ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
23 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 
โธพิ (ุ10) สมดุลแห่งพลัง

เสินกวงสงบใจลงพร้อมสูดลมหายใจเข้าออก พลังซาโตภายในกายพลันสะสมเพิ่มพูนขึ้นอีกครั้ง นาโนแมชชีนที่อยู่ในบริเวณนี้ทั้งหมด ความเป็นจริงในบริเวณนี้ทั้งหมดต่างส่งพลังหนุนเนื่องให้กับเขา

'พลังที่สามารถฉีกกระชากความเป็นจริงให้พังทลายลงได้นี้มีอันตรายมากเกินไป พวกมันจึงจำเป็นต้องถูกควบคุมอย่างเหมาะสม ด้วยกระบวนการ ด้วยขั้นตอน ด้วยระเบียบวิธี เพื่อให้ทุกสิ่งในจักรวาลสามารถดำเนินต่อไปได้'

เขาก้าวเดินช้าๆ เข้าหาคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า พลังในกายถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้นมา แต่ร่างกายของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับโธพิที่กลายร่างเป็นกิเลนดำ หรือวิหคเพลิง เขาคิดว่าอาจเป็นเพราะตนเองสามารถควบคุมพวกมันได้ดีกว่า มันเหมือนกับการมีสองร่างซ้อนทับอยู่ภายในสถานที่ และกาลอวกาศเดียวกัน

ร่างของพยัคฆ์สีขาวราวหิมะเยื้องย่างด้วยความสงบเยือกเย็นไปพร้อมกับเขา ความทรงจำถูกหมุนย้อนกลับไปในวันที่กรงเล็บ และคมเขี้ยวของมันถูกเผยออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก เวลาที่มันสลัดท่าทีอันเฉื่อยชาทิ้งไปพร้อมกับกระโจนเข้าใส่อาจารย์ตาระ และคนอื่นๆ ซึ่งรีบกลายร่างเป็น เทวราชทองคำ มนุษย์ยักษ์ที่มีร่างกายเป็นสีทองเข้าต่อกรกับร่างเสือขาวของเขา

วันนั้นที่สำนักถูกทำลายราบด้วยน้ำมือของเขาเอง

ภูผา ผืนฟ้า ต้นไม้ และทุกสิ่งที่อยู่รอบกายพลันหายวับไป ภาพสามมิติพร้อมทั้งสภาวะจำลองทั้งหมดถูกปิดลงอย่างฉับพลัน เหลือทิ้งไว้เพียงศัตรูตรงหน้า กับที่ว่างของห้องโถงสีขาวขนาดใหญ่ซึ่งทำให้ความรู้สึกถึงภายใน และภายนอกถูกบิดเบือนจนสับสน

โธพิยังคงยืนนิ่งอยู่ในที่เดิม

เขาอยู่ตรงนี้ และเดี๋ยวนี้ ภายในความทรงจำเต็มไปด้วยสิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งชีวิตที่พึ่งผ่านไปแต่กลับเหมือนเนิ่นนานมาแล้ว ระยะเวลาหลายล้านปีแสงที่เป็นดุจดั่งชั่วพริบตา ทั้งความเศร้าโศก ความโกรธแค้น ความรัก ความผูกพัน และความรู้สึกต่างๆ ที่เป็นของตน และก็คล้ายเป็นสิ่งนอกกายในเวลาเดียวกัน

“ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน”

เสียงสังเคราะห์ของหญิงสาวที่คล้ายเป็นเสียงระฆังยุติการต่อสู้ลงชั่วคราว ดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไป ภาพสามมิติพร้อมทั้งสภาวะจำลองถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ห้องโถงสีขาวที่ว่างเปล่ากลับกลายเป็นอวกาศเวิ้งว้างทางด้านนอก มีดวงดาว สถานีอวกาศ และภาพของสิ่งแปลกประหลาดที่เสินกวงไม่อาจทำความเข้าใจได้ในตอนแรก

“นี่เป็นบันทึกข้อมูลซึ่งถูกส่งมาจากกล้องที่ใกล้ที่สุด แสดงให้เห็นสถานีซ่อมบำรุงยานหนอนอวกาศของระบบ โซเวีย...” เสียงของชายที่ไม่ได้แจ้งตัวตน และเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดังติดตามมา “...ก่อนที่มันจะหายไป ครับ” พอพูดมาถึงตอนท้ายน้ำเสียงของเขาจึงเปลี่ยนเป็นราบเรียบอย่างที่ไม่ควรเป็น

