ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
 
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
30 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
คนเฝ้าหนังสือ ตอนที่ 4

ดวงอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนคล้อยอ้อยอิ่ง ก่อนลอยต่ำลงสู่ขอบฟ้าด้านทิศตะวันตกของโลกในความฝัน แสงสีรอบกายก็แปรเปลี่ยนไปตามมุมที่ดวงอาทิตย์กับพื้นโลกกระทำต่อกัน มันเหมือนกับเชื่องช้า แต่พอรู้ตัว ยามเย็นก็เดินทางกลับมาทักทายอีกครั้ง มันเป็นความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนอยู่ของกาลเวลา

ที่นอกเหนือจากเข็มกับตัวเลขที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย

ในโลกของความเป็นจริงเองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากนี้ เพียงแต่ พอ ไม่เคยเหลียวมอง ไม่สิ เขามองแต่กลับไม่เคยเห็นพวกมันอย่างที่เป็น ไม่เคยเห็นความเป็นจริงง่ายๆ ที่ซุกซ่อนอยู่รอบกาย

'การแข่งขันใช้เวลานานเหลือเกิน' นานจนเกินไป 'เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ' เขาเริ่มจากการยืน จนกลายเป็นนั่ง และหากไม่มีสายตาของหมาป่าที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้จ้องมองมา เขาคงล้มตัวลงนอนไปนานแล้ว

'โครก' เสียงท้องของหมาป่าที่ร้องดังขึ้นเป็นระยะๆ คอยย้ำเตือนให้รู้ว่า มันยังคงไม่หลบหนีหายไปไหน ตอนแรกเขาก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมตนเองจึงไม่รู้สึกหิวบ้าง 'ความฝัน เพราะมันเป็นความฝัน' เขาตอบตัวเอง

นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีเสียงลม เสียงกิ่งไม้ที่เสียดสี เสียงนกร้อง เสียงแมลง และเสียงอื่นๆ ในธรรมชาติรอบกาย เขาไม่เคยนึกว่ามันจะมีเสียงที่แตกต่างกันมากมายถึงเพียงนี้ ปกติแล้วเขามักจะได้ยินเพียงแค่เสียงจากโทรทัศน์ เสียงเพลง เสียงกลไกต่างๆ เสียงที่เกิดจากมนุษย์ และสิ่งประดิษฐ์ทั้งหลาย

เขาเหลือบมองไปยังเส้นทางขึ้นเนินที่ทอดยาวอยู่ตรงหน้า ยังคงไม่มีใครโผล่มา ไม่ว่าจะเป็นเต่า หรือกระต่าย

เขาหันกลับไปมองสิ่งที่เคยจ้องดูอยู่ก่อนหน้า น่าแปลกที่บนเนินว่างเปล่ากลับมีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แมลงที่ไม่รู้จักเดินไต่ หรือบินผ่านไปมา มดที่แตกต่างกันตั้งแถวเดินขบวนไปทั่ว และในทั้งหมดนี้มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ สิ่งที่เขาเคยพบเห็นแต่ในภาพยนตร์สารคดีเท่านั้น

แมงมุมตัวน้อยที่ถักทอโลกใบเล็กของมันขึ้นมาเองบนพุ่มไม้ซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวของหมาป่า เขาเห็นตั้งแต่ตอนที่มันเริ่มต้นจากเส้นใยหลักเพียงไม่กี่เส้น ยึดโยงจากกิ่งไม้เล็กๆ กิ่งหนึ่ง ไปสู่อีกกิ่งหนึ่ง มันขยับเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ อย่างไม่ลังเล เส้นใยถูกปล่อยออกมาทางก้น แล้วมันก็ใช้ขาหลังยืดออกให้เป็นเส้นบางๆ ตามต้องการ

มีคำถามมากมายเกิดขึ้นภายในหัวของเขา

'มันรู้ได้อย่างไร ว่าต้องทำแบบไหนเพื่อให้ได้กับดักที่มีรูปทรงเช่นนี้' ที่สำคัญ 'มันรู้ได้อย่างไรว่านั่นเป็นรูปทรงที่ถูกต้อง เป็นรูปทรงที่พวกมันทั้งหมดจำเป็นต้องทำตามอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้'

