Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 

เป็นผู้หญิงไปเที่ยวคนเดียว ไม่กลัวเหรอ...

เป็นผู้หญิงไปเที่ยวคนเดียว ไม่กลัวเหรอ??

นี่เป็นคำถามที่ฉันเจอมาพักใหญ่ๆของฉัน ฉันตอบทีเล่นบ้าง ไม่ตอบบ้าง เพราะไม่รู้ว่าฉันจะตอบว่าอะไรถึงจะตรงคำถามที่สุด

ฉันลางาน 3 วัน บวกวันหยุด ส-อา และ นักขัตฤกษ์ รวมเป็น 7 วันพอดี
ปีนี้ฉันตั้งใจจะไปเที่ยวหลวงพระบางให้ได้ แม้ว่าจะต้องไปคนเดียวก็ตาม
แต่พอหาข้อมูลไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่า ทริปนี้ของฉัน กลายเป็น วังเวียง-หลวงพระบาง-(วกกลับ)เชียงคาน จนได้

วันเริ่มต้นการเดินทาง...

ฉันไปรอขึ้นรถที่หมอชิตตั้งแต่ยังไม่ 1 ทุ่ม รถออกตั้งสองทุ่มครึ่ง เลยหาข้าวกินที่หมอชิต เป็นมื้อที่ฉันลืมไม่ลงไปเลยทีเดียว
รสชาดและความสะอาด (น้อย) ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เอาน่ะ!!ดีกว่ากัดปากตัวเองหน่อยนึง
ฉันซื้อตั๋วของ รุ่งประเสริฐทัวร์ เป็นรถ VIP 24 ที่นั่ง กทม-หนองคาย ราคา 750 บาท ราคาคุ้มเมื่อเทียบกับการบริการของเจ๊บัสโฮสเตส
แกบริการได้ใจจริงๆ เสริฟอาหารถี่ ดูแลกันจนนึกว่านั่งการบินไทยอยู่ อิอิ
เหลือบมอง 2 สาวที่นั่งแถวเดียวกัน (แอบ)ได้ยินจนรู้ว่าทั้งคู่จะไปเที่ยวลาวเหมือนกัน เสร็จอิชั้นเลย จัดการผูกมิตรซะหน่อย
คุยกันไป-มา พี่ทั้ง 2 คน คือ พี่ไก่ และพี่ทิ้ว มีแผนจะไปเวียงจันทน์ก่อน ฉันก็เลยขอเกาะติดด้วย เผื่อว่าจะต้องแชร์รถกัน ตอนนี้กลายเป็นเรา 3 คนไปแล้ว
ซักพักใหญ่ๆ (มาก) พี่ทั้ง 2 คนก็บอกกับฉันว่า ตกลงว่าพี่เค้าคงไปเที่ยวเหมือนฉันแล้วล่ะ คือไปวังเวียงก่อน ดีเลยฉัน มีคนให้เกาะแล้ว หุหุ


วันแรก(จริงๆ)...

เรามาถึงที่ บขส หนองคายกันด้วยเวลาแต่เช้ามืด หลังจากที่เข้าห้องน้ำเพื่อสลัดความงัวเงียแล้ว เราก็ตัดสินใจที่จะแชร์สามล้อไปที่ด่านกัน
สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูล : มีรถบัสจาก บขส เข้าไปที่ด่านที่เวียงจันทน์ แต่ไม่แน่ใจว่าเที่ยวแรกเป็นกี่โมง ด้วยความที่ตอนนั้นยังไม่ 6 โมงเช้าดี เราจึงเลือกที่จะไม่รอ แล้วนั่งสามล้อไปเลย ค่ารถสามล้อคนละประมาณ 30 บาท แล้วไปต่อรถเมล์ที่ด่านเพื่อข้ามไปฝั่งลาวอีก 15 บาท ขึ้นก่อนได้นั่งก่อน
หลังจากที่ไปตรวจพาสปอร์ตเสร็จเรียบร้อยที่ฝั่งลาว เราก็ได้รู้จักผู้ชายอีกคนนึง คือพี่วุธ ซึ่งเค้าก็มาเที่ยวลาวคนเดียวด้วยเหมือนกัน และนั่งรถทัวร์มาคันเดียวกันด้วย จากนั้นเราก็กลายเป็น เรา 4 คน
หลังจากที่จ่ายค่าเหยียบแผ่นดินไป 25 บาทเสร็จเรียบร้อย เราก็จะเจอกับฝูงคนขับรถ ที่มาตื๊อให้ไปกับเค้า สุดท้ายเราเลือกที่จะไปกับเจ้านึง เพื่อที่จะไปขนส่งเวียงจันทน์
ข้อมูล : ตลาดเช้าอยู่ตรงข้ามกับขนส่ง เจอโชเฟอร์บอกราคาไปตลาดเช้าแพงกว่าไปขนส่งตั้ง 20 บาท ทีแรกเข้าใจว่ามันคงอยู่กันคนละที่ ที่ไหนได้....
หลังจากที่มาถึงขนส่งแล้ว เราก็จะเจอกับฝูงโชเฟอร์อีกรอบ เราเลือกที่จะหาที่แลกเปลี่ยนเงินก่อน เพราะตอนที่เรามาถึงด่านนั้น เวลาของร้านแลกเงินยังไม่เปิด เราต้องใช้เวลารอให้ธนาคารเปิดอยู่เป็นชั่วโมง ระหว่างที่รอฉันก็ถอยมันมาจนได้ ซิมลาว (อ้าว ลืมถ่ายรูปมา) ด้วยราคา 200 บาท มีเงินอยู่ในซิม 100 บาท โทรมามือถือของไทย นาทีละ 8 บาท

เมื่อได้เวลาธนาคารเปิด (8.30 น.) เราก็ทำการแลกเงินกันทันที พี่คนนึงในกลุ่ม แลกได้มาล้านกว่าๆ พวกเราทุกคนฮือฮา จนจนท.เค้าหัวเราะกัน ก็แหม!! จะมีใครมีโอกาสได้ถือเงินล้านในมือล่ะเนาะ เมื่อเราเลือกรถมินิแวนเจ้าที่(คิดไปเองว่า)โอเคแล้ว ด้วยราคาคนละ 70หรือ80นี่ล่ะ จำไม่ได้ เฮียแกบอกว่าขอผู้โดยสารอีก 3 คนแล้วจะออกรถเลย
เราก็คิดว่า เออ 7 คน ก็ยังดี ที่ไหนได้เฮียแกไปแวะรับอีก 3 รถที่เรานั่งมา กลายเป็นรถปลากระป๋องของคนไทยไปเรียบร้อยโรงเรียนพี่ลาว เอาน่ะ แค่ 3 ช.ม. เอ๊ง ฉันพยายามให้กำลังใจตัวเอง

