ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
21 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
ห้องหนังสือ ตอน นักอ่านยอดเยี่ยม(2)

เรณู เดินเข้าซอยกลับบ้านอย่างอ่อนล้า คืนนี้เธอต้องทำงานล่วงเวลาเหมือนเช่นเคย ชีวิตของเธอมีแต่งาน เพราะภาระทางบ้านที่ต้องแบกรับเอาไว้ น้องชายที่ยังเรียนไม่จบ กับแม่ที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง บ้านเช่า อาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนพ่อของเธอนั้นไม่มีใครอยากพูดถึง

แม่ที่เอาแต่หงุดหงิดอยู่เสมอเพราะโรคที่เป็น น้องชายที่วุ่นวายกับเพื่อนๆ และชีวิตวัยรุ่น ช่วงเวลาที่เขาคิดว่ามัน สุดยอด แต่ในมุมมองของเธอ มันคือการไร้ความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง หลายครั้งที่เธอคิดว่าจะทนไม่ไหว หลายครั้งที่เธอต้องแอบร้องไห้เพียงลำพัง หลายครั้งที่เธอคิดจะหลบหนีไปให้พ้น

สุดท้ายแล้วเธอก็ยังคงเดินอยู่ตรงนี้ ทำงานหนัก กลับบ้าน ทำงานหนัก กลับบ้าน และเธอยังคงยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ไปกับมัน 'พรุ่งนี้เงินเดือนก็ออกแล้ว' เธอจะผ่านไปได้อีกหนึ่งเดือน 'อย่าคิดอะไรมาก ชีวิตก็เป็นแบบนี้'

“ส่งกระเป๋ามา”

ชายสวมหมวกไหมพรมกับมีดเล่มหนึ่งยืนอยู่ข้างหลัง เขาดึงกระเป๋า เธอรีบคว้ามันเอาไว้โดยไม่ทันได้คิดอะไร สิ่งที่เธอรู้สึกต่อมาคือแรงกระแทก เธอล้มลง เขาวิ่งจากไปพร้อมกระเป๋า ที่มีโทรศัพท์มือถือราคาถูก กับเศษเงินอีกนิดหน่อย

เธอพยายามลุกขึ้น 'โชคร้ายของมันแล้ว' เธอยิ้ม 'แต่ถ้าเป็นพรุ่งนี้ฉันก็คงแย่เหมือนกัน' ความเจ็บปวดพุ่งวาบ เธอยกมือขึ้นจับหน้าอก มันอุ่น เปียก เหนอะหนะ เธอยกมือขึ้นดู ของเหลวสีคล้ำเปื้อนมือ เมื่อพยายามก้มมอง เธอก็หน้ามืดจนต้องนอนลงบนพื้น

“...ช่วย...ด้วย...”

เธอพยายามส่งเสียงร้อง แต่ไม่มีใคร เรี่ยวแรงหลั่งไหลออกไปจากร่างตามของเหลวพวกนั้น รอบกายค่อยๆ มืดลง เธอเย็น เธอหนาว แม้แต่การหายใจก็ดูเหมือนจะยากเย็นเสียเหลือเกิน เธอคิดอะไรไม่ออก น้ำตารินไหล สิ่งสุดท้ายที่เธอคิดถึง คือภาระแห่งชีวิตที่เธอแบกอยู่ ใบหน้าของแม่ และน้องชาย

'จบบริบูรณ์'

ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งน้ำตาไหลเมื่อปิดหนังสือเล่มบางที่วางอยู่ตรงหน้า เธอใช้มือหนึ่งกุมหน้าอก ในขณะที่อีกมือหนึ่งปาดเช็ดน้ำตา ความเจ็บปวด ความเศร้า ของเรณูยังคงไม่ยอมจากไปโดยง่าย

เธอเริ่มมองไปรอบกาย มีโต๊ะไม้ และผู้คนมากมายกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างสงบ คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่ เรณู ได้เคยพบเห็นมาในชีวิต และเธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน เป็นนักอ่านคนหนึ่งของห้องหนังสือแห่งนี้

ฉัน กับผู้ดูแลเดินตรงไปยังโต๊ะของเธอ เขาสวมกางเกงยีนส์สีซีด เสื้อยืดสีขาว แว่นตากรอบโลหะสีเงิน ผมดำยาวผูกมัดเรียบร้อยไว้ทางด้านหลังเหมือนเช่นเคย ส่วนฉันสวมกระโปรงสั้น เสื้อลายสีสด ชุดเดียวกับที่ เมนี่ ตัวละครในหนังสือที่ฉันอ่านสวมใส่ในวันสุดท้ายของชีวิตเธอ

