ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 พฤษภาคม 2558
 
All Blogs
 

แจ้ง (ุ6)

เมื่ออรุณหลับไปภายหลังการพบเจอกับกิ้งก่ายักษ์ในคืนนั้น ถึงแม้ในแต่ละครั้งจะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่เวลาในโลกแห่งความฝันนั้นแตกต่าง เวลาในความทรงจำนั้นไม่เคยคงที่ มันได้นำพาเขาให้ย้อนกลับไปวนเวียนอยู่กับเจ็ดวันในอดีต สัปดาห์แห่งการทดสอบ และการต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง

มีดแบบหยาบๆ ที่ตีขึ้นจากเหล็กเล่มนี้ถึงแม้จะทั้งเก่า ทั้งผุกร่อน แต่ก็สามารถช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้น

มันทำให้เขาเกิดความสงสัยขึ้นมาว่ามนุษย์ในอดีตนั้นเคยใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร ในสมัยหนึ่งอาจด้วยเครื่องมือที่ทำจากไม้ และก้อนหิน แล้วก่อนหน้านั้นเล่า ด้วยการไม่มีอะไรเลยนอกจากสองมือของตนเท่านั้น

ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือต่างๆ แต่มันยังรวมไปถึงทุกสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ ถูกสร้างสมพัฒนาต่อเนื่องเรื่อยมาเหมือนดั่งเป็นความทรงจำร่วมกันของมนุษยชาติทั้งมวล ในขณะเดียวกัน ก็มีความทรงจำอีกประเภทซึ่งคงอยู่ในรูปของความคิด แต่ก็สามารถที่จะตกทอดสืบต่อไปได้เช่นกัน ความทรงจำชนิดนี้มีความสำคัญไม่แพ้ในรูปของวัตถุ รู้จักกันในนามของภูมิปัญญา และความรอบรู้ต่างๆ นั่นเอง

ความทรงจำของมนุษยชาตินั้นมีอยู่มากมาย ทั้งดี ร้าย ทั้งที่กลายเป็นวัตถุที่จับต้องได้ เป็นความรอบรู้ ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ ความกลัว และสิ่งต่างๆ มากมาย ในขณะที่ก็มีความทรงจำบางอย่างที่ถูกหลงลืมไปเช่นกัน ไม่ต่างจากการหลงลืมของบุคคลนั่นเอง

ก่อนจะสิ้นสุดวันแรก เขาได้ใช้มีดเล่มนั้นเหลาไม้ปลายแหลมขึ้นหลายอันก่อนนำไปแทงปลาจากในแม่น้ำที่อยู่ไม่ห่างกระท่อมที่พัก ซึ่งเพียงแค่เดินตามเสียงน้ำไหลไปไม่นานก็สามารถพบเจอสายน้ำนี้ได้ไม่ยาก อีกทั้งในระหว่างทางเขายังได้พบเจอต้นไผ่ ซึ่งลำต้นที่เป็นข้อปล้องขนาดใหญ่ของมันนั้นกลวงว่างภายใน ซึ่งสามารถตัดโค่นลงมาเพื่อใช้ทำเป็นภาชนะใส่น้ำ และอาจรวมถึงใช้ปรุงอาหารได้ด้วย ถึงแม้จะมีปัญหาอยู่บ้างกับการพยายามใช้มีดทื่อๆ เพื่อตัดมันในตอนแรกก็ตาม

มีดทื่อไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเขาเป็นลูกชายของช่างตีเหล็กประจำหมู่บ้าน หากจะว่าไปแล้วความสามารถในเชิงช่างที่เขาได้รับถ่ายทอดมาก็นับเป็นรูปแบบหนึ่งในความทรงจำของมนุษยชาติด้วยเช่นกัน

