ข่าวสารยานยนต์ - บทสรุป Siemens VDO และ เรื่องราวอื่น ๆ ของ Ford
ช่วงนี้ขี้เกียจ up blog ด้วย 2 สาเหตุ คือ กำลังจดจ่ออยู่กับ Harry Potter เล่มสุดท้าย แบบละเลียดอ่าน แล้วก็ Computer ที่บ้านมีปัญหา แถมวันเสาร์ที่ผ่านมาก็มีปัญหากับการ Log in เข้า Bloggang อีก เลยยกยอดมาวันนี้วันเดียว (ข้ออ้าง)
เรื่องแรกก่อนเลยครับ หลังจากติดตามมาเป็นเวลานาน ก็มาถึงบทสรุปซะทีกับการซื้อ ๆ ขาย ๆ ของ Siemens VDO หลังจากติ๊ดชึ่ง ว่า จะขายเป็น IPO บ้าง Continental ยื่นข้อเสนอแสนแพง ตามมาด้วย TRW ปล่อยข่าวว่า จะเกทับ มาสัปดาห์ที่แล้วก็มาถึงบทสรุปละ จาก Autonews.com วันที่ 25 กรกฏาคม 2550 ว่า คนที่ได้ไปคือ Continental
จบข่าว
หง่า เอารายละเอียดกันหน่อยดีกว่า
สรุปว่า การซื้อขายครั้งใหญ่ที่สุดของเยอรมันในรอบปีนี้เลย ด้วยการที่ Siemens VDO ถูกขายให้กับ Continental AG ด้วยมูลค่า 11.4 พันล้าน ยูโร หรือ 15.66 พันล้าน $ โดยคาดการณ์กันว่า การโอนย้ายจะสิ้นสุดสมบูรณ์ภายในสิ้นปีนี้ ในขณะที่บอร์ดผู้บริหารปฏิเสธให้ข้อมูลเรื่องข้อเสนอของทาง TRW และกลุ่มทุน Blackstone ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TRW ในทางกลับกัน ฝ่าย TRW และ Blackstone ก็มิได้แถลงหรือให้ความเห็นใด ๆ ทั้งสิ้น
ในการณ์นี้ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของ Manfred Wennemer ประธานบริษัทผู้มีความปราถนาที่จะเข้าไปแข่งขันกับ Bosch ผู้เป็นอันดับ 1 ในวงการชิ้นส่วนยานยนต์ โดย Continental มีความเชี่ยวชาญในด้าน Chassis Control, Brake, Tire และ Stability Control ในขณะที่ Siemens VDO ถนัดด้าน Powertrain control, Engine, Chasis control และ Navigation system (จขบ. เคยเปรย ๆ ไว้นิ ว่า SVDO เค้าเก่งด้าน Body Electronic ด้วย จำไม่ได้แล้วว่า ไปอ่านเจอมาจากไหน)
การขยับตัวครั้งใหญ่ครั้งนี้ เป็นผลให้ Continental+SVDO ขยับมาอยู่อันดับ 5 (จากการจัดอันดับของ AutomotiveNews) โดยเดิมที SVDO อยู่อันดับ 11 และ Continental อยู่อันดับที่ 12
ที่น่าสนใจคือ การควบรวมกิจการกัน จะทำให้กลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งด้าน Chassis และ Electronic Control อย่างมีนัยสำคัญ แถมครอบคลุมส่วนสำคัญในรถยนต์ส่วนใหญ่เกือบหมด เดิมที SVDO ก็เข้มแข็งมากในยุโรป อีกทั้งการขยายธุรกิจที่เอเซีย และ อเมริกา ก็มีความคืบหน้าอย่างน่าสนใจ ดังนั้นเป็นไปได้ว่า อนาคต อาจเหลือแต่บริษัทใหญ่ ๆ แข่งกัน ส่วนบริษัทเล็ก ๆ ก็เตรียมตัวโดนกลืน
มาเรื่องต่อไป เป็นเรื่องของ Ford ล้วน ๆ เลยครับ
Ford เอง มีปัญหาเรื่องการดำเนินธุรกิจ และขาดทุนมาได้ช่วงหนึ่งละ ตอนนี้อยู่ในแผนฟื้นกิจการภายใต้การนำของ Alan Mulally มีการปิดโรงงาน ย้ายฐานการผลิต เป้นการใหญ่ มาวันนี้ มีข่าวดีมาบ้าง จาก Autonews.com 26 กรกฏาคม 2550 โดยมีรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มีกำไรขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากขาดทุนต่อเนื่อง 7 ไตรมาส โดยปันผลต่อหุ้นเป็นเงิน 0.13$ ต่อหุ้น (น้อยเจง ๆ) ในขณะที่ถูกคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะขาดทุน 0.37 $ ต่อหุ้น ที่เป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จครั้งนี้ น่าจะมาจาก Cross Over model อย่าง Ford Edge และการได้รับรางวัล รวมไปถึงผล vote ด้าน Quality Award ทำให้มูลค่าหุ้นของ Ford อยู่ที่ 8.2$ ต่อหุ้น และมีผลประกอบการเพิ่มขึ้นเป็น 44.2 พันล้านเหรียญ
เรื่องต่อมา ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ จาก Autonews.com วันที่ 26 กรกฏาคม 2550 ว่าด้วยอนาคตของ Jaguar และ Landrover โดยขณะนี้ Jaguar, Landrover ยังอยู่ในอาณัติของ Ford อยู่ แต่มีข่าวลือมาเรื่อย ๆ ว่า Ford กำลังจะขายออกไป โดย Alan Mulally ผู้เป็น CEO ของ Ford ยอมรับว่า กำลังพิจารณาขาย Landrover, Jaguar แถมยังกำลังพิจารณานโยบาย เกี่ยวกับ Volvo อีกด้วย
เอ่อ เดิมที Jaguar, Landrover, Volvo และ Aston Martin จัดเป็น 4 แบรนด์รถหรูของ Ford หรือที่เคยเรียกว่า PAG แต่ได้ขาย Aston Martin ไปในไตรมาสแรกของปีนี้
ฟังข่าวนี้แล้ว เอ่อ นี่กะขายหมดเลยหรือไงเนี่ย ห๊า
ไม่ทันไรก็มีข่าวมาจาก Autonews.com 26 กรกฏาคม 2550 ว่า Tata Motor บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่(ของอินเดีย) และ Mahindra กำลังสนใจจะซื้อ Jaguar และ Landrover จาก Ford
จะว่าไป เมื่อไม่นานมานี้เองที่เราได้ยิน Tata ในตลาดรถยนต์ไทย จขบ. เองก็ได้ยินมาไม่นานมากนัก เห็นเป็นอินเดีย เลยคิดว่า ยังไม่น่าจะทำตลาดรถหรูก่อน แต่ไม่เคยคาดคิดว่า จะก้าวกระโดดถึงขั้นเตรียมซื้อ PAG - Premier Automotive Group จาก Ford ได้
อินเดียนี่ ไม่ธรรมดาจริง ๆ เน๊าะ
Create Date : 30 กรกฎาคม 2550 |
|
8 comments |
Last Update : 30 กรกฎาคม 2550 22:50:00 น. |
Counter : 736 Pageviews. |
|
|
|
เอาข้าวหมูแดงมาฝากค่ะ