ตอนนี้ใยของมันใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เส้นใยที่หมุนวนโดยเริ่มจากตรงกลางออกสู่ด้านนอก เชื่อมต่อกับเส้นใยหลักทั้งหมด แผ่กว้างออกไปเป็นร่างแห ในความซับซ้อนนั้นมีเส้นใยธรรมดาที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้เพื่อใช้เป็นทางเดิน ส่วนที่เหลือเป็นเส้นใยเหนียวใช้ดักแมลงที่หลงเข้ามาให้ติดอยู่จนดิ้นไม่หลุด

'มันรู้ได้อย่างไร ว่าใยเส้นใดที่ปลอดภัย ในท่ามกลางกับดักที่มันสร้างขึ้นมา เส้นทางใดเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง' ที่สำคัญ 'เส้นทางที่ถูกต้องปลอดภัยของแมงมุมแต่ละตัวนั้นจะเหมือนกันหรือไม่ หากมันต้องไปเดินอยู่บนใยของแมงมุมตัวอื่น มันจะติดใยเองหรือไม่'

หลังจากงานชักใยเสร็จสิ้นลง มันก็กลับมานั่งรออยู่ตรงจุดกึ่งกลางของร่างแห อยู่ในโลกใบเล็กที่มันเป็นคนถักทอสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง โลกที่เต็มไปด้วยใยเหนียวที่จะพัวพันทุกสิ่งเอาไว้อย่างแน่นหนา โลกที่เต็มไปด้วยกับดัก รอคอยเวลาอาหารที่จะมาถึง โดยไม่เกี่ยงว่ามันจะเป็นอาหารมื้อใดก็ตาม

'คราก' เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง มันเตือนให้เขาขยับถอยห่างจากพุ่มไม้ที่กำลังมองดูแมงมุมอยู่อย่างสนใจ มันดังติดต่อกันจนเขาเริ่มคิดว่า บางทีหมาป่าตัวนี้อาจต้องหิวตายก่อนที่การแข่งขันจะจบสิ้นลงก็เป็นได้

'ว่าแต่ มันจะจบลงอย่างไรกันนะ' เขาพยายามคิด เถาะจะต้องหลับเหมือนในนิทานที่เคยได้ดินมาหรือไม่ ตนุผู้ขยันอดทนจะได้รับชัยชนะอย่างนั้นหรือ แต่เขาก็ไม่อยากให้ใครต้องกลายเป็นอาหารของหมาป่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม มันจะมีทางออกที่ดีสำหรับเพื่อนทั้งสองตัวนั้นหรือไม่

“ดูเหมือนจะได้เวลาแล้ว” เสียงแหบห้าวดังออกมาจากในพุ่มไม้

เขาหันกลับไปยังเส้นทางขึ้นเนิน ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกพอดี มีความเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ตัดกับแสงสลัวของดวงอาทิตย์ที่ฉายแสงสุดท้ายเป็นฉากหลัง มันเป็นภาพที่งดงามจนไม่อาจบรรยาย ถ้าไม่นับว่าหลังจากนี้อีกไม่นานจะต้องมีเพื่อนตัวใดตัวหนึ่งต้องจากไปตลอดกาล

'ก็แค่นิทานเท่านั้น' มันเป็นคำปลอบใจที่เลื่อนลอยจนแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่ยินยอมเชื่อ

เงานั้นคลื่อนใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ มันควรจะเป็นตนุ 'แต่ก็ไม่ใช่' มันเป็นเงาของตัวอะไรบางอย่างที่เขาไม่เคยรู้จัก 'หรือว่ามันจะเป็นสัตว์ที่บังเอิญผ่านทางมา เหมือนกับตัวฉัน' แต่ยิ่งเห็นมันชัดขึ้น เขาก็ยิ่งประหลาดใจ

เงาของมันสูงกว่าตนุ มีบางส่วนที่มองดูคล้ายกับใบหูยาวทั้งสองข้างของเถาะ แต่ไม่อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็น เขาไม่คิดว่ารู้จักตัวอะไรที่จะทำให้เกิดรูปเงาแบบนั้น มันยิ่งใกล้เข้ามา มองดูชัดเจนมากขึ้น จนกระทั่งเขาเข้าใจว่าตนเองกำลังมองเห็นสิ่งใดอยู่

เขาพยายามที่จะกลั้นหัวเราะเอาไว้

เถาะหลับ หรืออาจจะแกล้งทำเป็นหลับ ส่วนตนุก็ก้าวเดินอย่างช้าๆ อดทนเหมือนกับในนิทาน แต่มันผิดกันอย่างหนึ่ง และทำให้ความหมายของการแข่งขันในครั้งนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง กระต่ายนอนหลับสบายอยู่บนกระดองหลังของเต่า ทั้งคู่กำลังมุ่งหน้ามาสู่เส้นชัยบนยอดเนินแห่งนี้