“คุณทำให้ผมช้า”

“ฉันก็แค่อยากรู้จักงานที่ต้องทำให้กระจ่างเท่านั้น”

“ผมบอกคุณทุกเรื่องไม่ได้”

“แต่ฉันอยากรู้นี่นา”

ผู้หญิงคนนั้นมองมาทางเราทั้งคู่ เขายิ้มเจื่อนๆ ก่อนหันมากระซิบเบาๆ กับฉัน

“ตาคุณแล้ว”

เขาหยิบหนังสือเล่มใหม่ออกมา ฉันรับเอาไว้ แล้วมองดูเธอ ผู้หญิงคนนั้นกำลังทำอะไรไม่ถูก เธอคงถามตัวเองอยู่ว่า ที่นี่คือที่ไหน และที่สำคัญ เธอเป็นใคร เพราะเธอจะจดจำได้เพียงเรื่องราวของตัวละครในหนังสือที่เธอพึ่งอ่านจบไปเท่านั้น

“เอาล่ะ ฉันรู้ คุณกำลังงง เวลาที่ชีวิตจบลงอย่างไม่คาดคิด มันจะเป็นแบบนี้เสมอ...เชื่อได้เลย เพราะฉันเคยมีประสบการณ์ตรงมาก่อน ของฉันเป็นการฆ่าตัวตาย”

'ใช่' เมนี่คนนั้นกินยาตาย ชีวิตของเธอมันรันทดสิ้นดี เขามองเธอ 'ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว' เขาคิด นี่เป็นเรื่องที่เขารู้ แต่เธอไม่รู้ เขาเคยอ่านหนังสือของเธอมาแล้วทุกเล่ม เขาเคยเก็บสะสม หลงไหลในเรื่องราวของพวกมัน และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่ควรทำ

“ตอนนี้ฉันเป็นผู้ช่วยที่อยู่ในระหว่างทดลองงาน ส่วนหมอนี่เป็นผู้ดูแลห้องหนังสือแห่งนี้”

เขาปล่อยให้เธอลุกออกจากโต๊ะ ปลดปล่อยเธอจากการเป็น นักอ่าน บอกเธอให้มาเป็นผู้ช่วย เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น และที่สำคัญ เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองทำถูกหรือไม่ แต่มันไม่มีกฏข้อห้ามที่ชัดเจน และเขาไม่ได้บอกเรื่องพวกนี้กับเธอ

มันผ่านไปแล้ว เขาทำมันลงไปแล้ว และการทำงานกับเธอ ก็ทำให้เขารู้สึกดีอย่างประหลาด แม้ว่าบางครั้ง เธอจะทำ หรือถามอะไรที่เขาคาดไม่ถึงก็ตาม

“คุณหมายถึงฉัน...คือเรณู ส่วนเรื่องในหนังสือนั่น คือชีวิตของฉันที่พึ่ง...จบลงอย่างนั้นหรือ หมายถึง ฉันเป็นเรณู ฉันตาย แล้วก็มาอยู่ที่นี่”

“ก็...ประมาณนั้น”

“มันเป็นไปได้...แล้วแม่ฉัน น้องชายฉัน พวกเขา...จะเป็นอย่างไร”

ฉันไม่แน่ใจ แต่ก็ผายมือไปรอบๆ

“พวกเขาคงนั่งอยู่ที่ใดที่หนึ่งในห้องหนังสือนี้ กำลังอ่านชีวิตของพวกเขาอยู่”

เธอนิ่งเงียบไป

“ไม่ เป็นไปไม่ได้ ทั้งหมดนี่มันบ้าสิ้นดี ฉันไม่เชื่อ พวกคุณเป็นใคร คุณทำอะไรกับฉัน...”

