ศุกร์ 13
ศุกร์ 13 ผ่านมา 2 วันแล้ว ถึงมันจะผ่านมาแล้ว แต่เรื่องที่เกิดขึ้น มันก็ทำให้จำไว้เป็นบทเรียนได้ชั่วชีวิต ---------------------------- ตลอดช่วงชีวิตการขับรถมอไซท์มา 8 ปี ไม่เคยเลยที่จะเอารถไปชน อย่างก็เฉียวกันเล็กๆน้อยๆ หรือไม่ก็ขับรถล้มเอง ไม่เคยที่จะเจออุบัติเหตุร้ายแรงถึงแก่ชีวิต
แต่เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ก.ค. 2555 ที่ผ่านมา เข้าใจถึงความรู้สึกของคนโดนรถชนเป็นครั้งแรก
เช้าวันสุดท้ายของการทำงานที่ควรจะสดใส กลายเป็นว่าต้องมาเกิดอุบัติเหตุครั้งแรกในชีวิต ทั้งที่อีกเพียงโค้งเดียว เลี้ยวเข้าโค้งนี้ก็จะถึงที่ทำงานแล้ว จะอธิบายยังไงดี เราไม่โทษว่าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายผิดอย่างเดียว เราก็มีส่วนผิดที่ไม่ดูให้ดีซะก่อน
ถนนเป็นถนนใหญ่เส้นแม่ริม - แม่โจ้ เราต้องเลี้ยวเข้าซอยด้านขวา ทำให้เวลาขับต้องชิดเกาะกลางถนนไว้ ทุกวันก็ทำแบบนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่วันที่เกิดเรื่องต่างไปจากทุกวัน เพราะมีรถบรรทุกขับตามมาเลยไม่กล้าที่จะไปชิดเกาะกลางถนน เลยเลือกที่หยุดชิดซ้ายริมถนนไว้ก่อน รอให้รถไปหมดแล้วจึงเลี้ยวออกไป แต่ขอยืนยันว่าเปิดไฟเลี้ยวขวาไว้ตลอด
พอเห็นว่าไม่มีรถแล้วก็เลี้ยวออกมาชิดเกาะกลางถนน แต่มันไม่จบแค่นั้น เพราะมีคนมอไซท์อีกคันขับมาด้วยความเร็วสูง(จากที่พยานเล่าให้ฟัง) ซึ่งเราได้ออกมาถึงเกาะแล้วโดยหยุดอยู่ท้ายรถยนต์อีกคันที่อยู่ข้างหน้า และจะเลี้ยวเข้าซอยทางขวาเหมือนกัน
ปรากฎว่ารถยนต์คันนั้นเลี้ยวผ่านไปแล้วเราก็กำลังจะเลี้ยวตาม แต่รถมอไซท์คันนั้นไม่หลบไปทางซ้ายแต่กลับแซงขวาขึ้นมา ซึ่งเราก็เปิดไฟเลี้ยวขวาเพื่อเลี้ยวขวาไว้ ทำให้รถคันนั้นชนท้ายรถเราอย่างแรง รถเราไถลไปไกลว่า 5 เมตร วินาทีแรงเจ็บร้าวไปทั้งหลังเพราะเอาหลังลงกระแทกกับพื้น ด้วยอารมณ์ตกใจเลยรีบลุกขึ้น ทำให้รู้สึกมึนๆหัวนิดหน่อย (จำได้ว่าเลยมีคนบอกว่าไม่ควรจะรีบลุกขึ้นเร็วขนาดนั้น)
สิ่งที่เห็นคือรถคู่กรณีอยู่ข้างหน้า พร้อมคู่กรณีกับภรรยาของคู่กรณี คู่กรณีน่าจะอายุประมาณ 30 พลเมืองดีก็โทรแจ้งตำรวจให้เพราะเรายังตกใจอยู่ โชคดีที่ป้อมตำรวจอยู่ไม่ไกล ตำรวจก็มา พร้อมกับรถอภปร.นำคนเจ็บไปโรงบาล
คู่กรณีบาดเจ็บไม่รู้ว่าจมูกเขาหักหรือว่ายังไง แต่เลือดเขาไหลเต็มหน้าไปหมด ตำรวจเลยให้เขาไปโรงบาล เราเลยอยู่ที่เกิดเหตุคนเดียว
ตำรวจก็ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก็บอกไปว่าเรากำลังจะเลี้ยวเข้าซอยแล้วเขามาตรง ตำรวจก็เลยให้เราไปเอารถที่กลางถนนมาไว้ข้างถนนก่อน ซึ่งเป็นรถของคู่กรณีแต่รถคันนั้นเป็นรถแต่ง กุญแจไม่รู้เขาแต่งยังไงมันบิดปิดไม่ได้ เราก็บอกตำรวจไปว่าเราปิดไม่ได้ ตำรวจก็ว่ารถน้องไม่ใช่หรอ เราเลยบอกรถนี้ของคู่กรณี รถเราไถลไปนู้น
ตำรวจก็ว่าอ้าวเราจะเลี้ยวเข้าซอยไม่ใช่หรอ แล้วรถเราไปอยู่นู้นได้ไง เลยต้องมาสอบถามกันใหม่ ตำรวจว่ารถคนนั้นมันท่าจะเหาะมาเลยมั่ง เราก็ได้แต่หัวเราะ แหะๆ แล้วก็ให้ใบขับขี่ จดชื่อที่อยู๋ เบอร์โทรไป แล้วจะติดต่อไปให้มาตกลงกับคู่กรณี
ผ่านมาจนถึงวันนี้ 15 ก.ค. คู่กรณีไม่ติดต่อมาเงียบหายไปเลย ปรากฎว่าคู่กรณีเป็นไทยใหญ่หนีไปแล้ว ทิ้งรถไว้ที่โรงพัก ตอนที่พาไปโรงบาลถามอะไรก็ไม่ตอบ เราก็ได้แต่เหอๆ เลยว่าถ้าเขาเปลี่ยนใจมาเอารถให้ติดต่อมาหาเราด้วย
จะได้ตกลงกันพ่อก็ว่าค่าซ่อมรถจะออกให้เขาก็ได้ ถ้าเขาติดต่อกลับมา
----------------------------------
วันนั้นเลยได้หยุดงาน แถมตอนนอนปวดหลังสุดๆ ต้องนอนคว่ำตลอด นอนตะแคงก็ไม่ได้ วันนี้เริ่มดีขึ้นแต่ก็ปวดคอ ปวดแขนแทน
บทเรียนครั้งนี้ราคาแพงงงงงงงงงงงจริงๆ
ยังดีที่ต่างก็ใส่หมวกกันน็อค ไม่งั้นก็ไม่อยากจะคิด
Create Date : 15 กรกฎาคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2555 10:10:55 น. |
Counter : 2887 Pageviews. |
|
|
|