'โครก' ดูเหมือนครั้งนี้เสียงของมันจะดังยาวนาน และโอดครวญยิ่งกว่าทุกครั้ง

“เฮ้อ ถึงสักที...” ตนุบ่น เขาเห็นเถาะที่พยายามทำเป็นหลับแอบลืมตาข้างหนึ่งขึ้นมองด้วย “...นายน่าจะเลือกเส้นทางที่มันสั้นกว่านี้ มากๆ เลย เอ้อ แล้วหมาป่าอยู่ที่ไหนกัน”

'คราก' เสียงดังขึ้นแทนคำตอบ เต่าหยุดยืนนิ่ง ทั้งหมดมาชุมนุมกันอยู่บนยอดเนิน ภายใต้ลำแสงสุดท้ายของวัน

“...นี่คือการแข่งขันของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ” เสียงแหบห้าวเอ่ยถาม เขาได้ยินหลายอย่างซ่อนอยู่ในน้ำเสียงนั้น ความโกรธ ความขบขัน ความประหลาดใจ คมเขี้ยว และอาจรวมไปถึงบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ มันเจือไปด้วยความเศร้า

เถาะผุดลุกขึ้นตอบทันใด ไม่ลังเลว่ามันควรจะแกล้งทำเป็นหลับต่อไปหรือไม่

“ใช่ นี่คือการแข่งขัน และพวกเราต่างชนะด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีผู้แพ้” เถาะยิ้มจนเห็นฟันหน้าคู่โต

เขายิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบนั้น 'หากไม่มีผู้แพ้ ก็ไม่มีใครต้องถูกกิน' แต่ลึกลงไปภายในใจ มีอะไรบางอย่างรบกวนเขา อะไรบางอย่างที่รู้สึกว่า 'ไม่ถูกต้อง'

ดวงตาของผู้ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ส่องแสงสีแดงเรืองรอง ภายในนั้นยิ่งดูมืดทึบ ในขณะที่พุ่มไม้ภายนอกแลดูใหญ่โตสูงขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า ดวงอาทิตย์ที่ควรจะลาลับราวกับถูกตรึงให้อยู่นิ่ง ไร้สายลม ไร้การเคลื่อนไหว ไร้เสียง โลกความฝันพลันหยุดนิ่ง

ทันใดนั้น สิ่งที่ไม่ธรรมดาก็เกิดขึ้น ผีเสื้อที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาขยับปีกโบกโบยบินอย่างเริงร่า ราวกับว่าทุกสถานที่คือทุ่งดอกไม้หอมหวาน ทุกเวลาคือยามเช้าอันแสนสดใส ไม่มีความทุกข์ ไม่มีสิ่งใด แล้วมันก็บินเข้าไปติดใยแมงมุม ดูเหมือนไม่มีใครอื่นพบเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากเจ้าของโลกที่ขึงขึ้นมาจากเส้นใยใบนั้น แมงมุมเริ่มขยับตรงเข้าหาเหยื่อของมัน เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เขาเคยดูมันในสารคดี

แมงมุมจะกัดเหยื่อด้วยเขี้ยว ฉีดพิษเข้าไป ทำให้พวกมันอยู่นิ่ง ก่อนเริ่มพันใยไปรอบๆ ตัวเหยื่อ ผีเสื้อจะยังไม่ตายในทันที มันจะถูกเก็บเอาไว้เป็นอาหารสำหรับแมงมุม 'โหดร้าย' นั่นเป็นความคิดแรกที่เกิดขึ้นในใจ

เขาขยับตัว ยื่นมือออกไป คิดจะช่วยเหลือผีเสื้อแสนสวยให้พ้นจากกับดักมรณะนั้น

'เป็นอย่างนั้นจริงหรือ' ดวงตาสีแดงในพุ่มไม้เหลียวมองมา 'อัศจรรย์แห่งการถักทอใยของแมงมุมก่อนหน้านี้หายไปที่ใดกันเล่า' มันทัก

'แมงมุมกางใยเพื่อหาอาหาร เพื่อล่าเหยื่อ เพื่อเลี้ยงชีวิต มันไม่อาจดูดกินน้ำหวาน ไม่อาจกัดกินใบไม้ เพราะมันไม่ได้ถูกสร้างมาให้เป็นเช่นนั้น' ดวงตาคาดคั้น 'เป็นความผิดของมันอย่างนั้นหรือ'