เธอโวยวายพร้อมกับพยายามจะลุกขึ้น การกระทำของเธอจะไปรบกวนนักอ่านที่อยู่ข้างๆ หนังสือที่กำลังเขียนเรื่องชีวิตของตัวเองออกมาบนหน้ากระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าพวกเขา จะถูกแทรกแซงจากสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ พวกเขาบางคนอาจหูแว่ว ได้ยินเสียงแปลกๆ หรือบางทีอาจจะกำลังฝันถึงเธอ

ฉันตกใจทำอะไรไม่ถูก เขารีบเอื้อมมือออกไปสัมผัสร่างนั้น เธอหยุดนิ่งสงบลงทันที

“ส่งหนังสือเล่มใหม่ให้เธอ”

“คุณทำอะไรเธอ”

“ส่งหนังสือให้เธอ”

ฉันกอดหนังสือเล่มนั้นเอาไว้แน่น

“บอกฉันก่อนว่าคุณทำอะไรกับเธอ”

เธอนั่งสงบนิ่งราวกับเป็นเพียงตุ๊กตาไร้ชีวิต เขามองฉันอย่างไม่เชื่อ ก่อนถอนหายใจ

“ผมเป็นผู้ดูแล เธอไม่ใช่คนแรกที่เป็นแบบนี้...”

'คุณเองก็เคยเป็น' เขาจำได้ 'หลายครั้งทีเดียว' ก่อนจะรู้สึกแปลกใจขึ้นมา 'คุณเป็นผู้หญิงเสมอ' เท่าที่เขาจำได้ ในขณะที่คนอื่นจะสลับสับเปลี่ยนไปมาตลอดเวลา

“...ผมทำให้นักอ่านสงบลงได้ มันเป็นงานของผม”

มันฟังดูสมเหตุสมผลดี

“คุณสอนให้ฉันทำแบบนี้บ้างได้ไหม”

“เอ่อ...ผมคิดว่า...” เขาไม่รู้ “...ไม่ คุณทำไม่ได้”

“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็มีคำแนะนำดีๆ ให้กับคุณข้อหนึ่ง”

ฉันจ้องเขม็ง เขาทำหน้างง 'ให้ตายสิ' เขายังคิดไม่ออกอีก เขาเป็นผู้ดูแลแบบไหนกัน ไม่เป็นมืออาชีพเลยสักนิด ฉันส่ายหน้า

“คุณไม่ควรให้ฉันไปเก็บหนังสือที่จบไม่สวยพวกนี้ตามลำพัง ถ้าคุณไม่อยากมีปัญหา”

เข้าทำหน้างง ก่อนที่ความเข้าใจจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า 'เข้าใจสักทีพ่อคนเฉื่อย' ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก ฉันคงจัดการไม่ได้ และเขาก็ยังไม่ยอมบอกว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้างานพวกนี้ งานที่เขาดูแลอยู่ไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น เขาแค่ยักไหล่แล้วพูดว่า

'มันเป็นไปไม่ได้ มันต้องเป็นอย่างที่ควรจะเป็นเสมอ'

'พ่อคนมองโลกในแง่ดี' หรือว่าบางทีอาจเป็นฉันเองที่มองโลกในแง่ร้ายเกินไปก็เป็นได้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ทำให้ฉันหงุดหงิด เขาไม่มีชื่อ เขาบอกว่ามันไม่จำเป็น ฉันต้องการชื่ออื่นที่ไม่ใช่ เมนี่ เขาบอกว่ามันไม่จำเป็น ฉันบอกว่า ฉันคิดชื่อของตัวเองใหม่ได้แล้ว ฉันอยากชื่อ พิรดาว เขาถามฉันว่า มันหมายความว่าอะไร ฉันบอกว่าฉันไม่รู้ และเขาบอกว่า ฉันอยากตั้งชื่อตัวเองว่าอะไรก็ได้ แต่เขาจะไม่เรียกมัน

'ตาบ้า' ฉันจะมีชื่อไปทำไมถ้าเขาไม่เรียก เพราะในห้องหนังสือนี้ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว มีแค่เราสองคน 'ไม่ใช่สิ' ยังมีนักอ่านพวกนี้ด้วย แต่ฉันไม่นับ

“เราเสียเวลามากแล้ว เอาหนังสือเล่มใหม่ให้เธอ”

เขาเร่ง ฉันรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเธอได้หนังสือเล่มใหม่ เธอจะเริ่มต้นอ่านนิยายอีกครั้ง นิยายที่มีเธอ หรืออาจจะเป็นเขาเป็นตัวละครเอก เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ร่างของเธอจะกลายเป็นเด็กทารก เติบโตผ่านชีวิต เรื่องราวที่กลายเป็นตัวอักษรบนหน้ากระดาษที่เขียนขึ้นด้วยตัวมันเอง นิยายที่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าจนกว่ามันจะเดินทางไปถึงจุดจบ ไม่ว่าจะเป็นจุดจบแบบใดก็ตาม