3 ชั่วโมงผ่านไป นั่งกันจนเหนื่อย รถก็นำเรามาจอดที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง เป็นที่พักหน้าตาดี คืนละ 800 บาท แก๊งค์ใจง่าย (ชื่อกลุ่มของเรา 4 คนที่ฉันแอบตั้งเองเงียบๆคนเดียว) ก็ตัดสินใจเดินออกโดยไม่ต้องคิดมากมาย เก็บ 800 ไปกินไปเที่ยวดีฝ่า
เราเลือกที่จะข้ามไปอีกฟากของแม่น้ำ เพื่อจะไป Molina Guesshouse เสียค่าข้ามสะพานไปตามระเบียบ
โชคดีเป็นของแก๊งค์เรา เมื่อมีห้องพักว่างติดกันพอดีเป๊ะ 3 ห้อง ห้องน้ำรวม ด้านหน้าเป็นแม่น้ำ ด้านหลังเป็นภูเขา โรแมนติกคั่กๆ คืนละ 160 บาท ไม่อยู่ไม่ได้แล้ว จัดไป 2 คืนรวด
เจ้าของบ้านพักชื่อลุงเพชร เป็นผู้ชายที่เก่งและมีวิสัยทัศน์ เก่งมากเคยได้ทุนมาเรียนที่ไทยด้วย คติการดำเนินชีวิตแก เงินทองไม่สำคัญเท่าครอบครัว
หลังจากเก็บของเสร็จ ก็ออกไปสำรวจเมือง เรื่องของเรื่องคือ หิวมาก เราเลือกร้านริมน้ำมาร้านนึง มาถึงลาวทั้งที จัดไป กะเพราไก่ไข่ดาวราดข้าว หน้าตาดี รสชาดดีเลิศ จานละ 100 บาท



และแน่นอนพระเอกของงาน



ดูราคาค่าอาหารเสียก่อน ไฮโซมากมาย


ร้านนี้มีเด็กในร้านคนนึงหน้าตาคล้ายปอ ทฤษฎี เราเลยเรียกกันว่าร้านน้องปอ
จากนั้นก็หาเช่าจักรยาน คืนวันพรุ่งนี้ตอน 6 โมงเย็น คนละ 80 บาท สำหรับจักรยานแม่บ้าน เราขี่กันไปที่ขนส่งเพื่อหาตั๋วรถไปหลวงพระบาง ได้ตั๋วรถบัสมา ตกคนละประมาณ 380 บาท
เป็นรถหวานเย็น เมื่อได้ตั๋วแล้ว ก็ขี่ชมเมือง ส่วนมื้อเย็นวันนั้น เราไปกินเฝอที่ร้านนึง ส่วนพี่ชายคนเดียวในกลุ่มสั่ง ผัดไท ที่หน้าตาอย่างกับสุกี้แห้ง และโรตีไฮโซ มากิน มื้อนี้ รสชาดสวนทางกับหน้าตาและราคา ที่นี่อาหารคาวทุกอย่าง ราคาเป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะกินอะไร คือเริ่มต้นที่จานละ 100 บาท นับว่าค่าครองชีพที่นี่สูงเอาการ



วันที่สอง...

เช้านี้ฉันเป็นคนอาสาว่าจะปลุกทุกๆคนให้ไปตลาดเช้ากัน กลับกลายเป็นว่าฉันเป็นคนที่ตื่นสายที่สุด เลยไม่ได้ไปตลาดเช้ากัน ขอโทษค้าบบบ...
เราเลือกที่จะไปกินมื้อเช้ากันที่ร้านอาหารตรงเชิงสะพานเสียตังค์ ได้เห็นนักเรียนถีบรถถีบไปเรียนกันเป็นขบวน ดูแล้วน่ารักดีจัง เด็กที่โตแล้วจะขี่มอเตอร์ไซค์ ฉันสังเกตว่า วัยรุ่นชายที่ลาว
เค้าฮิตทำทรงผมเดียวกัน คือเอาเจลปั่นๆให้หัวตั้ง ไม่เหมือนบ้านเราตอนนี้เกาหลีเต็มเมือง
อาหารเช้าไฮโซของฉัน Omelet + Bread



หลังจากอิ่มกันแล้ว ป้าร้านขายของระหว่างทางไป GH ก็ถามว่าไม่สนใจไปเที่ยวถ้ำกันเหรอ แหมเชิญชวนกันซะขนาดนี้ 3 สาวเราก็เลยตัดสินใจรับคำเชิญ แต่เฮียวุธบอกว่าขอขี่รถถีบตามไป
โฉมหน้าโชเฟอร์ของเราวันนี้ เมื่อวานเราเจอน้องใส่เสื้อยืดสกรีนลายเบอร์ 1 เราเลยเรียกกันว่าน้องเบอร์ 1
ฉันถามน้องเค้าว่าชื่ออะหยัง น้องบอกว่า ชื่อ Hum อืมมมม ฉันตัดสินใจเรียกน้องเบอร์ 1 ต่อไป

โฉมหน้าน้อง Hum สุดหล่อ




ราชรถของพวกเรา



พวกเรา 3 สาวขอให้น้องเค้าจอดแวะทุกสถานที่ที่เราเห็นว่าสวย เพื่อถ่ายรูป เฮียวุธที่ขี่รถตามหลัง จึงขอตัวล่วงหน้าไปก่อน น้องเบอร์ 1 บอกว่า ทางไปถ้ำปูคำมีป้ายบอก เราก็เลยไม่ห่วงเฮีย
ใช้เวลาซักพักใหญ่ เราก็มาถึง ถ้ำปูคำ + บลูลากูน ฉันนั่งรอพี่สาว 2 คนที่ขึ้นไปดูถ้ำ
ฉันถาม จนท.ว่า ปลาในบลูลากูนพวกนี้เป็นปลาอะไร จนท.ตอบฉันว่า เป็นปลาทำมะซาด (ปลาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เลยเป็นปลาธรรมชาติ) อืม มีเหตุผลๆ
นั่งรออยู่นาน เฮียแกก็ยังไม่โผล่มาซะที ระหว่างทางก็ไม่เจอ ฉันสังเกตว่า ป้ายบอกทางที่น้อง Hum บอก มันมีป้ายเดียว คือป้ายทางแยกก่อนถึงถ้ำ สงสัยเฮียแกคงหลงไปถ้ำอื่นแน่ๆ
หลังจากเสร็จจากถ้ำนี้ น้อง Hum ก็พาเราไปอีกถ้ำซึ่งจำชื่อไม่ได้ ก็ยังไม่เจอวี่แววเฮีย จนเรากลับมาแล้ว เจอเฮียนอนอยู่บ้านแล้ว สรุป หลงกันนั่นเอง
ตอนที่ฉันเดินไปตามเฮียมากินตำบักหุ่งที่ร้านของแม่น้อง Hum เจอแก๊งค์ 3 สาวซาซ่า กำลังเดินไปเรียน พอน้องๆเห็นกล้อง จากที่เดินเป็นหย่อมๆ ทันใดนั้นเอง น้องจับมือกันยืนเรียงแถว
และยิ้มให้ฉันอย่างรู้งาน เอาล่ะสิฉัน ไม่ถ่ายก็ใจดำละ จัดไปน้อง 1 รูป น้องในกลุ่มก็พูดขึ้นมาว่า หนูไม่มีเงินไปโรงเรียนเลย เอาแล้วฉัน งานเข้าเห็นๆ นางงามก็ไม่ใช่ ไม่ได้รักเด็กขนาดนั้นด้วย
ฉันไม่รู้ว่าต้องให้เท่าไหร่ ก็ดันโชว์โง่ไปถามน้องเค้าอีก ว่าฉันควรให้เท่าไหร่ อีกคนชู 2นิ้ว อีกคนชู 3 นิ้ว ฉันเลยให้ไปคนละ 500 ...เอิ่ม 500 กีบ พอได้ตังฺค์ปุ๊บ 3 สาวซาซ่าก็รีบวิ่งไป
ใครหนอ ไปทำให้เด็กพวกนี้เป็นแบบนี้