'ผีเสื้องดงาม แมงมุมน่าเกลียด ถ้าการกินผู้อื่นคือความโหดร้าย แล้วแมงมุมสมควรทำเช่นใด มันควรต้องอดตายอย่างนั้นหรือ'

มือที่ยื่นออกไปหยุดนิ่ง มองดูขบวนการทางธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรกันแน่

“ใช่ ไม่มีผู้แพ้” ตนุย้ำคำเพื่อนรักอย่างหนักแน่น

เวลาเดินต่อไป แต่ดวงอาทิตย์ยังคงไม่ลาลับ คล้ายกับกำลังรอคอยตอนจบของนิทานอันแสนแปลกประหลาดเรื่องนี้

“พวกเจ้าโกงข้า” หมาป่าเสียงเศร้า

“เปล่าเลย” เพื่อนทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน “เราไม่ได้โกง” เถาะซึ่งเป็นตัวต้นคิดย้ำ “เราต่างแข่งขัน และมาถึงเส้นชัยพร้อมกันอย่างที่เห็น มันเป็นเช่นนั้นเอง”

เสียงนกร้องราวกับทะเลาะกันดังแว่วมา โลกรอบกายของเขาเริ่มสั่น เขารู้ตัวว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น 'ไม่ ยังก่อน ขอเวลาอีกนิด'

“...ข้าจับพวกเจ้าทั้งสองได้อย่างขาวสะอาด เอ่อ อย่างน้อยก็โดยวิธีที่ข้าจำเป็นต้องใช้เพื่อจับพวกเจ้า ข้าลงแรง ข้าเหนื่อยยาก แต่ข้าก็ยังให้โอกาสพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าแค่ตัวใดตัวหนึ่ง ก็เพียงพอให้ข้ามีชีวิตรอดต่อไปได้แล้ว” มันทำเสียงเศร้า 'โครกคราก' ท้องของมันร้องสนับสนุน

“ข้าหิวเหลือเกิน”

“ไม่มีผู้แพ้ ไม่มีอาหาร” ตนุย้ำ แต่น้ำเสียงเริ่มอ่อนลง “พอ คนที่ผ่านทางมา ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันใช่ไหม” มันหันมามองเขาอย่างคาดหวัง

“...เอ่อ...” ในใยแมงมุมว่างเปล่า ไม่มีผีเสื้อ ไม่มีตัวอะไรทั้งสิ้น แต่มันไม่สำคัญ 'เพราะฉันเห็นผีเสื้อตัวนั้น และได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว' มันเกิดขึ้นจริง ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ตาม

หมาป่าต้องล่า ต้องกินเนื้อ เพราะมันไม่ได้ถูกสร้างมาให้กินหญ้า หรือใบไม้ มันล่าเพื่อเป็นอาหาร ล่าเพื่อชีวิตของมันเอง เถาะกับตนุทำเช่นนี้สมควรแล้วหรือไม่

ตนุมองเห็นความลังเลในดวงตาของเขา

“...นี่เป็นปัญหาของพวกเรา อย่าเอาเขามาเกี่ยวข้องด้วยเลย” รอยยิ้มของเถาะหายไปแล้ว

“พวกเจ้าจะยืนยันผลการแข่งขัน ว่าไร้ผู้แพ้ใช่หรือไม่” เสียงจากในพุ่มไม้เปลี่ยนไป มันฟังดูนุ่มนวล แต่เปี่ยมพลัง

ตนุลังเล พอยิ่งไม่มั่นใจ

“...ไม่ การแข่งขันย่อมต้องมีผู้ชนะ และผู้แพ้” เถาะที่เป็นต้นคิดแผนทั้งหมดนี้ กล่าวออกมาในที่สุด

“ฉันนอนอยู่บนหลังของเพื่อน หากพิจารณาให้ดี ขาของเขาย่อมเหยียบขึ้นเนินแห่งนี้ก่อน หัวของเขาก็เข้าถึงเส้นชัยก่อน ดังนั้น ...ฉันจึงเป็นฝ่ายแพ้”

“ไม่” ตนุร้องลั่น

'พอ' เสียงเรียกดังมาในสายลม 'ขออีกนิด' เขาพยายามฝืน โลกยิ่งสั่นมากขึ้น แต่ก็เป็นเช่นเดิม ไม่มีใครรู้สึกนอกจากตัวเขา แต่คล้ายกับดวงตาในพุ่มไม้จะเหลือบมองมาอย่างไม่ตั้งใจ 'หรือว่ามันจะรู้'

