนาน " ต่างกัน

การที่จะเจอวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ " ยาก " " ง่าย " ต่างกันอีก

เราต้องมาศึกษาว่าอะไร คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ชีวิตของเรามีความสุข

และความสำเร็จที่แท้จริง และไม่ทำให้ชีวิตพบกับคำว่า " ตกต่ำ "

ให้เจอแต่คำว่า " รวยเรื้อรัง " " รวยถาวร " ไปทุกภพทุกชาติ

สิ่งนั้นคือ บุญ



*** บุญ คือสิ่งที่เกิดขึ้นในใจเราแล้ว ทำให้เรารู้สึกมี

ความสุข สงบ ชุ่มชื่น ผ่อนคลาย


*** บุญเป็นของกลาง ต้องทำเอง ใครตักตวงได้มากเท่าไหร่

ก็เป็นบุญของคนนั้น


*** เราต้องสร้างบุญให้มาก ใครก็ล้มไม่ลง แม้จะเป็นคนมีอำนาจ

หรือร่ำรวยก็ตาม พอเวลาหมดบุญแล้ว ใครโจมตีก็ล้มลงได้

ถ้ายังมีบุญอยู๋ ใครจะทำอย่างไรก็ล้มไม่ลง



คนเราเวลามีบุญอยู่ ทุกอย่างก็รุ่งเรืองดีไปหมด จับอะไรก็ก้าวหน้า

แต่เวลาบุญหมด ทุกอย่างก็หมด อับจน ตกต่ำไปหมด


สรุปว่าบุญคือ ตัวแปรสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสุข

ความสำเร็จในชีวิตของพวกเราทุกคน



ก้าวที่ 3

เรียนรู้วิธีการเติมบุญแบบ " ครอบคลุม " ง่ายๆทำได้เลย



บุญทำง่ายมาก เพราะการทำความดีทุกอย่างล้วนได้ผล

ออกมาเป็นบุญแล้วทั้งสิ้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแบ่งวิธีทำบุญออกเป็น 10 วิธี เรียกว่า

" บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ " คือ

1. ทานมัย คือ บุญที่เกิดจากบริจาคทรัพย์สิ่งของแก่ผู้อื่น

2. สัลมัย คือ บุญที่เกิดจากรักษาศีล (การสำรวม กาย วาจา

ใจ ให้สงบเรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น )

3. ภาวนามัย คือ บุญที่เกิดจากการสวดมนต์ทำสมาธิ อ่านหนังสือธรรมะ

4. อปจายนมัย คือ บุญที่เกิดจากการมีความเคารพ อ่อนน้อม

5. เวยยาวัจจมัย คือ บุญที่เกิดจากการช่วยเหลือขวนขวาย

ในการงานที่ถูกที่ควร

6. ปัตติทานมัย คือ บุญที่เกิดจากอุทิศส่วนบุญ

7. ปัตตานุโมทนามัย คือ บุญที่เกิดจากการอนุโมทนา

ในการทำบุญกุศล หรือการทำความดีของผู้อื่น

8. ธัมมัสสวนมัย คือ บุญที่เกิดจากการฟังธรรม

9. ธัมมเทสนามัย คือ บญที่เกิดจากการแสดงธรรม

10. ทิฎฐุชุกัมม์ คือ บุญที่เกิดจากการทำความเห็นให้ถูกต้องดีงาม

ตรงตามความเป็นจริง

ทั้ง 10 ประการนี้ สรุปได้เป็น บุญกิริยาวัตถุ 3 คือ

ทาน คือ ให้หมั่นทำบุญอย่างเต็มที่เต็มกำลัง

ศีล คือ การป้องกันตนไม่ให้ทำชั่ว

ภาวนา คือ หมั่นนั่งสมาธิเจริญภาวนาให้มากๆ


ก้าวที่ 4

ฉลาดในการทำ " ทาน " แบบได้บุญเต็ม 100 %



การทำทานให้ได้บุญมาก ต้องพร้อมด้วยองค์ 3 คือ

1. วัตถุบริสุทธิ์ คือของที่ให้ทานต้องเป็นของที่ตนได้มา

โดยสุจริตธรรม ชอบธรรม ไม่ได้คดโกง หรือเบียดเบียนใครมา

(ให้ทานด้วยน้ำพริกผักต้มที่ได้มาโดยบริสุทธิ์

ได้กุศลมากกว่าให้อาหารโต๊จีนราคาตั้งพันด้วยเงินทอง

ที่ได้มาโดยไม่บริสุทธิ์)