3 สาวซาซ่า



หลังจากกินตำบักหุ่งแบบไม่ครบเครื่องแล้ว เราตัดสินใจขี่รถไปหากินเอาดาบหน้า แล้วก็สมใจ เราไปเจอร้านส้มตำข้างทางหน้าวัด เสร็จโก๋...
แล้วก็ไปต่อกันที่ร้านกาแฟ กาแฟอร่อยมาก ถูกด้วย ตกแก้วละ 16 บาทเอง
นั่งละเมียดกาแฟเสร็จ ก็คืนรถ กลับบ้านพักกะไปเล่นน้ำหน้าบ้าน ไปดูเค้าเก็บไค มาทำไคแผ่น ตอนเย็น ชาวลาวทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะมาอาบน้ำกันที่แม่น้ำ อาบกันเป็นล่ำเป็นสัน จนฉันอายไม่กล้ามอง
หลงกันกับอีก 2 สาว เรา 2 คน ฉันกับพี่วุธ เลยตัดสินใจไปกินกะเพราไก่ไข่ดาว ร้านเดิม ร้านน้องปอ และแน่นอน ต้องไม่พลาด เบยลาว






วันที่สาม...

หลังจากจัดการมื้อเช้าที่ร้านกาแฟเป็นที่เรียบร้อย เราออกเดินทางไป บขส กันทันที เพื่อรอขึ้นรถ วันนี้คนไทยเยอะมาก ทุกคนจะไปหลวงพระบางกันหมด ส่วนใหญ่เลือกไปมินิแวนกัน เร็วกว่า
แต่พวกเราเข็ดกับรถเมื่อตอนมาวังเวียง อีกอย่างต้องนั่งนานกว่าเดิมด้วย
หลังจากที่ขึ้นรถไปซักพัก รถก็ดันยางแตก ใช้เวลาพักใหญ่ๆเพื่อรอเค้าเปลี่ยนยางแล้วไปต่อ ซักพักใหญ่มากๆ เราก็มาถึงหมู่บ้านนึง เพื่อแวะกินข้าวกลางวัน และเข้าห้องน้ำ
พอขึ้นรถอีกรอบ คนขับก็เปิดประทุน ปิดแอร์ เอาละชั้น ทางมันต้องทรหดแน่นอน แต่อิชั้นมั่นใจ แค่ไหนก็ไม่หวั่น เพราะอิชั้นมียาแก้เมารถ ซัดมันซะ จะได้หลับยาว 55+
เรามาถึงหลวงพระบางในตอนเย็นแล้ว รถหวานเย็นได้ใจจริงๆ นั่งจนเบื่อ ก็จะเจอกับฝูงคนมามะรุมมะตุ้มกัน พาไปที่พัก
เราเลือกไปเฮือนพักจิตรลดา เพื่อไปพบว่า ห้องพักเต็ม เอาน่ะ ไม่เป็นไร หาข้อมูลมาแล้วนี่ ฉันเลือกไม่ไปซอยโจมา เพราะมั่นใจว่า ใครๆก็ต้องไปซอยนี้ คงไม่มีที่พักเหลือแล้วมั้ง
ก็เลยเลือกจะไปบ้านจูมค้อง แต่ไม่รู้มันไปยังงัยเนี่ยสิ ผ่านร้านกาแฟร้านนึง เห็นลุงเจ้าของร้านยืนอยู่ ก็เลยเข้าไปถาม ลุงบอกว่าเอ่อ เดี๋ยวรอถามป้า ลุงบ่แม่นคนแถวนี้ น่าจะเลี้ยวขัวแยกหน้า
จัดไปตามคำบอก เลี้ยวขวาไปเรื่อยๆ ถามคนอื่นต่อ ปรากฏว่าเรามาผิดทาง อืม... โทษลุงไม่ได้ ลุงแกออกตัวมาแล้วว่าแกไม่ใช่คนแถวนี้
ตอนนั้นเจอบ้านหลังนึง อยู่ตรงข้ามวัดป่าไผ่ ชื่อบ้านป่าไผ่ ห้องพักนี่โดนใจเราเต็มๆ ดูขลังมาก คืนนึง 320 บาท เราขี้เกียจหากันแล้ว เหนื่อยด้วย เลยเอาวะ อันนี้แหละ
หลังจาก เก็บของ ก็ได้เวลาสำรวจเมือง ป้าเจ้าของบ้านถามว่าพรุ่งนี้ใส่บาตรไหม ป้าคิดไม่แพง คนละ 80 บาทเอ๊ง อืม... ขอขัดศรัทธาดีกว่า กลัวไม่ตื่นด้วย
เรา 4 คนกะไปหาอะไรกินกันที่ตลาดคนเดิน ไปถึงเจอร้านผ้าสวยๆ สาวๆก็เลยละลายกันอยู่แถวนั้น ข้าว-เขิ้ว ไม่สนใจแล้ว เลือกๆกันไปซักพัก ฉัน 2คนกับพี่วุธ ก็พลัดกันกับ พี่ไก่และพี่ทิ้ว
เราก็เดินหาๆกัน ไม่เจอ สุดท้ายก็ไม่รอแล้ว ไปกินเฝอตรงข้างๆ ทางขึ้นพระธาตุภูสี เจอพี่คนไทยคนนึง มานั่งกินเฝอรอแฟนช็อปปิ้งอยู่ คุยกัน จนรู้ว่าพี่เค้าพาพ่อแม่มาเที่ยว ขับรถมาเองจากระยอง อู้วว์
ตัวพี่เค้าเองเคยมาหลายรอบแล้ว ส่วนใหญ่ปั่นจักรยานมา!!!! อู้วว์ again สุดยอดมาก
หลังจากอิ่มพอเป็นพิธี ฉันกับพี่วุธ ก็เดินดูของพร้อมกับสอดส่ายสายตามองหา 2 สาวไปด้วย ไปเจอร้านขายซีดีเพลงตรงหัวมุมตลาด เฮียอยากได้ซีดีฮิปฮอปของวงลาว ก็เลยไปเลือกๆกัน น้องคนขาย
เป็นเด็กสาววัยรุ่นหน้าตาดี มีกลยุทธ์ในการขายได้ใจฉัน 2 คนมาก ฉันสนใจซีดีอยู่แผ่นนึง ด้วยปกมันเก๋ดี น้องเค้าก็บอกว่าจะเปิดให้ฟัง เพลงแรกไม่ใช่ ต้องเพลงที่สอง เราก็ยืนฟัง เออ เข้าท่าเนอะ
จังหวะมันส์ดี น้องแกงัดเอาหลักการตลาดมาทันที ว่าน้องเค้าก็ชอบเพลงนี้แหละ ทั้งแผ่นฟังมันแต่เพลงนี้ เพราะเพลงนี้เพลงเดียว คุณน้องขา ขายอย่างนี้เอาใจคุณพี่ไปเลยดีฝ่าค่ะ 55+

