หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ
90818 กาลิเลโอ เคยหนีหรือเปล่า?

หมู่ตึกมารสำราญ บ่วงซื่อเฮง
-0-ใจดี, มีเมตตา, เฮฮา
ร่าเริง, เบิกบานใจ, ไร้กังวล
หุบเขาคนโฉด, หมู่ตึกมารสำราญ, ภาพยนตร์ไทย, 2009, GTH, หนีตามกาลิเลโอ
Galileo1

Dear Galileo

Galileo2
ผมได้ไปดูหนังวัยรุ่นมาเรื่องหนึ่ง
ชื่อ หนีตามกาลิเลโอ
ผมคิดว่าเป็นหนังที่สะท้อนความจริงของวัยรุ่นไทยปัจจุบันได้ดีมาก

วัยรุ่นไทยในวันนี้ ส่วนใหญ่ ก็ประมาณว่า จริงใจ ใสซื่อ ดื้อรั้น รักเพื่อน รุนแรงกับความรัก เรียนไม่จบ เรียนจบไม่อยากทำงาน ทำงานก็ขยันสร้าง "งาน" อันไม่พึงประสงค์จะให้ทำ มีปัญหากับนาฬิกาตอกบัตรที่ทำงาน อยากเที่ยวเล่นมากกว่าตื่นไปทำมาหากิน แถมยังบ้าวัตถุไฮเทค และใจกล้า ลองทำได้หมดทุกเรื่อง(ที่ไม่น่าทำ)
สิ่งที่ผมเก็บออกมาจากโรงหนัง ก็คือ ความรู้สึกว่า การชวนกันไปอยู่ต่างประเทศกับเพื่อนแค่ 2 คน คำมั่นสัญญาว่า "เราจะไม่ทิ้งกัน" มันสำคัญมาก แต่สัญญานั้นจะอยู่ได้นานแค่ไหน ในเมื่อมนุษย์ทุกคนต่างก็มีกิเลสและความโง่เขลาอยู่กับตัวตลอดเวลา เมื่อต้องจากกันจริงๆ ก็ขอแค่ได้(ถูก)คิดถึง...ก็เป็นสุขใจ




ขออนุญาตนำข้อความโปรโมทหนังของเว็บจีทีเอชเอามาแปะไว้ตรงนี้ เพราะเห็นว่า เป็นข้อความที่ชัดเจนดี
“หนีตามกาลิเลโอ” หนังรักของผู้กำกับ ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร ค่าย จีทีเอช ที่บินไปถ่ายทำถึง 3 ประเทศ เรื่องราวของ เชอร์รี่ (ต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ) และ นุ่น (เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ) คนหนึ่ง หนีรัก อีกคน หนีเรียน แล้วบินไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ข้ามขอบฟ้า อังกฤษ, ฝรั่งเศส และ อิตาลี เสิร์ฟไป เที่ยวไป และที่ฝรั่งเศส นุ่น (เต้ย-จรินทร์พร) มีโอกาสได้พบกับ ตั้ม (เรย์ แมคโดนัลด์)



การหนีปัญหา เพราะโทษว่าคนรอบข้างผิดหรือไม่ได้เรื่อง ได้ถูกถ่ายทอดให้เราได้เห็นในอีกมุมมองหนึ่ง การหนีคนอื่นเพราะคิดว่าพวกเขาเป็นปัญหา แต่ไม่ว่าไปที่ไหนปัญหายังคงเกิดขึ้นได้อีก ก็น่าจะแปลได้แล้วว่า สาเหตุอยู่ที่เรา อย่าไปโทษผู้อื่นเลย จะหนีตัวเองไปไหนก็ไม่พ้น ถ้าไม่แก้ไขที่ตัวเองให้เรียบร้อย


เนื้อเรื่องคร่าวๆ


เพื่อนซี้สองสาวไทยวัยยังรุ่นๆ คนหนึ่งเป็นสาวมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย อีกคนหนึ่งเรียนจบมาได้อุ่นๆ คนเรียนไม่จบนั้นโดนคดีใหญ่ถึงขั้นพักการเรียน และได้ F ตัวแรกในชีวิต และเพื่อนของคนได้ F ก็ตกที่นั่งบัณฑิตอกหัก ต่างคนต่างมีปัญหาตามประสาวัยรุ่น คนได้ F ไม่สามารถรับความจริงได้ เพราะเธอเป็นเด็กระดับเหรียญทองเกียรตินิยม ทำให้ไม่อยากเจอหน้าใคร ส่วนคนที่อกหักก็เพราะว่า ฝ่ายชายต้องการอิสระ ไม่อยากได้แฟนเป็นตุ๊กแก อยากมีเวลาส่วนตัว ผลลัพธ์ออกมาก็คือการเลิกคบกัน และฝ่ายชายก็ดันไม่ยอมง้อ ฝ่ายหญิงเลยต้องอกหัก แถมตัดใจก็ไม่ได้อีก เฮ้อ!


Galileo10 สะพานหมีพูห์คนสอบตก หรือเชอร์รี่ อาศัยอยู่กับพ่อและน้องชาย เป็นคนเรียนหนังสือเก่ง ไอคิวดี แต่อีคิวต่ำ ไม่ค่อยยอมทำตามกฎต่างๆของสังคม ถึงเธอจะขยันเรียน แต่เธอกลับไม่ชอบทำงานบ้าน ไม่ชอบซักผ้า ไม่ล้างจาน ไม่ทำความสะอาดบ้าน เธอเรียนด้านสถาปัตย์ฯ แต่ปีนี้เธอเรียนไม่จบ เพราะมีเรื่องกับอาจารย์ โดยเธอปลอมลายเซ็นอาจารย์เพื่อขอใช้ห้อง เพราะอาจารย์ไม่มา แต่งานนี้เชอร์รี่ไม่รอด เธอต้องการหนีปัญหาในวันนี้ เพราะอายเพื่อน อายพ่อ อายทุกคนที่เธอรู้จัก แต่ก็ยังปากแข็งไม่ยอมรับว่าผิด


คนอกหัก หรือนุ่น มีนิสัยซื่อซ่อนดื้อ นอกนั้นก็เรียบร้อยประมาณผ้าพับไว้ เป็นคนมีระเบียบ น่ารัก เฮฮา แต่ขี้เหงา ขี้อ้อน เรื่องอกหักทำให้นุ่นตัดสินใจขอพ่อแม่ไปหางานทำที่เมืองนอก ซึ่งคำตอบของพวกท่านก็คือ “ไม่ได้” แต่นุ่นก็บอกกับตัวเองว่า "จะไปให้ได้" ฐานะทางบ้านของนุ่น ดูๆแล้วก็น่าจะดีพอสมควร พ่อแม่คงไม่อยากให้ลูกไปลำบาก


Galileo4 ลอนดอนอายคนหนึ่งพ่อไม่ว่าอะไร ได้แต่อือๆ อีกคนจะไปโดยไม่ฟังคำคัดค้านของพ่อแม่ แผนการเดินทางไปทำงานต่างประเทศจึงเกิดขึ้น เมื่อรวบรวมเงินเก็บได้ มีพาสปอร์ต มีวีซ่า ซื้อตั๋วเครื่องบิน อึม...สองสาวก็นั่งเครื่องบินจากเมืองไทย ตรงไปอังกฤษ โดยคาดว่าจะไปประหยัดค่าที่พักโดยอาศัยร่วมกับพี่ที่รู้จัก ซึ่งวันที่ไปถึงลอนดอนนั้น พี่คนนั้นได้ย้ายที่อยู่แบบปุ๊บปั๊บ งานนี้เจออุปสรรคมากมาย จนสุดท้ายต้องออกหางานทำ ก็ต้องแยกทำคนละร้าน ทั้งสองได้เป็นเด็กเสิร์ฟอาหารในร้านอาหารไทยในลอนดอน ทำงานไป เก็บเงินไป เที่ยวที่โน่นที่นี้ในวันหยุดไป ได้เห็น Big Ben, London Eye, แม่น้ำเทมส์, สโตนเฮจน์, ได้เห็นพระราชวังบัคกิ้งแฮม ฯ