2. เจตนาบริสุทธิ์ คือ มีเจตนาทำเพื่อเอาบุญ ไม่ใช่เอาหน้า

เอาชื่อเสียง ความเด่น ความดัง ความรัก

คือจะต้องมีเจตนาบริสุทธิ์ 3 ขณะคือ

-ก่อนให้ ก็มีใจเลื่อมใส ศรัทธา เต็มใจที่จะทำบุญนั้น

-ขณะให้ ก็ตั้งใจให้ ให้ด้วยใจยินดี ปีติเบิกบาน

-หลังจากให้ ก็มีใจแช่มชื่น ไม่นึกเสียดายสิ่งที่ให้ไปแล้ว



3. บุคคลบริสุทธิ์ คือเลือกให้แก่ผู้รับที่เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์

มีความสงบเรียบร้อย ตั้งใจประพฤติธรรม

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่า พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก


*** สำหรับผู้ให้ทาน คือ ตัวเราเอง ก็ต้องมีศีลบริสุทธิ์จึงจะได้บุญมาก


ดังนั้นก่อนที่จะทำทานทุกครั้ง เราควรทำความพร้อมทั้ง 3

ให้ครบถ้วนเสียก่อน เพราะกว่าเราจะได้ทรัพย์มาเพื่อทำทานนั้น

ก็ได้มาด้วยความยากลำบาก ฉะนั้นเราก็ไม่ควรทำให้

" บุญหก บุญหล่น " เราควรทำบุญของเราให้ส่งผลเป็นอัศจรรย์

เป็นบุญชนิด " บุญหกทับ บุญหล่นทับ " จะดีกว่า


ก้าวที่ 5

สูตรสำเร็จของการ " ออกแบบ ชีวิต "


บุญคือสิ่งที่ปรุงแต่ง สร้างสรรค์ รูปสมบัติ คุณสมบัติ

และทรัพย์สมบัติให้กับเรานั่นเอง ฉะนั้นเราคือ

" ผู้ที่ออกแบบชีวิตตัวเอง ไม่ใช่พรหมลิขิต ไม่ใช่ฟ้าลิขิต "

โดยมีสูตรสำเร็จดังนี้


อยากอายุยืน ต้องไม่ฆ่าสัตว์

อยากเป็นคนไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ต้องไม่ทรมานสัตว์

อยากเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ต้องทำทานด้วยอาหาร

อยากผิวสวยต้องรักษาศีล และให้ทานด้วยเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม

อยากเป็นผู้มีอำนาจ มีคนเกรงใจ ต้องมีมุทิตาจิต

ใครทำความดี ก็อนุโมทนาบุญ ไม่อิจฉาริษยาใคร

อยากร่ำรวย มีทรัพย์มาก ต้องทำทาน

อยากเกิดในตระกูลสูง ต้องบูชาบุคคลที่ควรบูชา

อยากฉลาด ต้องฝึกสมาธิเจริญภาวนา

และไม่ดื่มสุรายาเมาหรือสิ่งเสพติดทั้งหลาย


***** แข่งบุญแข่งวาสนา ใช่ว่าแข่งไม่ได้

แต่ถ้าแข่งแล้วไซร้ ต้องแข่งด้วยการทำความดี *****



ก้าวที่ 6

ทางลัด เร่งความเร็วแรง เห็นผลบุญทันตา


ในเรื่องการส่งผลของบุญ ตามหลักพระพุทธศาสนา

ต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า

บุญที่เกิดขึ้นในชีวิตคนเรา มี 2 ระยะ คือ

บุญเก่า (บุญในอดีต ) และบุญใหม่ ( บุญในปัจจุบัน )