เขาค้นหาจนพบก้อนหินที่มีลักษณะตามต้องการได้ไม่ยากที่แถวๆ ริมน้ำนั่นเอง และใช้เวลาพักใหญ่ให้หมดไปกับการนั่งฝนคมมีดกลับไปกลับมาด้วยการเอียงทำมุมอย่างพอเหมาะ เด็กชายหลายคนก่อนหน้าคงเพียงแค่ใช้มัน แต่ไม่เคยคิดที่จะลับมันให้คม แม้จะไม่เหมือนกับการใช้เครื่องมือที่เหมาะสม กับเตาไฟร้อนแดงในโรงช่างที่บ้าน แต่เด็กชายอีกหลายคนที่จะกลายเป็นชายหนุ่มต่อจากเขาคงจะลำบากน้อยลงหากพวกเขาใช้งานมีดเล่มนี้ต่ออย่างเหมาะสม

อาหาร น้ำ และที่พัก ซึ่งมีอยู่แล้วแม้จะผุพังก็ตาม เพียงไม่นานเขาก็มีสิ่งจำเป็นเบื้องต้นสำหรับการใช้ชีวิตครบถ้วน มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่บางทีมันอาจแตกต่างเป็นคนละเรื่องหากเขาไม่มีมีดเล่มนี้

เขาหย่อนตัวนั่งลงบนเปลผูกที่เจอในกระท่อม หลังจากได้ทดสอบความแข็งแรงของมันจนแน่ใจว่าจะไม่ขาดลงมาในขณะที่กำลังใช้งาน เถาวัลย์ทั้งเก่าใหม่ไขว้สลับกันอย่างซับซ้อนจนแทบแยกไม่ออกพวกนี้ทำงานร่วมกันกลายเป็นความนุ่มสบายอย่างประหลาด จิตใจของเขาผ่อนคลายลง หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ เขาคงจะสามารถผ่านอีกหกวันที่เหลือไปได้ไม่ยาก

'ฉันควรจะต้องกินอาหารหรือยังนะ'

เมื่อครู่ก่อนหน้า เขาเห็นดวงอาทิตย์คล้อยไปทางทิศตะวันตกมากพอควร เที่ยงวันผ่านเลยไป และเขาควรจะต้องกินมื้อกลางวัน 'แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องกินตามเวลาไม่ใช่หรือ' เขาจะกินอะไร จะกินเมื่อไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกินตอนเที่ยง หรือเวลาใดเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ เขาจะกินต่อเมื่อรู้สึกหิวก็ได้ แล้วทำไมคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจึงกินอาหารกันตามเวลา รวมถึงตัวเขาเองด้วย แล้วทำไมจึงต้องกินอาหารวันละสามมื้อ มันอาจเป็นเพียงเรื่องธรรมดาจนไม่มีใครอยากนึกสงสัยก็เป็นได้

'แล้วตอนนี้ฉันควรจะต้องทำเหมือนเดิมด้วยหรือเปล่า'

เขาล้มตัวนอนลงในเปล มันส่งเสียงดังแปลกๆ แต่ก็ยังรู้สึกมั่นคง การกินปลาติดต่อกันตลอดเจ็ดวันคงไม่แย่นัก อีกทั้งเขายังสามารถลองพยายามจับสัตว์เล็กๆ ชนิดอื่นๆ ที่ยังคงมีอยู่ค่อนข้างชุกชุมในแถบนี้ได้ด้วย พืชผักที่รู้จักหลายอย่างก็ยังพอเก็บหาได้ไม่ยาก แต่พวกผลไม้คงไม่ค่อยมีในช่วงเวลานี้ของปี นอกจากจะเป็นพวกลูกไม้ลูกเล็กๆ ผลสีเข้มเกือบดำที่เก็บได้จากไม้พุ่มบางชนิดที่กินได้ แต่พวกมันส่วนใหญ่มักมีรสฝาด จึงไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบมากนัก

รสขมฝาดนั้นเป็นรสของผู้ใหญ่ เป็นรสของชีวิต ไม่รู้ว่าเขาเคยไปได้ยินคำพูดนี้มาจากไหน