วันหนึ่งพวกเขาได้ไปเที่ยวชมป่า ซึ่งผมเดาว่าเป็นป่าแอชดาวน์ ในเมืองอีสต์ซัซเซก สะพานข้ามลำน้ำ น่าจะอยู่ในการ์ตูนของวอลต์ดิสนีย์เรื่อง หมีพูห์ หรือ วินนี่ เดอะ พูห์ สองสาวไปเล่นเกมโยนกิ่งไม้ หรือ “Pooh Stick” และก็ได้ทดลองตามวิธีของกาลิเลโอ คือการปล่อยของสองสิ่งลงมาพร้อมๆกัน จะถึงพืนเท่าๆกัน แต่ไม่ว่าจะสนุกเล่นสนานกันมากน้อยอย่างไรก็ตาม การอยู่ในอังกฤษไปเรื่อยๆ สองคนก็เริ่มเบื่อ และเชอร์รี่ก็ก่อเรื่อง แถมยังเกิดเรื่องวิกฤตกับร้านที่เชอร์รี่ทำงานอีกต่างหาก (แหม...อะไรจะซวยขนาดนั้น) คราวนี้ทั้งสองจึงต้องเผ่นไปประเทศอื่น นั่นก็คือ ฝรั่งเศส


Galileo9 หอไอเฟลที่ฝรั่งเศส เงินถูกขโมย สองสาวต้องไปทำงานในร้านอาหาร(อีกแล้ว) แต่เพราะว่าพูดฝรั่งเศสไม่ได้ จึงต้องทำงานที่พวกเธอไม่ชอบ ส่วนที่พักอาศัยในปารีสนั้นก็เป็นตึกเก่าๆ ลิฟต์ก็ไม่มี บันไดก็แคบ ค่าเช่าก็ยังแพงอีก สองสาวก็ดันไปสร้างความรบกวนให้กับผู้ร่วมเช่า (มีแต่เรื่อง...) ด้วยนิสัยผู้หญิงๆของนุ่น มาเจอกับนิสัยเซอร์กะปรก(เซอร์เคิล+สกปรก) ขาดความสะอาด กินอยู่แบบรกรุงรัง ฯ จึงทำให้เกิดเรื่องทะเลาะกัน เพราะช่วงหลังๆ มีแต่การทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวกันเลย ทั้งๆที่อยู่ในนครปารีสแท้ๆ การโต้เถียงกันก็นำไปสู้...การไม่โต้เถียง กันอีกเลย ต่างคนต่างอยู่ แม้คำว่า "สวัสดี" ทักทายกัน ก็ไม่มีที่จะเอ่ยอีกต่อไป คำว่า "เพื่อนที่จะไม่มีวันทิ้งกัน" ก็กลายเป็นคำว่า "คนน่ารำคาญ"


Galileo11 ประตูชัยนุ่นเปลี่ยนแปลงตัวเอง เธอกลายเป็นคนที่ชอบออกไปข้างนอกคนเดียว ไปเดินเที่ยวเตร่ บางทีก็ไปนั่งเล่นริมแม่น้ำจนหมดวัน หรือไม่ก็นั่งรถไฟใต้ดินไปโผล่ที่โน่นที่นี่ จนวันหนึ่งนุ่นก็ได้โผล่จากใต้ดิน ขึ้นไปเจอกับผู้ชายคนไทยที่ชื่อ ตั้ม(ชื่อนี้ซ้ำกับชื่อแฟนเก่าของนุ่น) นุ่นเลยต้องขอเรียกเขาว่าพิสิทธิ์ (ซึ่งเป็นชื่อจริงของเขา) เพราะแสลงใจกับชื่อตั้ม


สำหรับพิสิทธิ์ เขาเป็นหนุ่มไทย ที่บอกว่าเรียนไม่จบอะไรเลย (ซึ่งไม่น่าเชื่อเพราะพูดฝรั่งเศสคล่องปรือ) ทำอะไรเก่งไปหมด เขามาอยู่ที่ปารีสหลายปี โดยไม่มีงานประจำ แต่เขามีวิธีหารายได้ของเขา และมีความเป็นอยู่เรียบง่าย จนบางทีก็เหมือนว่าเป็นคนแปลกพิลึก ที่พักอาศัยของเขากับเพื่อนๆก็ไม่ธรรมดา พิสิทธิ์ยอมจ่ายค่าปรับได้ทุกครั้งที่โดนปรับ เขาทำตามกฎ และยอมรับว่าตัวเองและเพื่อนๆทำผิดกฎ แต่ก็ยังทำอยู่ (แปลกหรือไม่?) เพราะอะไร? ต้องไปถามเขาเอาเอง เขายอมเสียค่าปรับ เหมือนกับที่เราจอดรถในที่ห้ามจอด ก็ต้องจ่ายค่าปรับ ผิดกับเชอร์รี่ที่ชอบทำผิดกฎ โดยเฉพาะกฎของสังคม และกฎหมายของต่างประเทศ ซึ่งถ้าโดนจับก็จะต้องติดคุก หรือไม่ก็ถูกส่งกลับประเทศ และโดนขึ้นบัญชีดำ แต่เชอร์รี่ก็ยังชอบทำผิด (และมักจะรอดตัว เฮงเฮงเฮง จริงๆ) โดยที่คิดว่ามันไม่ผิด ซึ่งไม่ต่างกับพิสิทธิ์ที่ "ก็ทำผิด" แต่ต่างกันตรงที่พิสิทธิ์ "ยอมรับผิด" แต่เขาก็ยัง "ทำผิด" อยู่อย่างนั้น (งงกันหรือยัง? ปรัชญาเชิงซ้อนแถมยกกำลังสอง)


เชอร์รี่กับพิสิทธิ์มีความเหมือนและต่างกันแบบที่น่าสนใจ แต่มันทำให้พวกเขาไม่ค่อยเป็นมิตรกันเท่าไหร่ ในเรื่องวิธีการกระทำและความคิด เขาสองคนก็เหมือนคนบ้าง ตรงที่เป็นศิลปินด้วยกันทั้งคู่ แต่ทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างสุดขั้วในเรื่องวิธีการใช้ชีวิต คนหนึ่งใช้เวลาให้เกิดความสุขมากที่สุดกับธรรมชาติ มาเจอกับคนที่ประหยัดเวลาสุดๆ ต่างมองอีกฝ่ายว่าไม่ได้เรื่อง คนที่ยึดความเรียบง่ายใช้ชีวิตไปอย่างช้าๆ ถูกหาว่าล้าหลัง และอีกฝ่ายที่บอกว่าเอาสะดวกเข้าไว้ ก็กลายเป็นคน “มักง่าย” ทั้งๆที่ผลลัพธ์ของเหตุการณ์ทั้งคู่ มันก็เหมือนๆกัน ผิดถูกอย่างไรก็ต้องพิจารณากันเอาเอง