นิยายอีกเรื่อง ชีวิตอีกเรื่อง ฉันเคยถามเขา ว่าแต่ละคนจะต้องอ่านไปถึงเมื่อไร มันมีจำนวนหนังสือที่แน่นอนสำหรับแต่ละคนหรือไม่ เขาคิดเล็กน้อย เขารู้ แต่เขาคงคิดอยู่ว่าควรจะบอกฉันหรือไม่ และบอกแค่ไหนดี

'มี แต่ผมไม่รู้ล่วงหน้าว่าพวกเขาจะเลิกอ่านได้เมื่อไร เมื่อเวลานั้นมาถึง มันจะไม่มีหนังสือเล่มใหม่สำหรับเขา'

'แล้วไงต่อ'

'...ไว้รอให้คุณได้เจอเองก็แล้วกัน'

หนังสือเล่มใหม่นั้นก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง ฉันไม่เคยรู้เลยว่ามันมาจากไหน พอรู้ตัวอีกที พวกมันก็อยู่ในมือของเขาเรียบร้อยแล้ว เหมือนกับนักมายากลที่เสกสิ่งของออกมาจากความว่างเปล่า แต่กลับกัน คนพวกนั้นพยายามทำเรื่องธรรมดา คือการนำของที่ซ่อนไว้ออกมาให้มันดูพิเศษ แต่เขาเพียงหยิบพวกมันออกมา ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำกัน

ยังมีอีก เขาเอาหนังสือเล่มเก่า หนังสือที่อ่านจบแล้วของแต่ละคนไปเก็บไว้ไหน หรือทำอะไรกับพวกมัน เขารู้ แต่เขาไม่ยอมบอกฉัน 'คอยดูไปเถอะ' เขาบอกเองว่าในห้องหนังสือมีเวลามากมาย และฉันก็เชื่ออย่างนั้น ฉันจะต้องรู้เรื่องพวกนี้ทั้งหมดให้ได้

“เฮ้ คุณ หนังสือ อย่าเอาแต่เหม่อสิ ยังมีงานรออยู่อีกนะ”

แค่ฉันเอาหนังสือเล่มใหม่วางให้เธอ ทุกอย่างก็จบ ฉันหยิบหนังสือเล่มเก่าของเธอขึ้นมา มองดูเธออีกครั้ง แล้วเปลี่ยนใจ

“...ฉันอยากคุยกับเธออีกสักพัก”

เขาอ้าปากค้าง

“คุณปล่อยเธอก่อนได้ไหม”

“ผมบอกคุณแล้วว่าเรายังมีงานอื่นรออยู่”

“ทิ้งฉันไว้กับเธอ คุณก็ไปทำงานของคุณ แล้วค่อยกลับมารับฉัน...ได้โปรด”

เขาถอนใจ ก่อนปล่อยมือออกช้าๆ เธอดูสงบลงกว่าในตอนแรก ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันอยากทำแบบนี้ อยากให้เธอได้ระบายชีวิตที่เธอพึ่งจบไปออกมา 'บางทีอาจเป็นเพราะฉันเองก็อยากจะทำแบบนั้นบ้าง' ฉันอยากให้เธอได้เริ่มอ่านหนังสือเล่มใหม่ด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นกว่าเดิม แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

ฉันไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหน เมนี่ตัวละครที่ฉันเคยเป็นก็คุยไม่ค่อยเก่งเท่าไร ฉันนั่งลงบนพื้น เรามองหน้ากันสักพัก แล้วก็เริ่มคุยกัน เขาอยู่ดูเหตุการณ์อีกครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เขาจึงไปทำงานของเขาต่อ

ฉันไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน แต่เมื่อเขาย้อนกลับมา ตรงที่ผู้หญิงคนนั้นเคยนั่ง ก็กลายมาเป็นเด็กทารกนอนอยู่แทน ฉันไม่รู้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย มันคงมีเขียนอยู่ในหนังสือเล่มใหม่ที่วางเปิดอยู่ตรงหน้า แต่ฉันไม่อยากอ่าน มันไม่สำคัญ การคุยกันช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น ตัวฉันเองก็เช่นกัน

เขามองดูเธอเงียบๆ สักพัก พยายามทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตัวเองที่เกิดขึ้นเมื่อได้เห็นการกระทำของเธอ ก่อนที่จะส่งเสียงทักทายออกไป

“มาด้วยกันหน่อยสิ เรามีนักอ่านยอดเยี่ยมรออยู่”