พอคิดว่าไม่เจอเจ๊ 2 คนนั้นแน่นอนแล้ว เรา 2 คนก็เลยนั่งรถกันไป 2 คน คืนนี้มิพลาดแน่นอน อยากเห็นบัดสะลบ ของแท้ด้วยตาตัวเอง แน่นอน เราไปดาวฟ้าบันเทิง เธคที่ดังที่สุดในหลวงพระบาง
เราไปถึง 2 ทุ่มกว่าๆได้ คนแน่นอย่างกับป่าช้า อืม สงสัยที่นี่คนจะเที่ยวกันดึก ร้านนี้ได้ใจฉันอีกรอบ การจัดร้าน ข้างหน้ามีเวที หน้าเวทีมีฟลอร์ใหญ่ๆ ประมาณว่ารำวงได้เลย แล้วก็มีเครื่องเป่าฟองสบู่พ่นมาเป็นระยะ
เพลงที่เล่นก็แมว จีระศักดิ์ โลโซ อืม... จังหวะหัวใจ มาไม่ถึงที่นี่แน่นอน เราสั่งเบยและทอดมันมากินกัน ทอดมันได้ใจฉันอีก ทอดมัน=fried potato อืม... อย่าได้หวังว่ามันจะมีปลาหรือหมู ฉันผิดเอง
หลังจากที่เริ่มกรึ่มๆได้ที่ โต๊ะข้างๆที่เป็นคนไทย 2 คนมาชวนฉันไปเต้นที่ฟลอร์ จัดไป..หุหุ พอดึกได้ที่ ความมืดและความเมาเข้าปกคลุมทำให้ฉันหน้าตาดีกว่าเวลาปกติ 50% หนุ่มลาวโต๊ะข้างๆ เลยมาจีบ ฮะนั่นแน่!
น้องเค้ามาคุยกับฉันว่า ฉันมากับใคร ฉันบอกว่ามากับพี่ชาย น้องถามย้ำอีกรอบ ว่าพี่ชายแน่นอนเหรอ แล้วน้องก็ถามว่า "ข้อยขอเป็นแฟนได้บ่" โอ้ว!!แม่เจ้า ตรงได้ใจมาก ฉันเลยเดินไปบอกเฮีย ให้จัดการให้ด้วย
แล้วหลังจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ค่อยได้ เมา 55+




วันที่สี่...

เช้าวันนั้น เฮียมาบอกให้ตื่น ฉันยังไม่พร้อมจะตื่น เลยให้ทุกคนไปเที่ยวก่อน วันนั้นทุกคนก็เลยแยกย้ายกันตั้งแต่เช้า ฉันตื่นได้ซักราวๆ 7 โมงนิดๆ อาบน้ำ แต่งตัว วันนี้มีโปรแกรมว่าจะไปพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
ไปวัดสัก 2วัด แล้วก็หาตั๋วกลับไปเวียงจันทน์
ออกมาจากบ้านพัก คนที่ใส่บาตรวายไปนานแล้ว ฉันเลยออกเดินดูอะไรเรื่อยเปื่อย



2 เท้าพาฉันมาหยุดหน้าพิพิธภัณฑ์ฯ ข้างในยังไม่เปิด เป็นโอกาสดีของฉันที่จะได้ถ่ายอะไรที่ไม่ติดหัวคนเยอะๆ
หลังจากพอใจแล้วฉันก็เดินขึ้นพระธาตุภูสี ซึ่งควรจะต้องขึ้นตอนเย็นเพื่อดูพระอาทิตย์ตก
แต่ฉันไม่อยากไปแย่งวิวกับใครเลยเลือกจะขึ้นตอนเช้าแทน ได้เห็นวิวทั้งเมือง มีหมอกลงด้วย สวยดี แต่กล้อง+ฝีมือห่วยๆ อย่างฉัน ไม่สามารถถ่ายทอดภาพตรงหน้าให้ออกมาสวยได้
ตอนขึ้นไปบนพระธาตุ โชคดีที่เจอพี่ทิ้วและพี่ไก่กำลังเดินสวนลงมาพอดี เราสามคนเลยไปกินโจ๊กกันในซอยไม่ไกลจากพระธาตุนัก โจ๊กอร่อยดี คนเสริฟก็หล่อ หุหุ
ได้เวลาพิพิธภัณฑ์ฯเปิดพอดี เสียปี้ 120 บาทเพื่อเข้าชมข้างใน ที่นี่ห้ามเอากล้องและกระเป๋าเข้าไป เราจึงดูได้แต่ตาเท่านั้นเพื่อเป็นการให้เกียรติสถานที่ แต่คุ้มมากที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ บางห้องเล่นเอาขนลุกไปเลย
ตอนที่ฉันเดินเข้าไปที่ห้องๆหนึ่ง เจอ 2 แม่ลูกคนไทย คนแม่แอบเอามือถือมาแอบถ่าย พอเห็นฉันก็ยิ้มแหยๆให้ แล้วก็หันหลังแอบถ่ายต่อไปอีกหลายช็อต ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆ พูดเบาๆกับตัวเองพอให้เจ๊แกได้ยิน
"ห้ามถ่ายรูป" แล้วฉันก็เดินออกจากห้องไป



เรา 3 คนคุยกันว่า เปลี่ยนที่พักกันดีกว่าคืนนี้ จากนั้นจึงเดินเลาะไปทางบ้านจูมค้อง เลาะไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปด้วย จนมาได้บ้านพักแคมโขง เป็นเรือนพักริมน้ำ คืนละ 400 บาท ห้องน้ำในตัว เราตัดสินใจแทนพี่วุธ ย้ายข้าวของแกออกมา
มัดมือชกซะเลย
ระหว่างนั้น ฉันเอาตังค์ที่ติดตัวมา 3000 บาทไปซื้อตั๋วเครื่องบินมาเวียงจันทน์วันพรุ่งนี้ ตอนนี้ไม่เหลือตังค์ติดตัวเลย เพราะตอนแรกไม่คิดว่าจะกลับเครื่องบิน เลยตั้งใจว่าเดี๋ยวจะไปกดเอทีเอ็ม
ใกล้ๆเที่ยง เรา 3 สาว ก็ออกเดินทางไปวัดเชียงทอง เลาะริมน้ำไปเรื่อย เพื่อดูอาคารบ้านเรือน และหาร้านนั่งกินข้าวด้วย จนมาถึงหน้าโรงแรมกาลาว เป็นตึกสีเหลืองเด่นตระหง่าน เลยตัดสินใจกินข้าวกันแถวๆนั้น
พี่วุธโทรเข้ามาพอดี เราบอกว่าจะรอกันตรงนี้ จนกินข้าวกันเสร็จ ก็ยังไม่เห็นเฮียแกเดินมาซักที จนสุดท้ายแกบอกว่ารอหลังวัดละกัน สรุป แกเดินไปอีกทาง แล้วตึกสีเหลืองเนี่ย หลวงพระบางมีเป็นสิบ ก็เลยไม่เจอกันซักที
หลังจากที่ชมความงามที่วัดเชียงทองเรียบร้อยแล้วนั้น เราก็แยกย้ายกันอีกรอบ 2 สาวไปชมวัดอื่นต่อ พี่วุธจะไปพิพิธภัณฑ์ ส่วนฉันขอตัวไปชาร์จแบตกล้องก่อนที่จะไปหากาแฟกิน
เมื่อฉันทำธุระเสร็จแล้ว ก็เดินเข้าไปในย่านเมืองเพื่อหาอะไรลงท้อง ไปเจอพี่วุธหน้าพิพิธภัณฑ์ เฮียแกจะไปขึ้นพระธาตุภูสี ส่วนฉันว่าจะไปรอร้านกาแฟ ก็เจอ 2 สาวพอดี พวกเราเลยตกลงใจไปกินกาแฟร้านคุณลุง คนที่เราไปถามทางเมื่อวาน ร้านของลุงชื่อร้านกาแฟดอกหญ้า ลุงและป้าเจ้าของร้านน่ารักมาก คุยกันเฮฮา
สำหรับฉัน กาแฟมื้อนี้รสชาดไม่ได้เรื่อง แต่บรรยากาศอร่อย