Galileo6 เวนิชในที่สุดก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องย้ายประเทศอีกเป็นครั้งที่สอง คราวนี้เพราะพิสิทธิ์ทำให้เชอร์รี่ได้งานที่อิตาลี เป็นงานแบบที่เชอร์รี่ชอบมาก เธอดีใจจนต้องโทรศัพท์ไปบอกพ่อ ทั้งๆที่เธอไม่เคยคิดจะโทรกลับบ้านสักเท่าไหร่ แล้วเรื่องก็เข้าทำนองเดิม มีเวลาว่างก่อนย้ายไปทำงานที่มิลาน สองคนเลยชวนกันเที่ยวเวนิชกันก่อน และทั้งคู่ก็ยังอยากได้เงินเป็นค่ากินค่าอยู่ตอนที่พักผ่อนอยู่ในเวนิช เลยตกลงทำงาน เมื่อเจ้าของร้านขายของขนาดเล็กๆชักชวน ก็เป็นร้านอาหาร(อีกแล้ว) แต่คราวนี้ทั้งคู่ได้เป็นถึงระดับผู้จัดการ คือจัดการขายและเก็บเงิน เพราะในร้านมีกันแค่สองคน ซึ่งก็เป็นเพราะอาหารอิตาลี ขายไม่ยาก ตักๆๆ ใส่กล่อง เก็บเงิน ลูกค้าก็แค่ชี้ๆ ควักเงิน แล้วต่างคนก็ต่างพูดว่า "เช้า" ทั้งๆที่เป็นตอนบ่าย (อ๋อ...ภาษาอิตาเลียน นี่เอง) แต่ด้วยความคิดนอกกฎแบบ้าๆของเชอร์รี่ นุ่นก็ดันพลอยทำตามไปด้วย โดยเชอร์รี่สัญญาว่าจะทำเรื่องแบบนี้เป็นครั้งสุดท้าย ผลก็คือหนึ่งสาวในนั้นโดนจับได้ เจ้าของร้านโกรธมาก จับหนึ่งสาวส่งให้ตำรวจ เรื่องเหม็นๆเรื่องนี้ นุ่นเองพยายามคัดค้านอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ใจอ่อนเพราะรักเพื่อน เมื่อเรื่องถึงตำรวจอิตาลี่ ก็แปลว่า ซวยแน่ๆ ความสนุกและมิตรภาพของสองสาวก็ขาดสะบั้นลง แต่เหลือที่จะเชื่อ เชอร์รี่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม เสียใจ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด (จริงหรือเปล่าหละ คุณเชอร์ร่าฆ่าไม่ตาย) สุดท้ายคำว่าเพื่อน...เราจะไม่ทิ้งกัน มันจะยังมีความหมายหรือเปล่านะ?


Galileo2 หอเอนปิซาถ้าใครพอที่จะรู้จักกาลิเลโอบ้าง ก็คงทราบว่า เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะชาวทัสกัน หรืออิตาลี เกิดที่เมืองปิซา ได้เรียนหนังสือและมีครอบครัวอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ ชอบดูดาว ทำกล้องดูดาว ชอบฟิสิกส์ ชอบศึกษา ชอบมองนอกกรอบความคิดเดิมๆ โดยใช้หลักการทดลองและเหตุผล เขาเป็นคนที่พูดจาอะไรๆที่เป็นความจริงทางวิทยาศาสตร์หลายๆอย่าง เขาพูดในวันที่คนบางกลุ่มใน "โลก" ไม่อยากได้รับฟังความจริงเกี่ยวกับ "โลก" ในแบบนั้น โดยเฉพาะศาลศาสนาคริสต์ที่กรุงโรม ไม่พอใจกับความคิดแหกคำสอนของเก่าแก่ เขาเลยต้องหนี(?) เพราะว่าคนอื่นคิดไม่เหมือนเขา หรือว่าเขาคิดไม่เหมือนคนอื่น (เอาอย่างไรกันแน่?) แล้วจริงๆแล้วเขาได้หนีไปไหนหรือเปล่า? ผมว่าคนดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว ก็ยังหาคำตอบไม่ได้

กล้องดูดาวของกาลิเลโอ เรียกแบบวิทยาศาสตร์ว่า กล้องโทรทรรศน์ ซึ่งเขาใช้เลนส์ 2 อย่างทำให้ได้ภาพเสมือนจริงหัวตั้ง ซึ่งยังมีกล้องอีกแบบที่คนอื่นสร้างโดยได้ภาพขยายที่หัวกลับ ส่วนกล้องส่องทางไกล ที่ผมเอาไว้ดูสาวๆในหอพักข้างบ้านนั้น เป็นกล้องที่ใช้เลนส์กับปริซึม(แบบนี้ได้ภาพขยายและหัวตั้ง) ผลงานของกาลิเลโอทางดาราศาสตร์มีมากมาย ขนาดที่ว่าดาวบริวารของดาวพฤหัสบยังได้ชื่อว่า กาลิเลเลียน

กาลิเลโอ ยังเป็นอาจารย์หมายเลข 001 ของวิชาพลศาสตร์ ว่าด้วยวัตถุที่วิ่งๆๆๆ เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง เหมือนเก้าอี้ ผบ.ตร. ของเรานี่แหละ

กาลิเลโอศึกษาทฤษฎีของโคเปอร์นิคัส เขาพูดถึงเรื่องศูนย์กลางของจักรวาล เรื่องของดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลาง ไม่ใช่โลก ผลก็คือโดนกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านพักในเมืองฟลอเรนซ์ สรุปว่าเขาไม่ได้หนีไปไหนครับ เพราะศาสนาจักรไม่ยอมให้หนี แต่ก็ดีที่ไม่เอาไปฆ่าทิ้ง หรือเผาไฟเป็นไก่ย่างหกดาวเจ็ดดาว กาลิเลโอเป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็นนักการเมืองที่ให้ญาติไปซื้อที่ดินที่ไหน เขาคงไม่ต้องหนีไปหรอกครับ (ล้อการเมือง จะโดนแบนหรือเปล่านะ)

เรื่องเล่าอีกเรื่องเกี่ยวกับกาลิเลโอก็คือ การทดลองตามกฎแรงโน้มถ่วงของ เซอร์ ไอแซค นิวตัน โดยเขาได้ลองปล่อยวัตถุที่ทำจากมวลสารชนิดเดียวกัน 2 อัน นำหนักมีทั้งเท่ากันและต่างกัน ลงมาจากยอดของหอเอนปิซา ประเทศอิตาลี ผลการทดลองได้ยืนยันว่า ของทั้งสองนั้น จะตกถึงพื้นดินพร้อมกันเสมอ ไม่ว่าจะมีน้ำหนักต่างกันเท่าไรก็ตาม ผมนึกไม่ออกเลยว่าไม้จิ้มฟันที่ผมใช้แล้วกับซุงขนาด 1 ตันที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้จับมาได้ มันจะตกถึงพื้นพร้อมกันได้จริงๆหรือ?





สิ่งที่ประทับใจมากที่สุด


ไอเดีย ถือ ป้ายกระดาษขนาดใหญ่ แล้วทำให้คนไทยที่เดินเที่ยวหรือช๊อปปิ้งบนถนนชองอลิเซ่ กลางกรุงปารีส พลอยชูมือ ตบมือ ร่วมกันไปในภาพยนตร์ โดยไม่ได้มีการนัดหมายหรือจ่ายสตางค์ เบื้องหลังการถ่ายทีมงานยังโดนตำรวจปารีสเข้ามางอแง ทำท่าว่าจะจับ แต่จะจับข้อหาอะไร ก็ที่สนามบิน ปารีส ชาร์ล เดอ โกล ก็มีคนถือป้ายทั้งแบบกระดาษและกระดาน เขียนเป็นภาษาต่างด้าว ชูกันเต็มไปหมด พวกยูก็อ่านไม่ออก ทำไมถึงไม่ไปจับพวกเขากันหละ (ใครไม่เคยไปปารีส ขอบอกว่า ตำรวจฝรั่งเศสผู้หญิงนั้น สวยมากๆ แต่ผมก็ไม่ยอมให้เธอจับหรอก)

คนที่ไปเที่ยวต่างประเทศ ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวๆ เช่น สงกรานต์ ตรุษจีน ออกพรรษา วันเฉลิมฯ คงจะมีอารมณ์แบบเดียวกันกับผม คือ เจอคนต่างชาติเดินกันอยู่มากมาย แต่ไม่มีใครยิ้มให้กันเลย เป็นเจ้าบ้านที่เฉยเมยกับเรามาก เดินๆๆ ไม่รู้จะรีบไปไหนกัน สู้บ้านเราไม่ได้ ผู้หญิงไทยร้องเรียกฝรั่งเลย "นี๊ด...อะเฟรนด์?" (ฝรั่งบอกว่า "ไอไลค์พัดพง แอนด์พัดทายา")

มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง ขณะที่ผมได้ไปเที่ยวแย่งกันซื้อของที่ไม่ฟรี แต่ทำกันเหมือนฟรี ที่ห้างชื่อว่า แกลเลอรีลาฟาแยตต์ ที่ปารีสโน้น พวกเราเดินไปมุมไหน ก็ได้ยินแต่เสียงพี่ไทย เสียงคุยกันโหวกเหวกๆ ข้างๆตัวตลอดเวลา เสียงพูดว่า ชาแนว ชาแนว หลุย หลุย ปาด้า ปาด้า ฯ เออ...สำเนียงคนไทยนี้หว่า เหมือนกับว่าเรายังเดินอยู่ในเซนทรัลลาดพร้าวเลย ทั้งๆที่เราลงทุนทุบกระปุ๊กออมสิน นั่งเครื่องบินหนีความวุ่นวายมาตั้ง 7-8 ชั่วโมง พี่ไทยเรา แห่ไปเที่ยวกันได้ทั่วโลกจริงๆ เอาเงินไปให้บ้านเขาแท้ๆ




zOOmzERo2009




Create Date : 18 สิงหาคม 2552
Last Update : 25 กันยายน 2552 20:55:31 น. 18 comments
Counter : 1085 Pageviews.

 
ต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ :
ตัวละคร คนแรก ก็ขอเอาชื่อคนที่คุ้นหน้ามาว่ากันก่อนเลย ในเรื่องนี้ เธอชื่อ Cherry-เชอร์รี่ เธอเหมือนนางร้าย แต่ไม่ใช่นางร้ายตบตีแย่งสามีใคร แต่ร้ายเพราะเธอพาตัวเองและเพื่อนรัก ไปเจออะไรต่อมิอะไรมากมายที่มีทั้งงามและไม่งาม เพราะความรั้นและความไม่ยอมรับผิด ตามนิสัยวัยรุ่นไทย “ฉันไม่ผิด มีอะไรหรือเปล่า?” แต่ด้วยความรักเพื่อนและยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยเพื่อน เรียกว่า มีน้ำใจเสมอ ข้อนี้ก็เป็นอีกข้อดีข้อหนึ่งของวัยรุ่นในยุคนี้เช่นกัน เธอเป็นสาวมั่น เรียนเก่ง ความสามารถดี ชอบทำอะไรแบบรวบรัดและตัดตรง คิดนอกกรอบ และทำนอกระบบจนบางทีก็ต้องบอกว่ามันไม่น่าทำแบบนั้นเลย รวมๆแล้วดูแมนดี(อ้าว..ผู้หญิงหรอกหรือ?) ข้อเสียที่พางานเข้าประจำของเชอร์รี่ก็อยู่ตรงที่คิดสั้นไปหน่อย เพราะอะไรหรือ? ก็เพราะไม่ได้คิดยาวไง 555 สำหรับตัวจริง ต่าย หรือ ชุติมา เธอมีอายุ 22 ปี เกิดเมื่อ 14 มีนาคม 2530 เคยเรียนที่เตรียมอุดม-พญาไท ปัจจุบันน่าจะเรียนอยู่ที่ ม.รังสิต สาขาแฟชั่นดีไซน์ คณะศิลปะและการออกแบบ ผลงานที่ผ่านมา ถ้าไม่นับจากภาพยนตร์ที่โด่งดังมาก คือ Seasons Change แล้วก็ได้แก่ ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น, ละครรักต้องซ่อม, MV-น้ำตาคือคำตอบ, MV-เธอก็รู้, MV-ฉันพร้อม, MV-เสียงบ่นของคนเหงา, โฆษณา Tros, ซิตร้า, ลอริเอะ, Coke, มายมินท์, ถ่ายแฟชั่นนิตยสาร Seventeen, Cheeze, Knock Knock ฯ ใครไปดูเรื่องนี้ต้องมีการแอบเกลียดยายคนนี้แน่ๆ เพราะมันดื้อและบื้อจริงๆ แต่ก็ต้องมีคนออกมาบอกว่าเพื่อนเราเลย และเราก็รักมันนะ แต่ไม่อยากไปไหนกับมันอีกแล้ว อ้าว...555


โดย: zoomzero วันที่: 18 สิงหาคม 2552 เวลา:16:17:00 น.  

 
เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ :
ตัวละครเด่นคนที่สอง ก็เป็นสาวสวย หน้าตาแอ็บแบ๊ว ขาวสวยหมวยดื้อ เอาแต่ใจตัวเอง โก๊ะนิดๆ ร่าเริง แสนงอน และขี้อ้อนจนเกินไปหน่อย เธอชื่อ นุ่น ในเรื่องนี้ เธอคือสาวที่เรียนจบหมาดๆแต่ดันอกหัก เพราะความดื้อและเอาแต่ใจตัวเอง จริงๆน่าจะเป็นพวกอ่อนแอ มีความคิดระมัดระวังตัวเองดีพอสมควร แต่พอเจอเพื่อนซี้ชื่อเชอร์รี่จอมฝ่ากฎ นุ่นก็หลุดออกจากกรอบไปหาเหาใส่หัว เอ้ย...ไปลองของแปลก แต่คนมันดวงดีดวงกุดไม่เท่ากัน อะไรที่นุ่นทำแผลงๆมักพาเธอเดือดร้อนทุกที ตัวจริงของเต้ย หรือ จรินทร์พร นั้น เธออายุเพียง 19 ปี เกิดเมื่อ 29 มกราคม 2533 เคยเรียนอยู่ที่บดินทร-1 ปัจจุบันอยู่ ปี 1 ม.ศรีนครินทร์วิโรฒ คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกการแสดง เธอมีผลงานหลายอย่างมากมาย เช่น โฆษณาโซฟี, น้ำส้มเดลี่ซี, รองเท้าCG, ลูกอมกรีนฟรี, MV-มีใครหรือยัง, MV-อะไรก็ได้, True – โฆษณากับกอล์ฟไมค์, ละครอุบัติรักข้ามขอบฟ้า ฯ เต้ยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า พี่ต่ายหนะตัวจริงเรียบร้อย นิสัยไม่ใช่ เชอร์รี่ อย่างในเรื่องนี้ คนที่เหมือนเชอร์รี่นั้น จริงคือตัวเต้ยเอง (อ้าว...พูดเล่นหรือเปล่าหนู) เต้ยบอกว่าเห็นเธอแบบนี้ แต่เรื่องความเรียบร้อยแล้ว เธอไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่ ก็อายุแค่นี้ เอาไว้โตกว่านี้ก็ดีเองแหละ


โดย: zoomzero วันที่: 18 สิงหาคม 2552 เวลา:16:18:15 น.  