“นักอ่าน...ยอดเยี่ยม”

ฉันทวนคำแปลกพิลึกนั้น ก่อนติดตามเขาไป ฉันยังคงไม่เข้าใจรหัสที่ถูกสลักอยู่บนโต๊ะไม้พวกนั้น มันคือตัวบอกตำแหน่งภายในห้องหนังสือแห่งนี้ เขาพยายามจะสอนฉัน แต่สุดท้ายก็ต้องตัดใจ แต่ก็ยังดีที่ฉันสามารถใช้ประตูห้องทำงานได้แล้ว

ประตูห้องทำงานที่พร้อมจะโผล่ออกมาได้ทุกที่ และเปิดออกไปได้ทุกแห่ง ยกเว้นแต่ว่าเขาซึ่งเป็นเจ้าของห้องทำงานตัวจริงจะล็อคมันเอาไว้ เขาจะใช้แค่เข้าออกห้องทำงาน หรือเวลาต้องไปยังตำแหน่งที่อยู่ไกลมากๆ เท่านั้น แต่เขาบอกให้ฉันใช้มันได้ถ้าต้องเดินทางคนเดียว ซึ่งมันก็ยังไม่เคยเกิดขึ้น

“นักอ่านยอดเยี่ยมคือใคร หรืออะไรกัน”

ฉันถามในขณะที่เดินลดเลี้ยวตามเขาไปในวงกตของโต๊ะอ่านหนังสือ ชาย หญิง เด็ก คนแก่ จำนวนมากมายกำลังใช้ชีวิตไปตามปกติ อยู่ในหนังสือของพวกเขา 'อย่างที่พวกเขาเชื่อ อย่างที่ฉันเคยเชื่อ'

“อีกเดี๋ยวคุณก็รู้เอง”

พวกเราหยุดลงที่โต๊ะตัวหนึ่ง ผู้หญิงสูงอายุที่อยู่ตรงนั้น เงยหน้าขึ้น เธอปิดหนังสือที่พึ่งอ่านจบ แล้วสิ่งประหลาดก็เกิดขึ้น ฉันมองเห็นริ้วสีทองเป็นลวดลายงดงามค่อยๆ ถักทอตัวเองขึ้นบนหน้าปกหนังสือเล่มนั้น ตามปกติแล้วพวกมันจะเป็นสีเข้มๆ อาจจะดำ หรือน้ำเงิน ซึ่งฉันไม่เคยสนใจมาก่อน

ใบหน้าของเธออิ่มเอิบ สงบ เย็น แต่ก็เป็นใบหน้าของคนทั่วไปที่ เมนี่ อาจเดินสวนกันได้ในชีวิตประจำวัน ไม่มีอะไรแตกต่าง ไม่มีอะไรพิเศษ

“ยินดีด้วยครับ”

เขาพูดอย่างสุภาพ และฉันพึ่งพบว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ มีอะไรบางอย่างที่ขาดหายไป เขาไม่มีหนังสือเล่มใหม่อยู่ในมือ ไม่มีหนังสือเล่มใหม่ ไม่มีนิยายเรื่องต่อไป ไม่มีชีวิตใหม่สำหรับเธอ 'นี่คือความหมายของนักอ่านยอดเยี่ยมอย่างนั้นหรือ' นี่คือคำตอบ ของหนึ่งในปัญหาที่ฉันเคยถามเขา

เธอลุกออกจากโต๊ะอ่านหนังสือ มองไปรอบๆ ด้วยความสงบ ฉันอาจจะคิดไปเอง แต่ดูเหมือนเธอจะรู้สึกเศร้าเมื่อได้เห็นนักอ่านมากมายที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือนี้

“...ขอบใจจ๊ะ”

เสียงของเธอก็ฟังดูธรรมดา เหมือนกับเสียงของหญิงสูงอายุทั่วไป เธอมองดูเขา ก่อนหันมามองฉัน เขาก้มหน้าลง คล้ายกับเด็กที่พยายามปกปิดความผิดของตัวเอง แต่ก็ถูกจับได้ในที่สุด เธอยิ้มให้ฉัน หันกลับไปดูท่าทางของเขาแล้วหัวเราะเบาๆ ฉันได้แต่ฝืนยิ้มไม่เข้าใจ

“เอาล่ะ ฉันไปดีกว่า จะช้า จะเร็วก็ต้องไปอยู่ดี”