คืนนี้พวกเราทั้ง 4 คนกะว่าจะไปกินส่งท้ายของทริปกัน พวกเราแยกกันอีกรอบ เพราะ 2 สาวจะไปเดินหาตั๋วรถไปเวียงจันทน์วันพรุ่งนี้ เราเลยนัดเจอกันที่ร้านเฝอร้านหนึ่ง และเราก็หลงกันจนได้ เพราะนัดกันไว้ร้านนึง แต่ฉันเข้าใจว่าเป็นอีกร้านนึง

ฉันไปเดินหาตู้เอทีเอ็มเพื่อกดตังค์ ปรากฏว่าฉันกดเอาเงินออกมาไม่ได้ มันขึ้นว่าบัตรของฉันไม่สามารถกดได้ แล้วก็ error ไปแปปนึง อีก 4 คนที่ยืนต่อแถวข้างหลังฉัน ก็ไม่มีใครกดเงินได้เลย ทุกคนเจออาการเดียวกันหมด
แย่แล้วฉัน ไม่มีเงินติดตัวแล้ว ฉันพลาดเอง พี่วุธใจดีมากพาฉันนั่งรถไปกดเงินอีกตู้นึง ซึ่งอยู่ไกลมาก ก็ไม่สามารถกดได้อีกอยู่ดี แต่โชคดียังเป็นของฉันอยู่บ้าง เราเจอพี่ทิ้วและพี่ไก่พอดี ก็เลยเล่าให้พี่เค้าฟัง โชคดีของฉันที่การมาเที่ยวหนนึ้ ทำให้ฉันได้รู้จักคนดีๆ พี่ทิ้วให้คนแปลกหน้าที่พึ่งรู้จักไม่กี่วันอย่างฉันยืมเงิน 3000 บาท รอดตายแล้วฉัน ตอนนั้นคิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ข้ามฝั่งไทยแล้ว จะรีบโอนคืนทันที (ซึ่งฉันมารู้ทีหลังว่า เงินฉันมันถูกถอนเกลี้ยงบัญชี โดยที่ฉันไม่ได้รับแม้แต่กีบเดียว ทางธนาคารเจ้าของบัตรของฉัน บอกว่าใช้เวลาในการประสานงานและติดตามประมาณ 45 วัน โอ้ว..แม่เจ้า ฉันจะมีแววได้เงินคืนไหมเนี่ย)

ปล.อันนี้เป็นร้านเสริมสวย ชอบร้านนี้เป็นการส่วนตัว



วันที่ห้า...

เช้าสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่กับมิตรภาพที่ดีที่สุดกลุ่มหนึ่งของฉัน เรา 4 คนตื่นไปหาอะไรกินด้วยกันมื้อสุดท้าย ก่อนที่ต่างคนจะต่างแยกย้ายกันไป
พี่สาว 2 คนของฉัน นั่งรถไปเที่ยวเวียงจันทน์
พี่ชายของฉัน นั่งเรือไปปากแบง
ฉันนั่งเครื่องบินกลับเวียงจันทน์เพื่อที่จะกลับเข้าฝั่งไทย

หลังจากที่ฉันมาถึงด่านที่เวียงจันทน์แล้ว ภารกิจหลักที่ฉันต้องทำคือ ไปดิวตี้ฟรี เพื่อหาซื้อหลุยส์ก๊อปให้เพื่อนข้างบ้าน ที่สั่งนักสั่งหนาว่ายังงัยก็ต้องไปซื้อให้มัน
เดินได้ซักชั่วโมงก็ยังไม่ได้สิ่งที่ถูกใจ (ของมัน) ฉันจำเป็นต้องมาแวะที่ตลาดท่าเสด็จ เพื่อทำธุระของคนอื่นให้เสร็จๆไป สรุปว่าฉันเสียเวลากับการเดินหากระเป๋าของเพื่อนไปเกือบ 3 ชั่วโมง สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย
ฉันควรจะได้ขึ้นรถเพื่อไปเชียงคานตั้งแต่เที่ยงๆแล้ว บ่าย 3 ฉันพึ่งจะพาตัวเองมา บขส ที่หนองคายได้ รถที่ฉันขึ้นเป็นรถ หนองคาย-ปากชม ฉันตั้งใจนั่งรถเลียบริมน้ำโขง แล้วไปต่อรถจากปากชมเข้าเชียงคาน
ผลที่มาถึงช้า ทำให้ฉันพลาด รถคันนี้จะไปถึงปากชมตอนทุ่มกว่าๆ ซึ่งแน่นอน รถที่ต้องต่อไปอีกมันไม่มีแล้ว เท่ากับว่าคืนนั้นฉันต้องค้างที่ปากชมอย่างช่วยไม่ได้ พวกป้าๆยายๆบนรถพอรู้ว่าฉันพลาดแล้ว
ก็มีป้าคนนึง ใจดีมาก บอกว่าคืนนี้ให้ฉันไปค้างกับแกก็ได้ ตอนนั้นเหมือนมีใครโยนเชือกมาให้จากปากเหว ฉันก็ต้องคว้าไว้ แกถามฉันใหญ่เลยว่าทำไมมาเที่ยวคนเดียว ไม่กลัวเหรอ มีใครรู้จักอยู่เชียงคานหรือเปล่า
แล้วก็ถามว่าฉันอายุเท่าไร อยู่ที่ไหน เอาผัวหรือยัง (แกถามอย่างนี้จริงๆนะ) พอฉันบอกว่ายังบ่เอาจ้ะ แกบอกเลยว่า ดีๆ มาเป็นลูกสะใภ้แม่ไหม (เปลี่ยนสรรพนามทันที) พร้อมกับควักรูปลูกชายมาให้ดู เอิ่ม...
นั่งรถไปได้ซักระยะ ฉันเริ่มเข้าใจแล้ว ว่าทำไมรถออกบ่าย 3 ไปถึงปากชมทุ่มกว่า ทำไมถึงนานขนาดนั้น ลุงคนขับแกเหยียบประมาณ 30 cm ต่อชั่วโมงได้ ประมาณว่าคนขี่จักรยานยังแซงลุงแกได้ หวานเย็นๆๆ
แถมมีจอดแวะเป็นจุดๆ ไม่ได้แวะธรรมดา แวะให้ผู้โดยสารลงไปซื้อกับข้าว เวรกรรม เกิดมาพึ่งเคยเจอ ดีนะที่คืนนั้นฉันมีที่นอนแล้ว และวิว2 ข้างทางสวยพอให้อภัยได้
รถแล่นมาจนถึง อ.สังคม อ.สุดท้ายของหนองคาย อ.หน้าก็เป็นปากชมแล้ว เห็นวิวแล้วฉันบอกกับตัวเองทันทีว่า สังคมจ๋า มื้อหน้าเจอกัน
คนบนรถลงที่อำเภอนี้กันหมด เหลือแต่ฉันกับคุณป้า 2 คน อ้อ ลุงคนขับด้วย หลังจากรถแล่นซักระยะ 2 ข้างทางมืดสนิท ป้าแกก็คุยกับฉัน
ป้า : หนูจะนอนได้เหรอ บ้านแม่เนี่ย บ้านนอกนะ
ฉัน : ได้ค่ะ ได้ (ไม่ได้แล้วจะให้ไปนอนไหนล่ะ)
แล้วป้าก็เริ่มสาธยายว่ามีใครอยู่บ้าง อยู่กี่คน เป็นกระเทยกี่คน เป็นเด็กสาวกี่คน สรุปป้ามาเฉลยเอาว่า บ้านป้าเป็นร้านคาราโอเกะ แต่ไม่น่ากลัวหรอก ไอ้ฉันตอนนั้นก็ยังไม่เก็ท นึกว่าร้านอาหารมีคาราโอเกะธรรมดา
ก็ออกตัวว่าดี เดี๋ยวจะไปช่วยเสริฟอาหาร ซักพักป้าก็เริ่มเล่าเรื่องเด็กในร้าน สรุปอีกที เป็นร้านคาราโอเกะแบบมีหนูๆด้วย อืม... งานเข้าล่ะสิฉัน ทำใจดีสู้เสือไว้ว่าไม่เป็นไร