 
เรย์ แมคโดนัลด์ :
ดาราคนที่สามที่ผมชื่นชมมาก ตามบทแล้ว คนนี้น่าจะเรียกว่า เป็นพระเอก แต่เรื่องนี้พระเอกไม่มีฉาก love screen มีแต่ love between nations and friends (555) เลยต้องเรียกว่า เพื่อนนางเอกก็แล้วกัน สำหรับ เรย์ ในเรื่องแสดงเป็น ตั้ม หนุ่มคนนี้มาดเซอร์ๆ เก๋ากวนนิดๆ มีความคิดสุขุม มองโลกอย่างกับผู้พิพากษา มองเห็นความขาวดำในนิสัยของคน เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก ชอบช่วยเหลือคน ในเรื่องนี้ชื่อ ตั้ม-พิสิทธิ์ ซึ่งชื่อเดียวกับแฟนเก่าของนุ่น พิสิทธิ์เป็นพวกที่ไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน และก็ไม่อยากเป็นคนขายของ เขาเป็นคนที่อยู่กับธรรมชาติได้ กินง่าย อยู่ง่าย อะไรก็ได้ เอาน้ำจากแม่น้ำมาต้มชงกาแฟกินก็ได้ มีความเคารพกฎหมาย รู้จักคนมากมาย คิดตรง พูดตรง ชอบใช้ชีวิตอยู่กับตัวเอง ทำตามที่ตัวเองต้องการ มีความสุขกับสิ่งที่อยู่รอบๆตัว ตัวจริงของเรย์ แมคโดนัลด์ หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ปัจจุบันเขาอายุ 32 ปี เกิดเมื่อ 21 พฤษภาคม 2520 เป็นหนุ่มลูกครึ่ง ไทย-สกอตแลนด์ มีความสามารถมาก มีผลงานระดับสุพรรณหงส์ รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2540-2541 จากเรื่อง ฝันบ้าคาราโอเกะ สรุปตรงนี้ก่อนเลยว่า ชายคนนี้ทำงานมาหลายอย่าง และก็โดดเด่นในระดับหนึ่ง เขาทำมาหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ทีวี เล่นละคร เป็นพิธีกร เล่นMV แถมยังมีพวกงานโฆษณา ยกตัวอย่างเฉพาะภาพยนตร์ ได้แก่ ฝันบ้าคาราโอเกะ, รัก-ออกแบบไม่ได้, คนจร, เฟค โกหกทั้งเพ, ธิดาช้าง, Six หกตายท้าตาย, คนเห็นผี 10, โอปปาติกะ, หนีตามกาลิเลโอ และกำลังจะมาให้เห็นอีก ในเรื่อง ห้าแพร่ง ตอน หลาวชะโอน และ นาคปรก ขอแถมเรื่องงานพิธีกรอีกหน่อย ได้แก่ ทีนทอล์ค, อี ฟอร์ทีน, ฮัลโหลวันหยุด, วีซ่าส์, Backpacker, วาไรตี้ขี้สงสัย, พุด ต้า เร, ซ่าส์ ซัมแวร์, Roaming, และ Journey Thailand ถ้าลองอ่านประวัติให้ดีๆ ตัวละครที่เขาแสดงในเรื่องนี้ นี่แหละคือตัวจริงของเขาเลยหละ


โดย: zoomzero วันที่: 18 สิงหาคม 2552 เวลา:16:19:39 น.  

 
วงศกร รัศมิทัต :
ดาราอีกท่านที่ เด็กรุ่นใหม่ๆคงไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่า พ่อของเชอร์รี่ คนนี้หน้าเหมือน พ่อของน้อยหน่า(นางเอก)ในเรื่องแฟนฉันหรือเปล่า? ที่เป็นช่างตัดผมคู่แข่งกับพ่อของเจี๊ยบ(พระเอก) อย่าสับสนนะ คนที่เป็นพ่อของพระเอก คนนั้นมีหนวด คือ เล็ก คาราบาว ส่วนพ่อของนางเอกคือ วงศกร รัศมิทัต หรือ พี่ต้น แมคอินทอช สมัยก่อนโน้น เมื่อปี 2520-2527 มีวงดนตรีดังๆไม่กี่วงที่สามารถเทียบชั้นกับ วงแมคอินทอช เพลงดังในยุคนั้นก็ต้อง ใจสยิว, วันวานยังหวานอยู่, เธอ เธอ เธอ, ต้นไม้แห่งความรัก, ลมหายใจแห่งความคิดถึง, ถนนนี้กลับบ้าน, วันนี้ยังมีเธอ, ซึ่งกันและกัน ฯ ส่วนภาพยนตร์ที่เคยแสดงไว้ได้แก่ วันวานยังหวานอยู่, วันนี้ยังมีเธอ, สยามสแควร์, ตะวันยิ้มแฉ่ง ฯ เรียกว่าในยุคเมื่อ 25 ปีที่แล้ว นักดนตรีวงนี้ก็ดังประมาณ ไมเคิล แจคสัน เพราะมีการให้ฉายาว่าเป็น พ๊อพไอดอล เหมือนกันเชียวหละ คุณวงศกร เกิดเมื่อ 29 เมษายน 2503 ปีนี้ก็ 49 พอดี ต้น-วงศกร เล่นดนตรีตำแหน่งกลอง เขายังได้ตั้งวงดนตรีหลังยุบวงแมคอินทอชไปแล้วโดยใช้ชื่อว่า ตาวัน และวงนี้ก็แยกกันไปในปี 2539 ปัจจุบันคุณต้น นับถือศาสนาคริสต์ เหมือนภรรยา คุณ ไปรยา รัศมิทัต (อ้อย)และบุตรชายทั้ง 2 คน ซึ่งต้องขอแสดงความเสียใจย้อนหลัง เพราะคุณได้จากครอบครัวไปอยู่กับพระเจ้า เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2551 ใครที่อยู่ในแวดวงชาวคริสต์ อาจจะทราบดีว่า คุณอ้อยเป็นคนดีและเป็นทีรักของผู้คนมากมาย ผมอยากให้ลองอ่านเรื่องของครอบครัวนี้ดู เผื่อคุณจะได้อะไรบ้าง ลองคิดดูว่าสามีที่เป็นนักดนตรี ไม่ได้เชื่อในศาสนาใดเลย แต่ภรรยาเป็นคริสเตียน มีพระเจ้าอยู่ในใจมาตลอด สามีเคยสัญญาว่าจะพาไปโบสถ์ ถ้าว่าง ปรากฏว่าไม่ว่างเลย มีลูกชายไปแล้ว 2 คน สามีก็ยังเฉยๆ แล้วทำไมวันนี้คุณต้นถึงเป็นคริสเตียน อยากให้อ่านเรื่อง การเลิกบุหรี่ การที่อยู่ๆมีคนให้อยู่บ้านฟรีๆ 3 เดือนตอนถ่ายหนังเรื่องแฟนฉัน ตอนคุณอ้อยป่วย เพื่อนคริสเตียนช่วยเหลืออะไรบ้าง ผมเป็นพุทธ เป็นมานาน แล้วก็จะเป็นต่อไป แต่ก็อยากให้คนได้อ่านเรื่องของคุณต้น ที่ //www.thaibible.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=108&Itemid=47
หรือที่ //www.thailandyfc.net/modules.php?name=News&file=article&sid=342


โดย: zoomzero วันที่: 18 สิงหาคม 2552 เวลา:16:20:48 น.  

 
ชอบเรื่องนี้คับ
อยากลองไปใช้ชีวิตแบบนี้มั่ง


โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 18 สิงหาคม 2552 เวลา:23:25:44 น.  

 
บิน บิน บิน โด่!หลงอ่านเรื่อง ย่อ หนีตามกาลิเลโอ มาตั้งนาน ที่ไหนได้ อีตาลุงซูมมมม จินตนาการ ว่าตัวเอง เป็นพระเอกนั่นเอง ชิชิ เพิ่งรู้ว่าชอบ เรย์ แมคโดนัลด์ น่ะเนี้ยย!
อยากไปเที่ยวฝรั่งเศสจัง อยู่ใกล้อังกฤษแค่นี้เอง แล้วอยากปลอมตัวใส่วิกผมสีทองแบบเซ็กซี่ ท่องเที่ยวทั่วแดน
ฮืม...แต่ตอนนี้เข้าไปอ่านเรื่อง ของคุณต้น วงศกร รัศมิทัติ ก่อนดีกว่า น่าสนใจ คิดถึงเพลงวันนี้ยังมีเธอ ตอนสมัยเด็กๆ ตอนนั้นลุงซูมมมมยังวัยรุ่นล่ะเซ่ๆๆๆๆอิอิ "วันนี้ยังมีเธอ..เธอ..เธอ..ไม่มีใครเหมือนเธอ..เธอ..เธอ.."