เขาลืมตาตื่นขึ้นจากความฝันสมจริงที่สลายหายไปในเสี้ยววินาที ไม่นึกสงสัยถึงการคงอยู่ของมันก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย สภาพรอบกายภายใต้ความมืดสงบงันคือความเป็นจริงสำหรับเขาที่ทุกอย่างยังดูเป็นปกติ เสียงลมหายใจของเพื่อนดังขึ้นเป็นจังหวะทอดยาว ร่างนั้นนอนงองุ้มไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะยังคงปวดบาดแผลอยู่หรือไม่ เขาตัดสินใจที่จะปล่อยให้เพื่อนได้นอนต่อไปจนถึงเช้า ก่อนนั่งนิ่งอยู่ในความมืดเช่นนั้นอีกไม่รู้ว่านานเพียงใด เวลาในช่วงเวลาเช่นนี้ก็มีความยาวที่ไม่แน่นอนคล้ายกับในความฝันด้วยเช่นกัน ก่อนที่สุดท้ายเขาจะหลับตาลงและกลับคืนสู่โลกในความฝันนั้นอีกครั้ง

ในวันที่สอง และสามของการทดสอบ กิจกรรมส่วนใหญ่ของเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก สายน้ำกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของเขา ทั้งใช้ในการชำระล้าง ดื่มกิน และหาปลาซึ่งยังคงเป็นแหล่งอาหารหลักของเขา พืชผักที่เก็บหามาได้ถูกนำมาทำให้สุกรวมกันอย่างง่ายๆ ในกระบอกไม่ไผ่ด้วยกองไฟที่ก่อขึ้นบนลานหน้ากระท่อม

แต่ในบางช่วงเวลา เมื่อเขานั่งปล่อยให้ความคิดล่องลอยไกล บางทีอาจไกลจนเกินไป ก็จะมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นอย่างไร้ที่มาที่ไป

'ถ้าหากว่าเป้าหมายไม่ใช่เป็นเพียงการใช้ชีวิตอยู่ในเจ็ดวันนี้เท่านั้นเล่า หากว่านี่คือชีวิตที่เหลือทั้งหมดของเขา แล้วเป้าหมายควรจะเป็นอะไร เขาควรใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เขาจะทำอะไร จะสร้างสรรค์อะไรขึ้นได้บ้าง'

แต่เขาก็ไม่ได้คิดหาคำตอบนี้อย่างจริงจังนัก ปลาที่แม้จะขาดเครื่องปรุงรสก็ยังคงมีความอร่อย ทำให้อิ่มท้อง และเจ็ดวันก็หลงเหลืออยู่อีกเพียงครึ่งทางแล้วเท่านั้น แล้วชีวิตของเขาก็จะกลับคืนสู่ความคุ้นชินภายในหมู่บ้าน ชีวิตที่มีทุกสิ่งที่เขาต้องทำรอคอยอยู่

บางทีอาจเคยมีใครในอดีตที่นั่งอยู่ภายในถ้ำที่ใดสักแห่ง กำลังคิดถึงปัญหาเดียวกันนี้เมื่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว บนร่างของใครคนนั้นมีหนังสัตว์ที่ให้ความอบอุ่น แต่สวมใส่ได้ไม่ค่อยสบายตัวนัก อาหารที่หามาได้ยังขึ้นกับฤดูกาล ความสามารถในการล่า และปัจจัยจากธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ แล้วใครคนนั้นก็อาจตอบปัญหาข้อนี้ด้วยความคิดที่ว่า ถ้าหากสามารถนำทุกสิ่งที่จำเป็นในชีวิตมาเตรียมไว้ใกล้ตัวได้โดยไม่ต้องออกไปเที่ยวหาในทุกครั้งที่เกิดความต้องการขึ้นมาก็คงดี และด้วยประกายความคิดนี้เองที่ได้ก่อให้เกิดความคิดเรื่องที่จะสะสมอาหาร การเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และปรับปรุงพื้นที่สำหรับอยู่อาศัยจนกลายสภาพเป็นชุมชนขึ้นมาในที่สุด