หลังจากที่มาถึงแล้ว กินข้าวเรียบร้อยแล้ว คืนนั้นอากาศหนาวมาก บวกกับบรรยากาศ ทำให้ฉันเลือกที่จะไม่อาบน้ำ นอนมันทั้งชุดที่ใส่อยู่ ทำเนียนๆจะไปช่วยเค้า ก็เลยได้คุยกับสาวคนหนึ่ง เป็นน้องเก้ง เค้าก็คุยสนุก
เล่าให้ฟัง พวกแขกทรามๆ แขกเลวๆ แขกคนไหนเมาแล้วชอบล้วงชอบควักยังงัย เล่าจนฉันขนลุกแทบจะขอตัวเลี่ยงไปนอน จนกระทั่งมีลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามา แล้วมีคนเมาคนนึงเดินมาหาฉัน เหมือนจะมาชวนไปนั่ง ฉันทำเป็นฟังไม่ออกแล้วเดินหนีไป ไปนอนเลย
ทรมานมากคืนนั้น เพราะที่พักอยู่ห่างจากร้านแค่เดินไม่ถึง 10 ก้าว เสียงเพลงดังโหยหวน ประตูห้องก็ล็อคไม่ได้ ไข้ก็ขึ้น ยาลดน้ำมูกก็ไม่กล้ากินเพราะกลัวหลับไม่ตื่น คืนนั้นหลับๆตื่นๆ ทรมานมาก จนเช้า
พี่ผู้ชายก็ขี่รถมาส่งที่ท่ารถ พร้อมกับให้น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มากิน รู้สึกผิดขึ้นมาเหมือนกันที่ไประแวงพวกเค้าไว้


วันที่หก...

ฉันนั่งรถหวานเย็น ปากชม-เมืองเลย มาลงที่แยกบ้านธาตุ เพื่อต่อรถหวานเย็นอีกคันเข้าเชียงคาน ระยะทางจากปากชมประมาณ 40 กว่าโล ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ตอนนั้นใจฉันอยู่เชียงคานเรียบร้อยแล้ว

เชียงคาน... มาถึงจนได้ นั่งรถสามล้อ กะมาหาที่พักแถวๆริมน้ำ นึกอะไรไม่ออก บอกคนขับว่ามาบ้านป้าศรีพรรณ ป้าคนดังแห่งเชียงคาน
ป้ากับลูกสาวและลูกเขย ต้อนรับเหมือนฉันเป็นลูกหลานกลับมาเยี่ยมบ้านยังงัยยังงั้น พวกคุณป้าๆ จากบ้านฝั่งตรงข้าม พอรู้ว่าฉันมาคนเดียว พึ่งมาจากลาว ก็มาล้อมวงคุยกับฉันยกใหญ่
"เป็นผู้หญิงมาเที่ยวคนเดียว ไม่กลัวเหรอ" เป็นคำถามที่ฉันเจอจนชิน
"เป็นผู้หญิงมาเที่ยวคนเดียว เป็นนักเขียนเหรอ" เออ!! อันนี้คำถามใหม่
แล้วป้าทุกๆคนก็ชวนฉันไปเที่ยวบ้านแก ฉันก็สัญญาไว้กับทุกคนว่าเดี๋ยวจะไป
วันนั้นเป็นวันอังคาร นักท่องเที่ยวบางตา บ้านพักหลังนั้น มีฉันคนเดียวที่มาพัก
หลังจากเก็บของ ล้างหน้าล้างตา กินข้าวแล้ว (โชคดีจังได้กินอ่อมฝีมือป้าด้วย) ฉันเช่าจักรยานเพื่อที่จะขี่ไปเที่ยวที่แก่งคุดคู้ ขี่ไปได้ประมาณ 1/3 ทาง ฉันก็ขี่รถกลับมา ไม่ไหวแล้ว ไกล เหนื่อย ร้อน โรคงี่เง่ามันออก
พี่สิทธิ์ลูกเขยของป้า กับป้า ให้ฉันเอาไอ้เขียว รถแก่ๆของแกขี่ไป ไม่ลองไม่ได้แล้ว
ฉันตัดสินใจขี่ไอ้เขียวกลับไปอีกรอบ ขี่ไปพูดกับมันไป เขียวเอ๊ย อย่าพึ่งรวนนะลูก ขอเที่ยวก่อน อย่าพึ่งเกเร



ที่แก่ง มีคาราวานรถมอเตอไซค์โบราณ ของชมรมคนรักรถโบราณ จอดเรียงกันพรึ่บ ไอ้ฉันก็ก๋ากั่นมาก เอาไอ้เขียวไปจอดข้างๆ อย่างไม่คิดอะไร ทุกคนตรงนั้นมองฉันกันทั้งหมด
ฉันก็ยังคงไม่สนใจ เดินถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย จนเดินกลับมาที่รถตัวเอง 1 ในกลุ่มนั้นเรียกฉันไปคุย แล้วคิดดู หน้าตาพวกพี่ประมาณเพื่อชีวิตคาราบาวประมาณนั้น เรียกฉันห้วนๆ
"น้องๆ มานี่ดิ๊ ขอคุยด้วยหน่อย" เอาแล้วฉัน พยายามนึกย้อนเมื่อกี๊กรูไปเหยียบตรีนใครเข้าหรือเปล่าหว่า เที่ยวมาจะครบอาทิตย์ จะมาตายเอาอีวันนี้แหละวะ
"น้องมาคนเดียวเหรอ" "เที่ยวคนเดียวไม่กลัวเหรอ" "เป็นนักเขียนเหรอ" ......... สรุปคือ ไอ้เขียวของฉันมันเก่าได้ใจ พี่แกเลยชวนเข้าชมรม 55+