โดย: นกสีขาว IP: 79.65.83.223 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:7:29:09 น.  

 
มิสเตอร์ฮองครับ
ผมเองก็อยากไปใช้ชีวิตแบบนั้นมานาน ตั้งแต่เรียนจบอุ่นๆ
โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ อยากไปมาก
แต่จะขอวีซ่าได้อย่างไร
เรียนก็โง่
ไม่มีเงินในบัญชีเป็นการันตี
สถานทูตเขาไม่คุยด้วยหรอกครับ
ผมว่าอังกฤษนี่เป็นประเทศที่น่าไปมาก
มีวัฒนธรรมตั้งแต่ยุคอัศวินขี่ม้าไปจนถึงตึกอัจฉริยะระฟ้าทำงานได้เอง
มีผู้คนตั้งแต่รวยล้นฟ้าไปจนถึงพวกยิปซีที่นอนในเกวียนเก่าๆ
มีสถานที่ครบเครื่อง ไม่ว่า โบสถ์ วัง ตึก รถไฟบนดิน ใต้ดิน หอนาฬิกา พิพิธภัณฑ์
ภูเขา แม่น้ำ ลำธาร ป่าไม้ หินผา ชายหาด ทะเล ฝน หิมะ หมอก แสงแดด ฯ

เดี๋ยวนี้ไปทัวร์ไทยไปอังกฤษ ราคาแพงมาก
แถมบริษัทที่ยังไม่ปิดกิจการ ก็เป็นทัวร์ที่มีประวัติไม่ค่อยฮาอีกด้วย
พาไปนั่งรถจนขาเป็นง่อย แล้วโยนเราทิ้งตามที่ต่่างๆ
อ้างว่าหากินเอาเองสบายกว่าให้เขาพาลูกทัวร์ไปกิน

เรย์ แมคฯ เคยบอกว่า ไม่ต้องแบกเป้ หรือ แบ็คแพค
ขนาดใหญ่ๆหนาๆอย่างแต่ก่อนแล้ว
หลังมันจะเดี้ยงเอา
หาพวกมีล้อ ลากๆก็ได้

สมัยนี้เขาเอาเป้ใบเล็กๆ เสื้อผ้่าพอเที่ยว 1-2 วัน ติดตัวไป
ส่วนสัมภารก เอ้ย..สัมภาระ นั้นให้ส่งไปยังเมืองที่เราจะไปเที่ยวปลายทางง่ายกว่า
กระเป๋าใหญ่ๆส่งไปเที่ยวก่อนหน้าเราเลย เดี๋ยวเจอกันอีกที
เราสามารถไปขอนอนกับชาวบ้าน หรือโฮมสเตย์ของคนแก่ๆชาวอังกฤษใจดีๆ ได้ไม่ยาก
หาเอาจาก internet ได้เลย สั่งจอง-คอนเฟิร์ม-ใส่ระหัสบัตรเครดิต-ได้ที่พักแน่นอน
ตอนเช้ามีอาหารท้องถิ่นจากไร่ จากฟาร์มสดๆ ฟรี 1 อิ่ม (พยายามขโมยไข่ต้มมาเยอะๆ)

แฟนผมเขาไปเที่ยวที่อังกฤษเกือบ 2 สัปดาห์ ชีกับเฮอร์เฟรนด์ส์ลงทุนเช่ารถตู้ขับกันเองเลย
ต้องวางค่ามัดจำสาหัสนิดหน่อย แต่ก็ได้เงินคืนเป็นค่าช๊อปปิ้งวันกลับ
ไอ้คนขับสองคนมันเป็นนักเรียนเก่าที่ UK มีใบขับขี่สากล เลยไว้ใจกันได้
ขับรถขึ้นไปเรื่อยๆ จนจะไปตกทะเลทางภาคเหนือของเกาะกันเลย
ดีว่า ยังนึกถึงลูกได้ เลยบินกลับมาเมืองไทย

ส่วนใครจะไปเป็นแรงงานโรฮิงญาสยาม
ต้องลองไปถามคุณนกสีขาว ดู เผื่อเธอจะรู้ดี

ระวังเถอะ....
ถ้ามีคนตะโกนว่า HOME HERE
ก็วิ่งหาที่ซ่อนกันตาเหลือก

คุณต้องไปดูหนังเรื่องนี้
คุณถึงจะเข้าใจคำว่า HOME HERE


โดย: zoomzero วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:10:20:31 น.  

 

เมื่อวานถามคนไปอังกฤษแบบลุยๆรวยๆมา
เขาบอกว่าเรื่องที่พัก ไม่ต้องห่วง
เวลาขับรถไปถึงเมืองไหน
ให้ไปถามเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเขา
เขาก็จะบอกถนนที่มีบ้านโฮมสเตย์ให้
ตรงหน้าบ้านก็จะแขวนป้ายว่า B&B
ไม่ใช่ว่า เจ้าของบ้านชื่อ Bobby กับ Betty หรอกนะ
เขาหมายถึง bed and breakfast
พวกนักเรียนสยามในสหราชอาณาจักรเขาโม้ว่า เขาเที่ยวกันแบบนั้นตอนซัมเมอร์
และปัจจุบันก็มีพวกนักท่องเที่ยวแบบมีรถของตัวเองแบบนี้แหละที่ชอบทำกัน
สำหรับค่าที่พัก ก็ถามไถ่กันก่อน
คุณอาจจะแสดงน้ำใจตอบแทนด้วยการช่วยคุณตาคุณยาย
ล้างถ้วยล้างจานก่อนที่จะจ่ายเงินค่าที่พักก็ได้
สงสัยเขาคงไม่ให้ เพราะกลัวจานจะแตกหรือของจะหาย

แต่ถ้าจะทำตามที่ผมบอก
ก็อย่าลืมขอ(หรือจิ๊ก)ไข่ต้มเอาไว้ด้วย
เพราะบางทีอากาศก็หนาว
ร้านสะดวกซื้อหรือปั๊มน้ำมันก็หาไม่ได้
มีกาแฟหรือโกโกชงร้อนๆในกระติกน้ำเอาไว้
มีขนมปังกรอบซองเล็กๆ บวกไข่ต้ม ก็รอดตายไปได้อีก 1 มื้อ

ถ้าจะถามว่าคนฝรั่งเขาไม่กลัวเราไปปล้น ไปฆ่าเขาหรือ?
ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรนะ
อาจจะเป็นเพราะเขาไม่มีอะไรจะให้ปล้น
หรือเพราะเรามีรถเช่าที่ติดจีพีเอส เขาเลยไม่ค่อยกลัวหรือเปล่า?
อีกอย่างอังกฤษเป็นเกาะ หลบนี้อย่างไรก็อยู่บนเกาะ
เว้นแต่จะกล้าว่ายน้ำข้ามช่องแคบหนีตำรวจ ก็พอไหวมั๊ง


โดย: zoomzero วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:10:23:18 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ชาย เย้ คราวนี้ได้ e-mail alert แว๊ว ว่าอัพบ๊อก อุอุ เพิ่งเคยได้ครั้งแรกเนี่ยะ งิงิ

แวะมาอ่านจบหมดแล้วค่ะ จะบอกว่า อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นหนังที่น่าดูจังเลยน้า เดี๋ยวไปหามาดูดีกว่า อ่าน ๆ ไปรู้สึกว่านิสัยของตัวละครหญิงนี่ช่างเหมือนเราจริง ๆ เลย ทั้งสองสาวเลยนะ นู๋ว่าคนทุกคนล้วนมีส่วนผสมของนิสัยหรืออารมณ์หลาย ๆ อย่างปนกันอยู่ ไม่ได้เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งหรอกค่ะ ฉะนั้นไม่แปลกที่คน ๆ นึงจะมีหลายนิสัย หลายอารมณ์ หรือหลายบุคลิก มันอยู่ที่เหตุการณ์นั้น ๆ จะพาไปด้วยน้า