“เราเสียสถานีซ่อมบำรุงยานไปอย่างนั้นหรือ” เขาถามโดยไม่ละสายตาจากร่างที่อยู่ตรงหน้า พยัคฆ์ขาวจำแลงเองก็ยังจ้องราวกับเป็นแมวเฝ้าเหยื่อ 'แค่นี้ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน' ถึงแม้ระบบโซเวียที่ว่า จะอยู่ติดกันกับระบบชีน่าแห่งนี้ก็ตาม

ภาพของผีเสื้อยักษ์ที่มีปีกเป็นประกายหลากสีสวยงาม ค่อยๆ สยายปีกกว้าง 'คงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นของใครบางคนแน่' ขนาดลำตัวของมันเล็กกว่าสถานีซ่อมบำรุงที่เกาะอยู่ และใกล้เคียงกับยานหนอนอวกาศที่จอดอยู่ข้างๆ แต่ปีกทั้งคู่นั้นมีขนาดใหญ่โตกว่าหลายเท่าตัว ผงละอองจากปีกของมันฟุ้งกระจายออกไปในอวกาศ และทำให้ทุกสิ่งที่อยู่ในบริเวณหลงเหลือเพียงความมืดดำซึ่งว่างเปล่ายิ่งกว่าที่อวกาศเคยเป็นเสียอีก

“มันเป็นตัวอะไรกัน”

“...พวกมัน ครับ” พอสิ้นคำตอบ เสินกวงก็มองเห็นปีกอีกคู่หนึ่งค่อยๆ คลี่กางออก ครั้งนี้เขาได้เห็นที่มาของมันอย่างชัดเจน ปีกทั้งคู่นั้นผุดออกมาจากภายในรอยแยกบนลำตัวยานหนอนอวกาศที่จอดอยู่ด้านข้าง ก่อนที่ผิวนอกทั้งหมดซึ่งเคยเข้าใจว่าเป็นเปลือกจะปริแยกออก เผยให้เห็นร่างแบบบางของผีเสื้อที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน

นับเป็นความเข้าใจผิดมาตั้งแต่ต้น ที่แท้พวกมันทั้งหมดไม่ใช่หนอน แต่เป็นดักแด้อวกาศต่างหาก

“คาดว่ายานหนอนอวกาศทั้งหมดของเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ขึ้นเช่นกัน ครับ”

ถึงตอนนี้เสินกวงก็เข้าใจในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว ยานหนอนอวกาศคือหัวใจของการเดินทางในอวกาศ หากขาดพวกมันไปในตอนนี้ มนุษยชาติก็เหมือนดั่งถูกตัดขาทั้งสองข้างทิ้งไปนั่นเอง

ผีเสื้อยักษ์ทั้งสองค่อยๆ โบกปีกที่แบบบางขึ้นลง เมื่อผงละอองจากปีกของมันสัมผัสเข้ากับตัวสถานีซ่อมบำรุง สถานีอวกาศที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทนทานต่อสภาพที่โหดร้ายรุนแรงของอวกาศก็หายไปในทันที มันไม่ใช่การระเบิด ไม่ใช่การแตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่มันหายไปราวกับถูกดูดเข้าไปในตัวของมันเอง

“นั่น...มันอะไรกัน”

“คาดว่าจะเป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากการสัมผัสกันระหว่างสสารกับ...ปฏิสาร ครับ” ภาพผีเสื้อทั้งสองค่อยๆ ล่องลอยแยกย้ายไปคนละทาง ละอองผงจากปีกของมันก่อเกิดเป็นเส้นทางเวิ้งว้างทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าอย่างถึงที่สุดไปตลอดทาง

“ปฏิ...สาร”