กลุ่มชนเล็กๆ เหล่านี้เปรียบได้ดั่งเซลประสาทแต่ละเซลที่ค่อยๆ ผุดขึ้นมาบนผืนโลก ก่อนจะเติบโตประสานเชื่อมโยงถึงกันด้วยเส้นทาง และถนน ก่อร่างสร้างจนเป็นเครือข่ายกระแสประสาทแห่งความทรงจำของมนุษยชาติขึ้นมาในที่สุด เวลาหมุนไปอย่างรวดเร็วดุจลูกข่างรอบแล้วรอบเล่า แหล่งชุมชนของมนุษย์เจริญรุดหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จนหากสามารถขึ้นไปสำรวจมองลงมาจากที่สูงขึ้นไปในห้วงอวกาศยามค่ำคืน ก็จะสามารถพบเห็นความเคลื่อนไหวจากแสงสว่างอันเกิดจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษยชาติ ที่เหมือนกับกระแสไฟฟ้าตามจุดประสานประสาทในช่วงเวลาที่สมองกำลังมีกิจกรรมวุ่นวายสว่างเรืองรองอยู่ตลอดเวลา

'นี่มันออกจะน่าเบื่อแฮะ'

เสียงทุ้มของชายลึกลับคนเดิมดังขัดขึ้นในโลกความฝันของอรุณอีกครั้ง ซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าของโลกความทรงจำนี้ยังคงไม่อาจได้ยิน และมองเห็นผู้ชายหน้าตาธรรมดาที่แต่งกายด้วยชุดไม่ธรรมดาด้วยการที่มันเปล่งประกายสีทองออกมาอย่างประหลาด สีทองซึ่งเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ถ้าหากสามารถเข้าไปมองดูใกล้ๆ ก็จะพบว่าที่จริงแล้วมันไม่ใช่เนื้อผ้า แต่ที่สวมใส่อยู่บนร่างนั้นคือเม็ดทรายเล็กละเอียดจำนวนมากมายมหาศาล เป็นทะเลทรายสีทองระยิบระยับที่ทอดยาวกว้างไกลไร้สิ้นสุด เป็นเส้นทางสีทองที่เชื่อมโยงไปสู่ทุกความฝัน ชายผู้ซึ่งเป็นราชาในแบบฉบับของตนเอง

คิง แซนแมน หรือที่ในอีกหลายโลกเรียกขานเขาเพียงสั้นๆ ว่า แซนแมน ผู้เป็นราชาของโลกความฝัน หรืออย่างน้อยก็เส้นทางทั้งหมดที่เชื่อมโยงทุกความฝันเข้าด้วยกัน ในบางโลกนั้นอาจมีเรื่องเล่าขานแสนหวานว่าเขาเป็นผู้ที่นำทรายสีทองไปโปรยใส่เปลือกตาให้เด็กน้อยที่กำลังนอนหลับได้พบเจอกับความฝันแสนสวยงามน่ามหัศจรรย์ แต่ในบางโลกเขาอาจเป็นสิ่งน่ากลัวที่แบกถุงใส่ทรายหนักอึ้งไว้บนบ่า และพร้อมที่จะฟาดมันใส่หัวของเด็กคนใดก็ตามที่ยังไม่ยอมหลับนอนแม้จะดึกมากแล้ว และทำให้พวกเขาต้องพบกับฝันร้ายที่ไม่อาจตื่นขึ้นอีกไปตลอดกาล

แต่ไม่ว่าจะมีเรื่องราวที่แตกต่างกันไปมากมายเพียงใดก็ตาม สำหรับตัวเขาเองนั้น คิง แซนแมน ก็คือ คิง แซนแมน เป็นพ่อซึ่งมีลูกชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่กำลังติดอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตวัยรุ่น และเขากำลังพยายามหาวิธีที่จะทำให้ลูกชายคนนี้สามารถรับมือกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่

'สัปดาห์ทดสอบอะไรพวกนี้คงไม่ใช่วิธีการเหมาะสมสำหรับคนที่ต้องเตรียมตัวสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย อนาคตในอาชีพการงาน กับข้อสอบทางวิชาการพวกนั้นดูเหมือนจะยากเย็นกว่ามากนัก'