อยากหนีตามไปเมืองนอกมั่งจัง แต่อันดับแรกต้องหาคนนำก่อนจะได้หนีตามไปได้ เพราะต้องหาอาเสี่ยมา support เงิน อิอิ หรืออาเสี่ยซูมจาพาไปก้อจัดมาเรยค่ะ อิอิ

ความใฝ่ฝันของนู๋เลยนะ ฝันมาตลอด แล้วก็จะฝันต่อไป เป็นจริงได้รึเปล่าไม่รู้เหมือนกัน ก็คืออยากเที่ยวรอบโลกค่ะ อุอุ เอาแบบให้ทั่วโลกจริง ๆ เลยนะ ไปทุกซอกทุกมุมในโลกเลย ไปประเทศไหนก็ไปอยู่ให้รู้ซึ่งถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นที่นั่นเลยด้วยเอาแบบอยู่จนพูดภาษาเขาได้เลยว่างั้น แต่สงสัยว่าถ้าจะทำตามนี้ได้จริง ๆ คงต้องอายุซักพันปีได้มั๊ยนะ ถึงจะครบ *-*

นั่นคือเรื่องของความฝัน ส่วนความเป็นจริงตอนนี้ไม่เคยขึ้นเครื่องบินเลยซักกะที งุงิ *-* เมืองไทยก้อยังเที่ยวได้ไม่กี่จังหวัดเอง คงต้องเริ่มจากเที่ยวไทยให้ทั่ว 76 จังหวัดซะก่อนแล้วค่ะ แห่ะ ๆ

พี่ชายเป็นมั่งมั๊ยคะ อาการแบบว่าเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ กับชีวิตอ่ะ แบบว่าอยู่ว่างมากเกินไปไม่มีอะไรทำ ทั้งเหงา ทั้งเบื่อ ทั้งเซ็ง เฮ้อ... ทำยังไงให้หายดีน้า นี่เข้ามาอ่านบ้านพี่ชายยาวดีแก้เหงาไปได้พักนึงค่ะ แล้วตอนนี้อ่านจบแล้วทำไรต่อดีล่ะเนี่ยะเรา แง๊ว ๆ ๆ >_<


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น (Beee_bu ) วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:15:44:17 น.  

 
นู๋ Beee

ระบบ eMail Alert นี้ก็ดีนะ
ใช้ไม่เป็นตั้งนาน เออ..ไม่ใช่ซิไม่รู้ว่าใช่อย่างไร
กดอะไรไปบ้างก็ยังงงๆอยู่
อีกอย่างนะ พี่ก็มีคนใน list ให้เตือนก็แค่คนเดียว 555
ทำยังไงถึงจะมีแฟนคลับเป็นร้อยๆอย่างบีได้นะ
อ๋อ..รู้แล้ว
ต้องไม่เอาเรื่องชาวบ้านไปด่าให้ชาวบ้านเอาไปด่าชาวบ้านว่าชาวบ้านเขาด่าชาวบ้านกัน เอ๋อ????

แหม..คนเข้ามาอ่านมีหลายคนนะ
แต่ไม่มีใครกล้าเขียนคอมเมนท์
ไม่รู้ว่าเขากลัวอะไรกัน
ผมไม่ได้จิตวิปริตนะ สมองผมแค่คล้ายๆแตงโม ก็เท่านั้น

ทำไมคราวนี้อ่านได้จนหมด
เป็นเพราะเราเขียนดี น่าอ่าน น่าติดตาม หรือ
เป็นเพราะว่างมาก หรือ
เขียนล้อกันเล่น
เอาเหตุผลไหนกันแน่
(แสดงบุคลิคคิดมากอีกแล้ว คิดมากจริงๆ อยากเป็นพวกคิดสั้นๆตื้นๆจัง)

พี่ว่าไปทำมาหากินที่ยุโรป มันน่าสนใจมากๆเลยนะ
เดี๋ยวนี้เขาใช้เงินระบบเดียวกัน คือ เงินยูโหล เอ้ย ยูโร
กำเงินฟ้อนเดียว เที่ยวได้หลายๆประเทศ ไม่ต้องแลกกลับไปกลับมา
ข้อเสีย ก็คือ พวกอาหารการกิน ค่าที่พักตามบ้านเมืองชายแดน ชายเขา ชายป่า ฯ
ก็ดันปรับราคาเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด
อย่างช๊อกโกแล็ตหรือไอศครีมแถวๆเมืองชายแดนของฝรั่งเศสกับอิตาลี
ไกด์บอกว่าเมื่อก่อนราคาไม่กี่ฟรังค์ แต่พอใช้เงินยูโร ราคาปรับเป็นเหมือนซื้อของในมินมาร์ทกลางปารีสเลย
พวกนาฬิกาหรือมีดสวีส แพงยังกับซื้อยาอียาไอ๊ซ์ เอ๊ะ...ทำไมเปรียบเทียบไม่เหมือนคนดีๆกับเขาเลย 555
อย่างบีต้องไปทำงานแบกหญ้าให้วัวในประเทศสวีส
ตอนกลางคืน ก็ยืนร้องโห่ลีเล อี้โห่ลีเล บนยอดเขา แล้วดืมเบียร์เหยือกใหญ่เท่าถังซักผ้า
ไปดิ พี่เชียร์สุดๆเลย แต่ไม่ต้องขนยาหลินจื่อจากเมืองไทยไปขายฝรั่งหรอกนะ

บีเหงาเหรอ???
ไม่อยากเชื่อเลย
พี่ไม่เหงาหรอก
แต่เสียวว่าจะมีใครมาลอบสังหารแบบเฮียลิ้ม
เพราะข่าวว่ามีคนไม่ชอบพฤติกรรมของพี่ข้ามปีข้ามภพเลยนะ
ขนาดเขาเป็นฝ่ายธรรมมะนะ
สงสัยต้องแก้กรรม แก้ผ้ารำขอร้องเทวดา (เมื่อก่อนเห็นสาวๆเขาบนกันแบบนี้จริงๆนะ)
เชื่อหรือเปล่า?
เฮ้ย...ล้อเล่น



โดย: zoomzero วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:10:24:31 น.  

 
อ้าว คนเรา ก้อต้องเหงาเป็นกันบ้างจิก๊ะ ก้อพี่ชายม่ายมาพาไปกิน เที่ยว เล่น ช๊อปปิ้งแล้วนี่นาเดี๋ยวนี้ นู๋ก๊ะเลยต้องหากิ๊ก ๆ สำรองไว้อีกหลายตำแหน่ง ทำหน้าที่แทน อุอุ

รู้สึกว่า e-mail alert นี่ถ้ากดแล้ว คนที่แอดเราเป็นเพื่อนคนอื่น ๆ ก็น่าจะได้ด้วยนะคะ อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน ลองถามคนอื่น ๆ ดูว่าได้ด้วยรึเปล่า มีเพื่อนคนอื่นอีกมั๊ยเนี่ยะ นอกจากเรา เหอะ ๆ ไม่มีก็ช่างมานเต๊อะ คิคิ เอาเป็นว่านู๋ได้แระ แล้วกันค่ะ

ที่คราวนี้อ่านได้จบ เพราะอารัยอ่ะเหย๋อ ก็ว่างไง ว่างก็อ่านได้ยาว ๆ เบื่อ ๆ อยู่ด้วยแหล่ะ ถ้าวันไหนยุ่ง ๆ หรือไม่มีอารมณ์สั้นก้อไม่อ่านอ่า มีไรป่าว งิ และก็เพราะ หนังเนื้อเรื่องดี น่าสนใจ แล้วพี่ชายก็เล่าได้โอเค แต่จริง ๆ จะว่าเขียนดีก็ไม่ถูก เพราะหนังมันดี ก้อเลยเขียนได้ดีมั๊งคะ อิอิ