สิ่งที่เชื่อกันว่าเป็นคู่ตรงข้ามของสสาร ทั้งสสาร และปฏิสารนั้นคือส่วนหนึ่งของความเป็นจริงทั้งคู่ แต่หากทั้งสองสิ่งนี้รวมเข้าด้วยกันแล้ว ก็จะกลายเป็นสิ่งตรงข้าม สิ่งที่ไม่ใช่ความเป็นจริง ความไม่มี สิ่งที่ตรงข้ามกับทุกสิ่งที่เราทั้งรู้จัก ยังไม่รู้จัก และไม่มีทางรู้จัก การศึกษาพวกมันไม่เคยคืบหน้ามานับตั้งแต่อดีต นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายต่างคาดว่าพวกมันสมควรมีอยู่จริง แต่ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ที่ใด เพราะไม่อย่างนั้นทั้งสองสิ่งคงรวมตัวเข้าด้วยกันตั้งแต่แรก ไม่เกิดเป็นจักรวาลแห่งนี้ขึ้นมาแล้ว

“พวกเรากำลังจะเดินทางออกไปศึกษามัน” น้ำเสียงนั้นราบเรียบ

พวกเราที่ว่าคงหมายถึงเหล่านักวิทยาศาสตร์ 'ปฏิสารจากผีเสื้ออวกาศเหล่านั้นกำลังจะทำลายล้างจักรวาล ฉีกกระชากความเป็นจริงทุกอย่างให้ย่อยยับ แต่มนุษย์ซึ่งเรียกตัวเองว่านักวิทยาศาสตร์กลับต้องการนั่งยานอวกาศที่เชื่องช้าออกไปเพียงเพื่อทำความเข้าใจให้ได้ว่า มันจะเกิดขึ้นอย่างไร'

'หรือมีเพียงตัวฉันเท่านั้นที่คิดลุกขึ้นต่อต้านสิ่งนี้' เสินกวงได้แต่คิดอยู่ภายในใจ

“เหล่าผีเสื้อกระพือปีกในอยู่ในสวน แล้วทั่วทั้งจักรวาลก็ล่มสลาย”

มันเป็นคำพูดสุดท้าย ก่อนที่ทั้งภาพและเสียงทั้งหมดนั้นจะหายไป ห้องโถงกลับคืนสู่ความเวิ้งว้างสีขาวที่มีความหวาดกลัวของจุดจบแห่งจักรวาลโบกโบยบินอยู่ทางเบื้องนอก

เสินกวงมองไม่เห็นทางออก ถึงแม้พลังซาโตของเขาจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่การต่อสู้กับผีเสื้ออวกาศขนาดยักษ์ที่เป็นต้นกำเนิดของปฏิสารจำนวนมากมายมหาศาลนั้นดูเหมือนไม่มีทางเป็นไปได้เลย 'ทั้งหมดใช่เกิดจากผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้หรือไม่ หากโค่นมันลงได้ ใช่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือไม่'

มันไม่มีคำตอบ แต่เขาก็คิดจะทดลองดูสักครั้ง

“ริ” เขาผนึกพลังซาโตทั้งหมดส่งออกไป พยัคฆ์ขาวพลันแยกเขี้ยวส่งเสียงคำราม กรงเล็บที่เก็บซ่อนไว้กางออกพร้อมกระโจนเข้าใส่คู่ต่อสู้ตรงหน้า รวดเร็วดุดัน เป็นสายฟ้าสีขาวซึ่งนับเป็นที่สุดของเพลงหมัดสายฟ้าแล้ว

'จงนำสมดุลกลับคืนมา' นั่นคือคำสั่งเสียสุดท้ายของอาจารย์ตาระ

โธพิพลันยกมือขวาขึ้นช้าๆ นิ้วชี้กับนิ้วโป้งจรดกันเป็นวงล้อ นิ้วที่เหลือชี้ขึ้นสู่เบื้องบน ทั้งสายฟ้า ทั้งพยัคฆ์ขาว พลันหายเข้าไปในวงแห่งความว่างอันไร้ที่สุดนั้น

“ท่านเข้าใจผิดแล้ว ทั้งตัวท่านและข้า ทั้งหมดในจักรวาลนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุและผลกันทั้งสิ้น พลังซาโตเองก็เช่นกัน ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของความว่างเปล่านี้”