เขาขยับหลบไปทางด้านข้าง ยื่นมือออกไปเหมือนกับจะเปิดประตูห้องทำงาน แต่ประตูบานที่ปรากฎขึ้นนี้แตกต่างออกไป ไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันบอกได้ว่ามันไม่เหมือนกัน

“เชิญครับ”

เธอเอื้อมมือไปจับลูกบิด หันกลับมาหาฉัน

“โชคดีนะจ๊ะ”

ฉันตั้งใจว่าจะแอบมองเข้าไปข้างในประตูบานนั้น ดูว่ามันเปิดไปยังสถานที่แบบใด และนั่นเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง เมื่อเธอเปิดประตูออก แสงสว่างเจิดจ้าก็ส่องออกมาจากด้านใน ทำให้ฉันมองอะไรไม่เห็นอะไรไปชั่วครู่ แถมยังทิ้งจุดสีขาวเอาไว้ให้ดูต่างหน้าอีกพักใหญ่ด้วย

เขาหยิบหนังสือที่มีหน้าปกเป็นลวดลายสีทองงดงามเล่มนั้นขึ้นมาอย่างระวัง ฉันเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร จนเขาแปลกใจ

“คุณจะไม่ขอผมดูข้างในหนังสือเล่มนี้หรือไง”

“ไม่ เพราะคุณต้องไม่ยอมแน่...”

เขายิ้ม พยักหน้ายอมรับ

“...ทำไมเธอจึงไม่ต้องอ่านหนังสือต่อ เธอไปไหน ที่สำคัญ ฉันลืมคิดไปเลยว่า ข้างนอกห้องหนังสือนี้คืออะไรกัน”

ฉันเริ่มคิด และมันมีแต่คำถามที่ไร้คำตอบทั้งสิ้น คำถามที่ซ้อนกันขึ้นไปจนสูงโดยไม่มีจุดจบ เขาเพียงส่ายหน้าไม่มีคำตอบ

“...พริบดาว คุณไม่รู้น่ะดีแล้ว”

“เดี๋ยวนะ คุณเรียกฉันว่าอะไร”

“ก็ พริบดาว ชื่อของคุณไง”

“ไม่ ฉันตั้งชื่อตัวเองว่า พิรดาว ต่างหาก”

เขายกมือเกาหัว ฉันนิ่งคิด

“ไม่ พริบดาว ก็ได้ ชื่อนี้ดีกว่า และคุณเป็นคนตั้งให้ฉันเองด้วย คุณ คนที่ไม่เคยสนใจเรื่องชื่อมาก่อน”

เขาอ้าปากค้าง ฉันหันกลับไปเปิดประตูห้องทำงานแล้วก้าวเข้าไปโดยไม่สนใจเขาอีก

#####

เอ ปิดหนังสือเล่มเก่าๆ ในมือด้วยความแปลกใจ ดูเหมือนเขาจะเคยอ่านเรื่องสั้นที่คล้ายๆ แบบนี้มาก่อน เมื่อนานมาแล้ว ตอนที่ยังเป็นเด็ก แต่ไม่แน่ใจว่าหนังสือเล่มนั้นหายไปไหนแล้ว 'อาจจะเป็นคนเขียนคนเดียวกัน คงเขียนไว้เป็นตอนๆ แต่ไม่ได้รวมเล่ม' เรื่องแปลกๆ แบบนี้คงมีคนอ่านไม่มาก มันคงไม่น่าจะขายได้

“โลกคือละคร”

เขาพูดออกมาคนเดียว 'นักอ่านยอดเยี่ยม อ่านชีวิตจนจบ แล้วไม่ต้องอ่านอีกต่อไป ก็เข้าใจเปรียบเทียบดี' คนเขียนถามคำถามที่ไม่มีใครตอบไว้ได้กระจ่าง แต่เขาเองก็ไม่ได้ตอบคำถามนี้ด้วยเช่นกัน แค่พยายามชี้ให้เห็นในสิ่งที่เขาสงสัย 'ก็แค่นั้น'

ดูเหมือนเวลาพักผ่อนของเขาจะหมดลงแล้ว เขาต้องขยันอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ การสอบที่จะเป็นตัวตัดสินเส้นทางชีวิตของเขา นี่คือของจริง ชีวิตจริง เขาไม่ควรมาใส่ใจอะไรกับเรื่องในนิยายแบบนี้ให้มากนัก


Create Date : 21 พฤษภาคม 2555
Last Update : 21 พฤษภาคม 2555 12:59:37 น. 0 comments
Counter : 955 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.