พอกลับมาฉันก็ไปร้านบ้านดอกฝ้าย กะจะไปขอบคุณ"คุณปุย" เจ้าของร้าน เพราะฉันไปโพสต์ถามทางไปเชียงคานจากหนองคายไว้ ในเว็บบอร์ดแห่งนึง ปรากฏว่าคุณปุยไม่อยู่ อยู่แต่พี่อีกคนชื่อ"พี่นพ"
คุยกันไปมา ก็เจอคำถาม "เป็นผู้หญิงมาเที่ยวคนเดียวไม่กลัวเหรอ" "เป็นนักเขียนเหรอ"
วันนั้นฉันขลุกอยู่ที่นั่น พี่นพใช้ให้ฉันเฝ้าร้าน อ่ะ เอาก็เอาวะ พอแกกลับมาแกก็ชวนฉันกินข้าว ไอ้เรามันก็หน้าด้านอยู่แล้ว เลยตอบตกลง 55+
พี่นพถามฉันว่าฉันทำอะไรเป็นมั่ง ไข่เจียว ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น มาม่าต้ม คือคำตอบของฉัน พี่แกบอกว่า ดีเลย งั้นทำกับข้าวให้พี่กินละกัน!!!
สรุปเย็นนั้นฉันนั่งเจียวไข่ ทอดปลาทูให้เจ้าของบ้านกิน
พอกลับมาที่บ้านพัก อากาศหนาวแล้ว ฉันเลยตัดสินใจซื้อผ้าห่มนวมจากร้าน นิยมไทย ร้านยายฝั่งตรงข้าม ผืนละ 450 +ค่าส่ง 90 ก่อนขึ้นนอน




วันที่เจ็ด...

เช้าวันนั้นฉันตื่นเช้าที่สุดเพื่อมาใส่บาตรตามคำเชิญชวนของคุณป้า จ่ายค่าข้าวเหนียวไป 20 บาท (ถูกกว่าที่หลวงพระบาง 4 เท่า) วันนั้นหมอกหนามาก ทำให้พระท่านออกมาเดินบิณฑบาตรกันช้ากว่าปกติ
อืม... ได้ใส่ซะที บาตรข้าวเหนียว เสร็จแล้วก็อาบน้ำ เก็บของเพื่อที่จะนั่งรถไปอุดร ก็มีคนมาหาฉันแต่เช้า
ปรากฏว่าเป็นคุณปุย แห่งบ้านดอกฝ้าย คนที่อยากเจอเมื่อวานนั่นเอง คุยกันไปซักพัก แกชวนไปกินกาแฟ ฉันก็ตอบตกลงอีกแล้ว
พอเก็บของเสร็จ กำลังจะไปเดินร่ำลาคุณป้า คุณย่า คุณยาย ก็มีคุณป้าจากบ้านเยื้องๆกัน ที่เมื่อวานฉันให้สัญญาไว้ว่าจะไปหาแล้วฉันก็ลืม แกก็ตัดพ้อฉันใหญ่ งอนว่าอุตส่าห์รอ
กว่าฉันจะร่ำลาเสร็จ ก็สายพอดี พี่สิทธิ์ขี่รถไปส่งที่ท่ารถ ฉันขอให้พี่เค้าไปแวะร้านบ้านดอกฝ้ายเพื่อลาคุณปุยกับพี่นพ ปรากฏว่าฉันไปแล้วไม่เจอใครเลย ก็เลยตัดสินใจไปต่อ

นั่งรถจากเชียงคาน เข้าตัวเมืองเลย เพื่อที่จะต่อรถไปอุดร มาถึงอุดรเอาตอนบ่าย 2 ไม่รู้จะทำอะไร เพราะวันนี้บินกลับกทม ไฟล์ทสุดท้าย 20.25 นู่นแน่ะ
เลยนั่งรถเที่ยวตัวเมือง ช่วงนั้นมีงานประจำปีพอดี แล้วก็ตัดสินใจมานั่งรอบินที่สนามบิน เพราะขี้เกียจเดินแล้ว

คิดถึงกรุงเทพ คิดถึงที่นอน คิดถึงห้อง นั่งคิดถึงไปซักพัก
กลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มใหญ่มาก มาชุมนุมกันที่สนามบินอุดร ตอนนั้นประมาณ 5 โมงเอง ฉันต้องมานั่งลุ้นว่าฉันจะได้กลับไหมว้า พร้อมกับนึกสรรเสริญพวกที่อยู่ข้างนอกในใจ

สุดท้ายฉันก็กลับมาถึง กทม อย่างปลอดภัย

จบการเดินทาง


วันนี้ฉันมีคำตอบในใจ

เป็นผู้หญิงไปเที่ยวคนเดียวไม่กลัวเหรอ ... กลัว กลัวจะไม่ได้ไปอีก 555

ปล.
ขอบคุณมิตรภาพดีๆที่เกิดขึ้น
ขอบคุณพี่ไก่ พี่สาวที่มักนำเรื่องอะไรๆ มาให้เราฮาได้
ขอบคุณพี่ทิ้ว พี่สาวอีกคนที่ไว้ใจน้องแปลกหน้า ถ้าไม่ได้พี่ ยังไม่รู้ว่าจะกลับมายังงัยเลย
ขอบคุณพี่วุธ พี่ชายคนเดียวในทริป ที่พาน้องกลับถึงที่พักได้อย่างปลอดภัยทุกคืน
ขอบคุณคุณยายแปลกหน้าที่ให้ไปพักที่บ้าน
และอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง
พี่ๆค้าบ ไว้เราไปเที่ยวกันอีกน่อ...


รูปและรายละเอียดน้อยไปหน่อย เพราะพล่ามเยอะ ถ้าใครอยากสอบถามข้อมูล ถามได้ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าของบล็อกฉีดยาแล้วจ้า ยินดีทำตัวเป็นประโยชน์กับทุกๆคน อิอิ


ปล.สุดท้าย - ใครไม่เม้นขอให้เป็นหมัน




 

Create Date : 15 ธันวาคม 2551
26 comments
Last Update : 16 ธันวาคม 2551 22:49:47 น.
Counter : 3777 Pageviews.

 

เซ็งเลย อิจฉาชาวบ้านได้ไปเที่ยวโว้ย

 

โดย: กวน โอ๊ย IP: 115.67.76.3 16 ธันวาคม 2551 23:04:34 น.  

 

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ
เราก็ชอบเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน..

 

โดย: chuwab 16 ธันวาคม 2551 23:19:21 น.  

 

ยาวมาก แต่ก็ตามอ่านจนจบ

ไว้ไปทริปหน้าอย่าลืมเขียนให้อ่านอีกล่ะ

 

โดย: Crono 16 ธันวาคม 2551 23:32:42 น.  

 

ติดอกติดใจผู้ชายลาว ที่นู้นอ่ะดิ กลับมาพูดถึงน้อง Hum ตลอด 555

 

โดย: Rachel IP: 208.22.104.18 17 ธันวาคม 2551 8:27:08 น.  

 

ฉันหลวมตัวเข้ามาอ่านแล้ว ฉันต้องคอมเมนท์ของแกใช่มั้ยเนี๊ยะ อิอิอิ อยากไปอ่ะเสียดายไม่ได้ไปด้วย ไว้โอกาสหน้าละกัน สบายดีหวงพระบางเด้อ :-P

 

โดย: Thi IP: 63.161.86.254 17 ธันวาคม 2551 8:48:42 น.  