อนุภาคเครื่องจักรแห่งความเป็นจริงให้กำเนิดทุกสิ่ง อีกทั้งพวกมันยังเป็นไข่ที่ให้กำเนิดหนอนอวกาศซึ่งภายในร่างกายเก็บกักปฏิสารส่วนใหญ่เอาไว้ในอวกาศทางด้านใน หรือด้านนอกก็ตาม ก่อเกิด เติบโต ถักทอรังมัดใยให้กับตัวเองจนกลายเป็นดักแด้เพื่อรอวันเวลาที่ผีเสื้อจะได้โบกโบยบินอีกครั้ง

ความเป็นจริงในชั่วพริบตาที่จะสลายจักรวาลทั้งหมดนี้ให้หายไป

“ไม่ นั่นไม่ถูกต้อง การกลับคืนสู่ความว่างแบบนี้ไม่ใช่จุดหมาย พลังซาโตสมควรถูกควบคุมเอาไว้ เพื่อให้ความเป็นจริงได้คงอยู่ตลอดกาล”

โธพิพลันพยักหน้า

“ท่านกล่าวผิดแล้ว”

ขบวนความคิดถูกหยุด เสินกวงไม่เข้าใจในท่าทีกับคำพูดที่ขัดกันเองของตัวประหลาดผู้นี้

“...สมดุลที่แท้แล้วคือสิ่งใดกัน ใช่ความว่างเปล่าอันไม่สิ้นสุดหรือไม่” โธพิพลันยกมือขึ้นอีกข้างหนึ่ง ทำท่ามือเช่นเดียวกับเมื่อก่อนหน้าเพียงแต่กลับด้านหันนิ้วที่เหลือชี้ลงสู่เบื้องล่าง ก่อเกิดเป็นวงกลมขึ้นอีกวงซึ่งทั้งเหมือน และตรงกันข้าม

วงกลมทั้งสองนั้นดึงดูดสายตาของเสินกวงเอาไว้ คล้ายกับว่ามันคือจุดหมายของจักรวาล วงกลมทั้งสองค่อยๆ ถูกเคลื่อนเข้าหากัน ดุจดั่งการเต้นรำของผีเสื้ออวกาศพร้อมกับปฏิสารเหล่านั้น เมื่อวงกลมทั้งสองซ้อนทับกันเป็นหนึ่งเดียว เมื่อการเต้นรำสิ้นสุด เมื่อบทเพลงแห่งความเป็นจริงหยุดบรรเลง ความเงียบงันอันไร้ที่สุด ความว่างเปล่าที่เปล่าว่างก็จะบังเกิดขึ้นทันที

แม้จะไร้ความหมายแต่เสินกวงก็ยังรวบรวมพลังซาโตสร้างพยัคฆ์ขาวขึ้นอีกครั้ง สายฟ้าสีขาวสาดประกายเจิดจ้า 'เจ้าไม่เคยคิดจะหยุดเลยสักครั้ง' เสียงอบอุ่นห่วงใยที่เคยได้ยินมาตั้งแต่เด็กดังขึ้นภายในใจ น้ำตาสองสายพลันไหลลงมาอย่างไม่อาจควบคุม

“...ท่านอาจารย์ตาระ”

อดีตที่ผ่านมาไหลผ่านไปราวกับสายน้ำที่ไม่หวนคืน ด้วยสองมือนี้ได้เคยทำสิ่งใดลงไปบ้าง เสินกวงหยุดแล้ว วงกลมทั้งสองก็หยุดลงเช่นกัน

แต่มันไม่ได้ซ้อนทับกันอย่างที่คิด โธพิหยุดมันลงแค่ให้ปลายนิ้วทั้งสี่แตะชนกัน มันจึงไม่ใช่วงกลมเพียงหนึ่งเดียวที่สมบูรณ์ แต่เป็นสองวงที่หมุนเวียนต่อเนื่องไม่มีสิ้นสุด

“...หรือเช่นนี้จึงนับเป็นภาวะแห่งสมดุล” เสินกวงพึมพำออกมาเบาๆ ที่มุมปากพลันเกิดเป็นรอยยิ้มเล็กๆ ที่ไม่อาจเข้าใจขึ้น