“พอเถอะ ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของฉัน ฉันจึงต้องเป็นคนที่รับผิดชอบ มันเป็นคำสัญญา” เถาะกระโดดลงจากแผ่นหลังที่มั่นคงของเพื่อน “เรา ไม่สิ ฉันไม่ควรคิดโกงตั้งแต่แรก”

“แต่ฉันเป็นคนที่เดินช้า ฉันต้องเป็นคนแพ้สิ” ตนุยังคงไม่ยินยอม

“เร็วหน่อยได้ไหม ใครก็ได้ ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว” เสียงแหบห้าวเร่งเร้า

“คนที่เดินช้าไม่จำเป็นต้องแพ้เสมอไป ไม่มีใครกำหนดเอาไว้เช่นนั้น และทุกคนควรจะได้รู้เรื่องนี้” ตนุรับฟังคำของเถาะอย่างเงียบงัน

เพื่อนรักทั้งสองหันหน้าเข้าหากัน เพื่อกล่าวคำอำลาเป็นครั้งสุดท้าย เถาะคิดอย่างรวดเร็ว

“เพื่อนรัก แล้วพบกันใหม่...” ตนุไม่อาจตอบ ได้แต่พยักหน้าอย่างช้าๆ น้ำตารินไหล “...เธอด้วย พอ คนที่ผ่านทางมา ยินดีที่ได้พบกัน” เถาะหันมาทางเขา ก่อนที่จะกระโดดหายเข้าไปในพุ่มไม้มืด

ดวงอาทิตย์ที่รีรออยู่ลาลับดับสิ้นแสง เหลือไว้เพียงความมืด กับเสียงสะอื้นของเต่าที่กำลังร้องไห้ นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าในความฝันของเด็กชายตัวน้อยก็จบลงแต่เพียงเท่านี้

#####

ฟูลนั่งอ่านทบทวนเรื่องกระต่ายกับเต่าอีกครั้ง เขาตื่นขึ้นทันทีเมื่อรู้สึกว่าพวกมันกลับมา นิทานจบลงแล้ว และ 'มันจบลงอย่างน่าสนใจ' เต่ายังคงเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอยู่เช่นเดิม แม้จะไม่เป็นไปตามเรื่องราวที่คุ้นเคยก็ตาม

'ฉันตัดสินใจได้แล้ว' เขายิ้ม ยิ้มจนเห็นเขี้ยวขาว

#####

สองพ่อลูกเดินไปโรงเรียนด้วยกันแต่เช้าตรู่ มันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทำมานานแล้ว แม่กับคุณยาย และรถที่มีอยู่เพียงคันเดียวยังคงไม่กลับบ้าน วันนี้พ่อคงต้องหาทางไปทำงานเอง

“ลูกแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร”

“ครับ” เขาตอบ พยายามทำเสียงให้ร่าเริง

พ่อหมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน ค่ำคืนที่ผ่านมาทั้งสองนอนด้วยกันในห้องนอนใหญ่ พ่อตื่นขึ้นด้วยเสียงนกร้องปลุกจากโทรศัพท์ที่วางเอาไว้บนหัวเตียง และพบว่าลูกชายที่อยู่ข้างๆ นอนร้องไห้จนน้ำตานองเปียกหมอน พ่อจึงคิดว่าเขาไม่สบาย

“ถ้ามีอะไรก็ให้ครูโทรไปบอกพ่อได้นะ” เขาได้แต่พยักหน้ารับ

“เอ๋ มีร้านหนังสือมาเปิดอยู่ในที่แบบนี้ด้วยหรือ” พ่อเหลียวมองป้ายเมื่อเดินผ่าน ร้านหนังสือฟูล ดูเหมือนพ่อจะไม่เคยเห็นมันมาก่อน

“ผมเคยเข้าไปดูมาแล้ว...ข้างในมีหนังสืออยู่มากทีเดียว แถมยังมีหนังสือต่างประเทศด้วยนะครับ”

เขาตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงความรู้สึกแปลกประหลาดที่ได้พบเจอ รวมถึงตัวเจ้าของร้านด้วย