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นถึงราชาในโลกแห่งความฝันทั้งมวล แต่ว่าความเป็นจริงในชีวิตของเขา การอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ปัญหาในครอบครัว ปัญหาทางการเงิน การเลี้ยงดูลูกชายวัยรุ่น และปัญหาอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องเผชิญ ล้วนแล้วแต่เป็น ของจริง มันจริงจังยิ่งกว่าความฝันอัศจรรย์ทั้งหมดนี้รวมเข้าด้วยกันเสียอีก

เม็ดทรายบนร่างของแซนแมนเริ่มพัดพริ้วขึ้นก่อนกลายเป็นพายุสีทองส่องประกายเรืองรองไปทั่วทุกทิศ แต่ดูเหมือนเจ้าของโลกแห่งนี้จะยังคงไม่รู้ตัว และดำเนินชีวิตในฝันของเขาต่อไป ประกายสีทางสว่างวาบแล้วทุกสิ่งก็ลับดับหาย

ยามเช้าเวียนกลับมาอีกครั้ง เหมือนกับที่เคยเป็นมา แต่หากย้อนเวลากลับไปนานพอมันจะไม่ได้เป็นเช่นนี้ และเมื่อเวลาผ่านเลยไปอีกเนิ่นนานในอนาคตมันก็จะไม่เป็นแบบนี้เช่นกัน แม้แต่บางสิ่งที่ดูเหมือนไม่เคยเปลี่ยนแปลงแต่ก็ยังคงมีความเปลี่ยนแปลง การเดินทางกลับบ้านของเพื่อนสองคนยังคงดำเนินต่อไป บาดแผลที่ใหญ่ได้รับอาจทำให้การเดินทางช้าไปอีกหนึ่งวัน แต่เสบียงที่เหลือยังมีเพียงพอ และบนเส้นทางเกวียนเก่าแก่สายนี้ก็มีแหล่งน้ำให้พักเติมได้ในระหว่างทาง

บทสนทนาถูกบอกเล่าสลับกันไปมาระหว่างทั้งสองในช่วงเวลานั้น

“นายว่าเจ้าตัวประหลาดเมื่อคืนจะใช่ มังกร หรือเปล่า รูปร่างของมันใกล้เคียงกับเรื่องที่เคยได้ยินมา แต่ก็ไม่มีปีก แถมดูเหมือนจะพ่นไฟไม่ได้ด้วย” ใหญ่ถามความเห็น ซึ่งอรุณคิดว่าไม่น่าจะใช่ สำหรับเขามังกรนั้นมีชีวิตอยู่ในเรื่องเล่า แต่เจ้าตัวเมื่อคืนดูจะเป็นของจริง

“แล้วแผลของนายเป็นอย่างไรบ้าง” ใหญ่ว่าโดยรวมแล้วก็ไม่ได้แย่นัก แต่เรื่องที่ทำให้กังวลคือการที่เขาคงต้องแวะไปให้ท่านยายตรวจดูบาดแผลอีกครั้งเมื่อกลับถึงหมู่บ้าน เขาไม่ค่อยอยากเข้าไปในกระท่อมหลังนั้น ไม่มีผู้ชายคนใดอยากเข้าไป ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมันเป็นสถานที่เฉพาะของพวกผู้หญิง มันมีบรรยากาศบางอย่างที่ทำให้รู้สึกเหมือนตัวหดเล็กลง

“ก็ชวนเธอคนนั้นไปเป็นเพื่อนสิ” อรุณบอกพร้อมรอยยิ้มยียวน เพื่อนของเขาพลันมีใบหน้าเข้มขึ้น และพยายามจะเหวี่ยงหมัดใส่แขนของเขาแต่ก็พลาด ซ้ำยังทำให้เจ็บแผลขึ้นมา ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้อีก

“กลับไปคราวนี้นายจะชวนเธอไปเที่ยวหรือเปล่า” อรุณถามบ้าง

“...ก็อยากอยู่” ใหญ่ตอบอ้อมแอ้ม “นายว่าเธอจะยอมไปด้วยกันไหม ถ้าฉันจะชวนเธอไปเดินเล่นแถวริมแม่น้ำ”