 

เขียนหลวงพระบางตกอ่ะ ขอโทษหลายๆ เด้อ

 

โดย: Thi IP: 63.161.86.254 17 ธันวาคม 2551 8:50:00 น.  

 

อยากทำอย่างนี้บ้าง อิจฉาเนอะ

 

โดย: jin-ka 17 ธันวาคม 2551 9:24:22 น.  

 

กลัวเป็นหมันค่ะเลยต้องเม้นท์ เอิ๊กกกกกก
แอบมาดูคุณทึงฮะเขียนได้งัยเนี้ยยาวมากๆ(ชอบนะค่ะ)
คงเห็นคนมีสมาธิดีมั้กมาก สงสัยว่าคุณคงจะเขียนได้อีกเยอะอยากเป็นเหมือนคุณจังคะ

 

โดย: Opey 17 ธันวาคม 2551 12:04:31 น.  

 

อ่านถึงวันที่สองกำลังสนุกค่ะ ว่าแต่เจ้านายเรียกเด่วไว้มาอ่านใหม่ค่ะ

 

โดย: Opey 17 ธันวาคม 2551 12:14:55 น.  

 



ซำบายดี ขอบคุณที่แวะเข้ามา อ้ายหวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะครับ

 

โดย: veerar 17 ธันวาคม 2551 20:46:22 น.  

 

เก่งจัง

 

โดย: travelthailand (bookinganywhere ) 18 ธันวาคม 2551 11:37:20 น.  

 

เก่งมากเลยน้องเอ้ ตัดสินใจไปเที่ยวคนเดียว (ก่อนเจอพี่ๆคนอื่น)

 

โดย: หลังคาดำแดง 18 ธันวาคม 2551 12:22:27 น.  

 

อ่านดูแล้ว โหหหหห เก่งมากเลยไปเที่ยวคนเดียว น่าสนุก

เพิ่งไปเชียงคานมาเหมือนกัน พักที่บ้านดอกฝ้าย

เจ้าของบ้านน่ารักม๊่ากกกกก ถ้าได้ไปอีกลองไปพักดูนะคะ

 

โดย: OmoOplus IP: 117.47.170.177 18 ธันวาคม 2551 18:36:31 น.  

 

ตอนแรกนึกว่าไปเที่ยวเชียงคานคนเดียวซะอีกค่ะ ที่ไหนได้ ไปถึงหลวงพระบางอีกตะหาก เก่งมากเลยค่ะ คุณจขบ.

 

โดย: nLatte 19 ธันวาคม 2551 11:15:10 น.  

 

ว่าจะไปเหมือนกันค่ะ

มาขอข้อมูลนะคะ

 

โดย: Still Alive IP: 124.120.107.186 21 ธันวาคม 2551 20:43:05 น.  

 

. . .ยังไม่เคยไปถึงหลวงพระบางเลย
. . .แวะมาสวัสดีปีใหม่ครับ มีความสุขมากๆเน้อ

 

โดย: B.B.P. IP: 124.120.11.197 25 ธันวาคม 2551 16:30:03 น.  

 

แวะมาทักทาย และ สวัสดีปีใหม่ค่ะ

โห!! ดูแล้วอยากไปมั้งจังคะ ต้องหาเวลาไปมั่งซะแว้ววว

 

โดย: นู๋ดาเมะ (daraly ) 27 ธันวาคม 2551 11:21:09 น.  

 

สุดยอด

อิจฉามาก

 

โดย: นายแมมมอส 28 ธันวาคม 2551 14:49:34 น.  

 

ไม่กลัวคำแช่งเพราะอยาก comment มากมาย...
เก่งนะ...ที่ไปเที่ยวคนเดียว...เราก็อยากทำอย่างนี้แหละ..แต่ไม่กล้าพอ
เลยกลายเป็นทริปรวมก๊วนเพื่อนเก่าเที่ยวกัน...ไปรถตู้ก็สนุกดี...ได้ดูวิวทิวทัศน์สองข้างทาง
นัดหมายกับเพื่อนว่า ครั้งหน้าหิ้วเป้เดินทางเองกันบ้างเถอะ
เราจะได้เดินชมเมืองได้อย่างใจ....

>>ขอบคุณที่แวะไปแจ้งชื่อผับ...ทำไมเราลืมไปได้นะเนี่ย...
ทั้งเมืองมีแค่ 2 ผับเองอ่ะ

 

โดย: นัทธ์ 28 ธันวาคม 2551 21:49:50 น.  

 

ตามมาขอบคุณที่แวะไปเยียมผมนะครับ ไปช่วงเดียวกันแต่เที่ยวได้ต่างๆกันนี่ล่ะมั้งเสน่ห์ของการท่องเที่ยว อ่านแล้วไม่เม๊นท์เดี๋ยวจะเป็นหมัน 555 มุขนี้ขอยืมไปลงblog ตัวเองมั้งนะครับ จะได้มีคนมาเม๊นท์เยอะๆหน่อย เรื่องของผมพึ่งตอนแรก อย่าลืมแวะไปอ่านประสบการณ์ต่าง จากที่เดียวกันของผมต่อนะครับ

 

โดย: 1twenty2 28 ธันวาคม 2551 23:08:41 น.  

 

*** เป็นคนชอบเที่ยวเดี่ยวเช่นกันค่ะ สนุกและได้สาระอย่างที่เราต้องการ ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนร่วมขบวนการเหมือนกัน กรุณารับแอด msn ที่ myway2511@hotmail.com ค่ะ คือว่าถ้าไม่รับแอด จะเป็นหมันนะคะ เพราะว่าอ่านแล้วเม้นท์แล้วด้วย 555555

ไปเที่ยวแล้วจะมาเล่าให้ฟังเช่นกันค่ะ // เพลง

 

โดย: เพลงพระจันทร์ IP: 203.150.200.210 1 มกราคม 2552 9:11:51 น.  

 

เขียนสนุกดี....

สวัสดีครับ.....

 

โดย: Art999. 1 มกราคม 2552 22:51:22 น.  

 

เขียนได้น่ารักน่าอ่านมาก ๆ เลยเอ้
..รวมเล่มซะเลยดีไหม..

 

โดย: โสดในซอย 3 มกราคม 2552 11:07:47 น.  

 

สวัสดีค่ะ คุณจขบ.

จากบล็อก แนะนำให้ไปเลยค่ะ วังน้ำเขียว อากาศดีมากกกจริงๆค่ะ
แต่ควรไปช่วงหน้าหนาวหน่อยนะคะ เพราะตอนกลางวันแดดแรงอยู่เหมือนกัน
ที่เที่ยวไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ คิดว่าค้างคืนเดียวก้อเก็บหมดแล้วล่ะค่ะ

สวัสดีปีใหม่ 2552 นะคะ
ขอให้คุณจขบ.มีความสุขมากๆนะคะ

 

โดย: nLatte 6 มกราคม 2552 17:05:25 น.  

 

ใจกล้าจังเจ้าของ Blog นี้

 

โดย: SuperGig IP: 124.122.145.184 13 มกราคม 2552 21:46:32 น.  

 

อ่านมาเกือบทุกหัวข้อแล้วจ้า
อ่านเพลินดี

 

โดย: เปาน้อย IP: 124.121.16.165 17 เมษายน 2552 23:51:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ตัวเล็กแต่กินจุ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




สวย ถึก และบึกบึน
Friends' blogs
[Add ตัวเล็กแต่กินจุ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.