บุญเก่าคือ บุญที่ทำมาในชาติที่แล้ว

บุญใหม่ คือ บุญที่ทำมาตั้งแต่แรกเกิดถึงปัจจุบันนี้



ถ้าใครทำบุญเก่ามาดี จะส่งผลให้มีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ

และคุณสมบัติที่ดีในชาติปัจจุบัน เช่น บางคนเกิดมามีรูปร่างหน้าตาดี

เพราะรักษาศีลมาดี บางคนก็เกิดมาร่ำรวยเพราะทำทานมาดี

หรือบางคนเกิดมามีสติปัญญาเฉลียวฉลาดก็เพราะทำสมาธิเจริญภาวนา

มาดี แม้ในปัจจุบันไม่ได้ทำบุญ ทั้งยังตระหนี่ถี่เหนียว

แต่ร่ำรวยได้ เป็นเพราะบุญในอดีตยังส่งผลอยู่นั่นเอง



ส่วนบางคนในชาตินี้ทำบุญทำทานมากมาย แต่ก็ไม่รวยสักที

ถึงกับบ่นว่า " ทำดีไม่ได้ดี " หรือทำบุญ " บุญไม่ส่งผล "

นี่เพราะในอดีตทำทานมาน้อย จึงไม่สามารถดึงดูดสมบัติให้เกิดมากๆๆได้



ส่วนบุญใหมที่ทำในชาตินี้ จะรอส่งผลในอนาคตต่อไป

แต่มีบางคนเกิดมาโชคดี สามารถทำบุญในชาตินี้แล้วได้ผลบุญทันตาเห็น

เป็นเพราะได้สร้างบุญในเขตบุญอันอุดมที่เรียกว่า

" สัมปทาคุณ " (ความถึงพร้อมด้วยคุณพิเศษ) ซึ่งประกอบด้วย


1.ความถึงพร้อมแห่งวัตถุ หมายถึง ผู้รับคือปฏิคาหก

เป็นทักขิไณยบุคคล ผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยคุณธรรม

ยิ่งมีคุณธรรมสูงมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้ทานของผู้บริจาคแล้ว

มีผลมากขึ้นเท่านั้น

2.ความถึงพร้อแห่งปัจจัย หมายถึง ของที่จะนำมาทำบุญ

ต้องได้มาอย่างบริสุทธิ์โดยชอบธรรม

3.ความถึงพร้อมแห่งเจตนา หมายถึง มีเจตนาดีเพื่อชำระกิเลส

บูชาคุณ เพื่อสงเคราะห์หรืออนุเคราะห์ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ

มิได้หวังลาภ ยศ หรือชื่อเสียง มีเจตนาดีทั้ง 3 กาล คือ

ก่อนให้ก็ดีใจ

กำลังให้ก็เลื่อมใส

ครั้นให้แล้วก็เบิกบานใจ

อย่างนี้เรียกว่าถึงพร้อมด้วยเจตนา

4.ความถึงพร้อมแห่งคุณพิเศษของปฏิคาหก คือผู้รับเป็นทักขิไณยบุคคล

ที่มีคุณธรรมพิเศษ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงระบุไว้ว่า

ผู้รับจะต้องเป็นผู้ที่ออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ



ก้าวที่ 7

" เรียกบุญให้ช่วย " เมื่อประสบปัญหาชีวิต


พระมงคลเทพมุนี (หลวงปู่สดวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ) เคยให้โอวาทไว้ว่า

" ในโลกมนุษย์ ถ้ามีบุญ จะค้าขายก็ร่ำรวย

หาทรัพย์ง่ายไม่ติดขัด พาตัวให้ไปสู่สุคติ....)