โธพิพลันส่ายหน้า “ครั้งนี้ท่านกล่าวถูกแล้ว” พร้อมกับรอยยิ้มเช่นกัน

พลังซาโตจากทั่วทั้งจักรวาล ความเป็นจริงทั้งหมดพลันเคลื่อนไหวพร้อมกัน “ริ” ร่างของโธพิเกิดการบิดเบี้ยวก่อนนาโนแมชชีนจะแปรเปลี่ยนมันให้กลายเป็นมังกรยักษ์สีเขียวมรกตโผพุ่งขึ้นสู่อวกาศเบื้องบน เมื่อดูจากที่ไกลๆ มันมองดูคล้ายกับลำต้นของต้นไม้ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา

รากของมันดึงดูดพลังซาโตทั้งหมดเข้าไป จากรากสู่ลำต้น จากลำต้นกางออกเป็นใบ เป็นดอกตูมสีทองรูปทรงคล้ายดอกบัว แต่กลีบนั้นมองดูคล้ายมือจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน พวกมันค่อยๆ คลี่กางออก มือที่ไม่อาจนับจำนวนได้ ถูกยื่นออกไปในทั่วทุกทิศทาง

ดอกบัวแห่งพลังซาโตผลิบานแล้ว และกลิ่นหอมหวานของมันก็ดึงดูดเหล่าผีเสื้ออวกาศให้เข้ามารวมกัน

ผีเสื้อโบกปีก ฉีกกระชากกาลอวกาศ ความเป็นจริง และทุกสิ่งให้แหลกสลายหายไป ก่อนก่อกำเนิดขึ้นใหม่และไหลเวียนไปอีกครั้งด้วยความนิ่งสงบ มันรวดเร็วจนราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นในช่วงกลางระหว่างนั้น

ทั้งหมดยังคงมีแค่เพียงที่นี่ และเดี๋ยวนี้เท่านั้น

#####

เสินกวงจากไปแล้ว ทอดทิ้งทั้งความคิดที่จะควบคุมพลังซาโต และสหดวงดาวแห่งจักรวาลเอาไว้ทางเบื้องหลัง เขารู้ว่าอดีตบางส่วนได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดักแด้ของหนอนอวกาศทั้งหมดนั้นยังไม่ออกจากรังไหมของพวกมัน ความเป็นจริงยังคงอยู่ ความว่างเปล่าก็เช่นกัน แต่ทั้งหมดนั้นไม่สำคัญ เขาถล่มสำนัก สังหารอาจารย์ นั่นยังคงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และเขาก็อ้าแขนน้อมรับมันเอาไว้ทั้งหมด

#####

โธพิยืนจับมือลิ้วเฮียงแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟากฟ้ามืดมิดในยามค่ำคืนของดาวคันธาแห่งระบบอิเดีย พร้อมกับคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน มารดาของเขายืนห่างทั้งคู่ไปเล็กน้อย ทุกสิ่งคล้ายหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว ก่อนที่แสงสว่างจะทาบทอไปทั่วท้องฟ้า พลุไฟแตกระเบิดออก ส่งประกายสีสันสวยงามสว่างไสวจับตาก่อนร่วงโรยรา

ไม่ว่านางจะเคยเป็นโจรจร หรือเคยเป็นใครล้วนไม่สำคัญต่อเขาทั้งสิ้น ร่างที่เป็นดุจดั่งสายลมหอมกรุ่นนั้นอิงเข้ามาในอ้อมอกของเขา ก่อนกระซิบเบาๆ

“ในชั่วพริบตาแห่งความมืดก่อนที่พลุจะแตกระเบิดนั้น คล้ายกับเป็นฝันร้ายอันไม่สิ้นสุดเลยทีเดียว”

เขาพยักหน้าก่อนกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนให้แน่นยิ่งขึ้น


Create Date : 23 มิถุนายน 2556
Last Update : 23 มิถุนายน 2556 11:35:04 น. 1 comments
Counter : 1452 Pageviews.

 
สวัสดีค่า คุณโส่ย ^^
มาเยี่ยมบล็อคก่อน
ค่ำๆค่อยไปที่กระทู้ค่า

จบไปอีกหนึ่งเรื่อง เป็นเรื่องที่นุ่นไม่ถนัดเลยเมนท์ไม่ออกค่ะ อิอิ

คราวหน้าค่อยแก้ตัวใหม่นะคะ



โดย: lovereason วันที่: 23 มิถุนายน 2556 เวลา:15:40:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.