“ไปสิ ไปอยู่แล้ว” ริมแม่น้ำทำให้เขานึกถึงความทรงจำที่ไม่ค่อยจะดีนัก แต่ในหมู่บ้านก็ไม่มีอะไรนอกจากเรือกสวนไร่นาเท่านั้น หรือไม่ก็ต้องรอให้ถึงงานเทศกาลต่างๆ ที่จะจัดกันในลานกว้าง ซึ่งอาจมีพ่อค้าเร่ หรือนักแสดงละครเร่จากต่างถิ่นมาร่วมสร้างความครึกครื้นด้วย

“ว่าแต่นายเองเถอะ” ใหญ่หยีตามองมา “อะไร ฉันมีอะไร” เขาอยากจะรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเสียแล้ว

“เมื่อไรนายจะกล้าบอกกับเธอสักที” ใหญ่ถามย้ำ “บอกอะไร บอกใครกัน...มันไม่มีอะไรสักหน่อย” เขาตอบอ้อมแอ้มแต่จริงๆ แล้วมันมี และเพื่อนก็ดูออก ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง แต่เขาก็ยังทำ ถึงมันจะดูไร้เหตุผลก็ตาม “...ฉันจะบอกเธอ” เขาพึมพำออกมาเบาๆ

“อะไรนะ” ใหญ่ถาม หันมองหน้าเพื่อนพร้อมรอยยิ้มกว้าง “...ฉันจะบอกเธอ กลับไปคราวนี้ฉันจะบอกเธอ และจะชวนเธอไปเที่ยวด้วยกัน เหมือนกับพวกนาย” เขาบอกอย่างมั่นใจ อย่างน้อยก็ในเวลานี้ ส่วนเมื่อได้ไปยืนอยู่ต่อหน้าเธอ มันคงแตกต่างไป แต่เขาจะพยายาม

“ดูเหมือนการออกมาฝึกครั้งนี้จะได้ผลดีมากมายเลยทีเดียว” ใหญ่หัวเราะ ก่อนจะทำหน้าเบี้ยวเพราะการหัวเราะแบบนั้นทำให้บาดแผลปวดขึ้นมา ซึ่งทำให้อรุณหัวเราะบ้าง และใหญ่ก็หัวเราะตามอีก พร้อมกับความเจ็บปวด ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเจ็บปวดสักเท่าไรนัก

ทั้งคู่ยังพูดคุยถึงสัตว์ประหลาดเมื่อคืน แต่เมื่อยังไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นตัวอะไร และภายใต้แสงสว่างเจิดจ้าแบบนี้ก็ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องที่ห่างไกลเกินความกังวลสำหรับพวกเขา แน่นอนที่คงต้องเล่าเรื่องนี้ให้หัวหน้าหมู่บ้าน พ่อของใหญ่ให้รับรู้ แต่กระทั่งใหญ่เองก็ยังไม่แน่ใจว่าพ่อของเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับเรื่องสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน ถึงแม้ว่าจะมีบาดแผลของเขาไปยืนยันด้วยก็ตาม

สุดท้ายทั้งสองก็ตัดสินใจที่จะไม่หยุดพักนอนค้างกลางทุ่งอีกหนึ่งคืน แต่จะเดินต่อรวดเดียวไปให้ถึงจุดหมาย ถึงแม้ว่ามันอาจดึกไปบ้างก็ตาม บริเวณโดยรอบหมู่บ้านนั้นค่อนข้างปลอดภัย ไม่มีสัตว์ป่าดุร้ายเข้ามาป้วนเปี้ยนให้พบเห็น โดยเฉพาะในช่วงที่พื้นที่แถบนี้กำลังมีปัญหากับสัตว์มืด จึงต้องมีหน่วยอาสาคอยตรวจดูรอบๆ ด้วย

เพื่อนสองคนพูดคุยกันไปอย่างสนุกสนานตลอดทาง ชีวิตวัยรุ่นยังมีเรื่องราวอีกมากมายรอคอยพวกเขาอยู่ แต่ในความมืดที่วนเวียนติดตามมาเยี่ยมเยือน กลับมีบางสิ่งได้แอบติดตามพวกเขามาด้วย




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2558
0 comments
Last Update : 17 พฤษภาคม 2558 12:22:51 น.
Counter : 809 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.