ต้องนึกถึงบุญ สิ่งอื่นอย่าไปนึก เมื่อต้องภัย ให้เอาใจจรดอยู่ที่บุญ

ถ้าไปค้าขายติดขัดขึ้น ก็ขอให้บุญช่วย ถ้าว่ามีอุปสรรคมาแทรกแซง

อย่างใดอย่างหนึ่ง มีผู้มารุกราน ก็ขอให้บุญช่วย สิ่งอื่นช่วยไม่ได้

" ถ้าหาบุญได้ ใช้บุญเป็น ก็ต้องเอาใจไปจรดอยู่ที่ศูนย์กลางดวงบุญ "



ก้าวที่ 8

ไม่พลาดบุญใหม่


แสวงหาโอกาสให้ได้ทำบุญใหม่ คือบุญที่ทำแล้วมีผลมาก

เช่น " กฐินทาน " เป็นต้น เพราะเป็นมหากุศลใหญ่

หนึ่งปีมีครั้งเดียวและยังถือเป็นทานที่พิเศษกว่าการทำบุญอย่างอื่น

เนื่องจากถูกจำกัดด้วยเวลา เรียกว่า " กาลทาน "

คือต้องถวายในช่วงหนึ่งเดือน หลังจากการออกพรรษา

นับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12

ซึ่งในแต่ละวัดสามารถกระทำพิธีนี้ได้เพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น

อีกทั้งพระภิกษุผู้มีสิทธิ์รับผ้ากฐินได้ จะต้องจำพรรษาอยู่ในวัดนั้น

ครบ 3 เดือน



ก้าวที่ 9

บทสรุป สู่....เส้นทางเศรษฐี

" การได้เกิดเป็นคนนั้นนับว่าเป็นเรื่องยาก เกิดมาแล้วยังโชคดี

มีโอกาสได้พบกับพระพุทธศาสนา

ถือว่าเป็นผู้ที่มีบุญเก่ามาดีมากอยู่แล้ว

ฉะนั้นหนทางที่จะก้าวสู่แท่นของมหาเศรษฐีนั้น

ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน "

ขอเพียงทำทานให้ถูกหลักตามที่กล่าวมาแล้ว ทำอย่างต่อเนื่อง

จริงจัง ไม่หวั่นไหว ท้อแท้ หมดกำลังใจในการทำความดีไปเสียก่อน

ให้เชื่อมั่นในผลของบุญ เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย



ปล.อนุโมทนาบุญแก่ผู้จัดพิมพ์ จัดทำ และท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ




Create Date : 14 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2552 6:47:59 น. 3 comments
Counter : 558 Pageviews.

 
จะรออ่านอีก 8 ก้าว ที่เหลือนะค่ะ


โดย: ปุยฟ้า วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:06:06 น.  

 
เอออ ปุยฟ้าจ๊ะ อันเน้ แค่ เกริ่นอ่ะ ยังไม่ได้เริ่มข้อหนึ่งเร้ยน้า
เด่วเริ่มเลยมีคนติดตามงี้
แม้ว่าจะเจ็บมือก้อยอมมมมมม 5555555555555555


โดย: ZZU@farsai วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:49:29 น.  

 
ว้าโทษทีจ๊ะปุยฟ้า คนพิมหลงเอง เขียนข้อ 1 แล้วจริงๆด้วย อิอิ ขอบคุณที่แวะมาอ่านน้า รวมถึงทุกคนด้วยน้า


โดย: ZZU@farsai วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:21:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ZZU@farsai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




*_* ShaRinG BeYoNd BoRdEr *_*


" ไม่ต้องเชื่อ..... แต่

.....ค้นพบได้ด้วยตัวเอง "


" ไม่ต้องเชื่อ.....แต่ต้องทำ

เป็นการไตร่ตรองด้วยเหตุผล "


~มิพานพบฤารู้จัก มิพูดคุยฤารู้ใจ~


" You " came with lonely wind.

That brought along sadness.

I came with a grain of sand.

That bought lonesome to

scatter over the sky.

When the wind blew.

The wave brought sand to shore.

A grain of sand then dreamed that

It would have been sparkle

at the horizon like stars.

But a grain of sand could only dream.

Staring at the stars quietly

with uncertainly through a cold night.

The wind waved goodbye,

left the worthless and

sand staring at the stars.

When the stars moved,

~Heart

Was

Lonely

In

TearS~

Pimp My Profile
Friends' blogs
[Add ZZU@farsai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.