ว่าแต่ ทำไมเรียก Swisserland (พิมพ์ถูกป่าวหว่า) ว่า สวีท ล่ะ มะใช่ สวิส เหรอคะ ??? พี่ชายมึน หรือนู๋เมา ซักอย่าง ประเทศที่นู๋ใฝ่ฝันอยากจะไปที่สุดนะคะ ก้อคือ สวิสฯ นี่แหล่ะ เห็นในโทรทัศน์ หรือในภาพถ่ายแล้วเห็นเทือกเขาปกคลุมไปด้วยหิมะ แล้วอยากไป๊ อยากไป (แต่ไปจริง ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าจะไปทำไมอ่ะ ถ้ามีแต่เทือกเขาและหิมะ - -) มันก้อแค่ความใฝ่ฝัน งิ อีกที่ก้อ Opera House กลางน้ำ ที่ออสเตรเลียค่ะ

เอ่อ... จะแก้ผ้าแก้บนเหรอคะ สงสัยจะไม่สมหวังที่ไปบนแน่ ๆ เลย เพราะเจ้าคงกลัวไม่อยากดูหรอกน้า หุ่นอย่างพี่ชายอ่ะ ถ้าหุ่นเป็นดัชชี่บอย หรือชายงาม ก็ว่าไปอย่างนะก๊ะ เปลี่ยนความคิดเสียเถิด 555

มาจิกกัด แก้คิดถึงแล้วก้อไป งิงิ จุ๊บ ๆ ๆ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.181.75 วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:13:30:41 น.  

 
บิน บิน บิน อยากคุยแต่คุยไม่ไหว เพราะปีกมันอ่อนแรงเพลียๆ ลมหนาวพัดผ่านมาสัมผัสกายอีกแล้ว ใครว่าอยู่เมืองนอกแล้วจะสบาย ไม่จริ้ง..ไม่จริง
หือ..หือ...ลุงซูมมม ต้องหายาทานอีกแร่ะ!

ฮืม...เมืองไทยยังร้อนอ่ะจิ อากาศไม่เท่าไหร่หรอกน่ะ แต่สถานการณ์การเมือง เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ


โดย: นกสีขาว IP: 79.66.41.2 วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:5:19:46 น.  

 
ขอบคุณมากนะคะที่เขียนไฮกุไปฝากที่บล๊อค เพราะมากเลยค่ะ

เรื่องนี้น่าดูแต่เรายังไม่ได้ดู ไม่ได้เข้าโรงหนังมาเป็นปีแล้ว ไว้รอดีวีดีออกมาแล้วค่อยซื้อมาดู วิเคราะห์หนังได้ละเอียดยิบเลย เขียนดีจังค่ะ เดาว่าคุณคงจะเป็นนักวิจารณ์หนังด้วยใช่ไหมคะ

ลป. แต่งบล๊อคได้เท่ห์จังค่ะ


โดย: haiku วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:22:32:53 น.  

 
แวะมาวิ่งเล่นรอบดึก ๆ ค่ะ จุ๊บ ๆ ๆ ^_^


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.110.9 วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:0:23:23 น.  

 
หลานนกสีขาว
จะไม่ป่วยไข้ได้อย่างไร?
ก็เล่นรอคุยกับหวานใจตั้งตีหนึ่งตีสอง
แล้วจะมานอนตื่นสายๆ
เพื่อชดเชย หรือเอาเวลากลับคืนไม่ได้หรอก
ร่างกายคนเรามันมีขีดความทนทาน
วันหนึ่งทำงานหนักแค่ไหน?
ทานอาหารมากน้อยแค่ไหน?
และอีกอย่าง...
อายุมันโกงกันไม่ได้หรอก
ถึงใจจะสาวแค่ 20 กว่าๆ แต่กายมันไปถึงไหนแล้ว
ทานยาแล้วนอนพักก็แล้วกัน
ทรมานตัวเพื่อเขาได้ขนาดนี้
เขาจะรู้หรือเปล่า? หรือว่าป่านนี้ไปคุยกับกิ๊กเก่าก็ไม่รู้หรอกนะ
พี่ว่าคนของเรา ทำตัวน่ารักผิดปกติเกินไปนะ 555

ขอให้คุณพระคุ้มครองให้ไม่มีโรคภัยเบียดเบียนนะจ๊ะ


โดย: zoomzero วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:13:20:39 น.  

 

คุณhaiku ครับ
กลอนนั้นผมเขียนตามข้อบังคับของผมเองที่ว่า
คำที่อ่านเหมือนๆกัน แต่ความหมายอาจจะไม่เหมือนกัน
เหมือนกับว่า พ้องรูป พ้องเสียง ประมาณนั้น
เลยเอามาใช้กับไฮกุในบรรทัดสุดท้าย เพื่อช่วยหักมุม
ความสนุกอยู่ตรงที่ไม่ได้คิดมาก่อนว่า
จะจบอย่างไรดี
เขียนบรรทัดแรกเหมือนคนเอาชาใส่ถ้วย เทน้ำร้อนลงไป
เขียนบรรทัดที่สองเหมือนการคนชาไปเรื่อยๆ ใส่น้ำตาลบ้าง นมสดบ้าง หรือไม่ใส่อะไรเลย ฯ
ส่วนบรรทัดที่สามต้องรอให้ "ความรู้สึก" มันวิ่งเข้ามาหาเราเอง
แล้วจับชานั้นยกขึ้นดื่ม ส่วนใหญ่ก็ร้อนลวกปาก
เลยกลายเป็นคน ปากไม่ดี หุหุ (ล้อเล้น ช่วยตามมุกให้ทันด้วย)
ดังนั้นบางทีก็มีบทกลอนแค่ 2 บรรทัด แต่งรอไว้มากมาย 555

เสียดายที่ภาษาไทยเราในวันนี้ ไม่ใช่ภาษาภาพ
ดังนั้นหนึ่งคำของเราอาจจะต้องใช้หลายพยางค์ในการอธิบายของ 1 สิ่ง
แต่คำไทยแท้ๆ ก็เป็นคำพยางค์เดียว ก็พอที่จะเอามาแต่งไฮกุได้ดีเหมือนกัน

ต้องขอบคุณท่าน ดร้ากอนวี ที่ได้เอาไฮกุมาเผยแพร่ในเว็บแห่งหนึ่ง
พอดี ผ่านไปเห็นเลยหัดแต่งแข่งขันกับเขา
แต่แต่งอย่างไรก็ไม่เคยได้รางวัลหรือคำชมจากใครเลย
ส่วนใหญ่จะได้ที่โหล่รั้งท้ายเสมอๆ
ดังนั้นคำชมของกุรูไฮกุอย่างคุณ
ก็คงจะเป็นกำลังใจให้คนหัดเขียนกลอนอย่างกระผมไปได้อีกนาน

ส่วนเรื่องหนัง อาศัยว่าชอบค้นคว้าในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เลยได้มุมมองที่ต่างออกไปจากชาวบ้าน
1 ปี ก็ได้ดูหนังไม่ถึง 5 เรื่อง และส่วนมากก็จะเป็นหนังเด็กๆเสียมากกว่า
ตัวผมเองไม่ได้เป็นนักวิจารณ์แต่อย่างใดครับ


โดย: zoomzero วันที่: 27 สิงหาคม 2552 เวลา:15:56:35 น.  

 
มาทักทายครับ


โดย: ปฐพีหอม วันที่: 4 กันยายน 2552 เวลา:11:46:23 น.  

 
wellcome ครับ
คุณ ปฐพีหอม
ขอให้ได้ความสุขทุกครั้งที่อ่านบล็อกนี้นะครับ


โดย: zoomzero วันที่: 5 กันยายน 2552 เวลา:13:54:09 น.  

zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
18 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.