“เหรอ” พ่อตอบเพียงสั้นๆ แต่เขารู้ว่าพ่อต้องรู้สึกสนใจ พ่อเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ในบ้านจึงมีตู้ขนาดใหญ่ กับหนังสือจำนวนมากมาย แต่พ่อก็ไม่เคยบังคับให้เขาต้องเอาแต่อ่านหนังสือ เพียงแต่ในทุกครั้งที่เขาขอซื้อ พ่อจะหยิบไปพลิกดูสองสามหน้า ก่อนซื้อให้ตามที่ขอ ยกเว้นแต่ว่ามันจะมีราคาแพงจนเกินไป

วันนี้มีอะไรแปลกๆ พ่อดูใจลอยมากกว่าที่เคย

“เอ่อ พ่อครับ” เขาตัดสินใจถาม “หือ” พ่อไม่ได้หันมา

“เกิดอะไรไม่ดีขึ้นหรือเปล่าครับ...ผมหมายถึง ที่คุณยายกับแม่หายไป ไม่ได้มีอะไรใช่ไหมครับ”

พ่อหันมาทันที “เปล่า ไม่มีอะไร แค่แม่กับคุณยายมีธุระสำคัญบางอย่างเท่านั้นเอง” พ่อย้ำ “ไม่มีอะไร ลูกอย่าคิดมากไปเลย”

แล้วทั้งคู่ก็เดินต่อไปจนถึงประตูรั้วของโรงเรียน

“เย็นนี้รีบกลับบ้านด้วยล่ะ” พ่อพูดทิ้งท้าย เขายกมือขึ้นไหว้ ก่อนหันหลังจะเดินเข้าโรงเรียน วันนี้ยังเช้าอยู่มากจึงไม่มีครูเวรมายืนรอ มีเพียงคนงานที่คอยทำหน้าที่เปิดประตูยืนดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น

“เอ่อ” พ่อส่งเสียงเรียก เขาหันกลับมา “เย็นนี้เราคงได้เจอแม่กับคุณยาย...ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ” เป็นอีกครั้งที่เขาคิดว่าพ่อคงมีอะไรที่อยากจะพูดมากกว่านั้น

ชั่วโมงเรียนผ่านไปตามปกติ จนถึงช่วงพักกลางวัน

“ไปนั่งตรงโน้นดีกว่า” อะตอมชักชวน เดินถือถาดอาหารนำหน้า เขาก็เดินตามไป

“ว่าไง” เสียงสดใสดังมาจากโต๊ะที่เป็นเป้าหมาย กับดวงตาโตคู่นั้น เขาเริ่มรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ดูเหมือนพักหลังมานี้เขาจะได้พบเธอบ่อยขึ้นกว่าเดิม

“ให้ฉันกับเพื่อนนั่งด้วยได้ไหม” อะตอมถามพริมกับเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

“ได้สิ” เธอยิ้มให้กับทั้งสอง เขาเหลือบมองเพื่อน และคิดว่าใบหน้าของเขาเข้มขึ้นนิดหน่อย ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจอะไรอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว

'อย่างนี้นี่เอง' ดูเหมือนว่าเพื่อนรักของเขาจะมีความสุขกับการกินอาหารกลางวันมากกว่าปกติ และเพื่อนๆ ของพริมก็หันไปยิ้ม กระซิบ หัวเราะกันเป็นบางครั้ง

วันนี้คงจะเป็นวันที่ปกติอีกวัน หากในช่วงบ่ายจะไม่มีเสียงตามสายประกาศชื่อของเขาดังขึ้น

'เด็กชาย...นำกระเป๋านักเรียนมาพบผู้ปกครองที่ห้องฝ่ายปกครองด่วน'

เพื่อนทั้งห้องหันมามองเขา ครูประจำวิชาหยุดสอน เขาเริ่มลงมือเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว ใจสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาจะไม่เป็นเช่นนี้เลย หากไม่มีเรื่องแปลกๆ ทั้งที่บ้าน และในความฝันเกิดขึ้น

ก่อนออกจากห้อง เขาเหลือบเห็นอะตอมใช้สายตาไต่ถามมองมา และเขาทำได้เพียงแค่ฝืนยิ้มตอบกลับไป เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรเกิดขึ้นกันแน่

'มันต้องไม่ใช่เรื่องร้าย มันต้องไม่ใช่เรื่องร้าย' เขาพึมพำซ้ำๆ ไปตลอดทาง


Create Date : 30 กันยายน 2555
Last Update : 30 กันยายน 2555 12:54:16 น. 0 comments
Counter : 928 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.