ผมไปที่ไหนก็ได้ ขอเพียงแต่ต้องก้าวไปข้างหน้า I will go anywhere as long as it forward.
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
24 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
สำนึกสุดท้าย

ถึงแม้ลมจะแรง เมฆหมอกจะครึ้มฟ้าครึ้มฝน แต่เช้าวันนี้ก็ยังเป็นเช้าที่สดใสสำหรับผม เพราะในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ผมจะต้องเข้าพิธีสำคัญ พิธีรับมอบตำแหน่ง ผู้จัดการบริษัท เนคไทถูกขยับจนเข้าที่ ผมถูกหวีจนเรียบแป้ล นั่นเป็นสัญญาณว่าผมพร้อมแล้วที่จะไปปรากฎกายต่อหน้าคนนับสิบ ผมหยิบบทพูดขึ้นมาท่องอีกครั้งกันลืม “ผมขอขอบคุณ ทุกท่านที่ให้โอกาสผม ผมสัญญาว่าผมจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ทุกคนไว้ใจ” พูดจบก็ซ้อมเดินอย่างอกผายไหล่ผึ่งเป็นเที่ยวสุดท้ายก่อนเดินไปที่ประตู แต่มีคนเปิดประตูเข้ามาพอดี

“ โอ๊ะ ริน ทำอะไรไม่ดูเลย ดูซิประตูเกือบชนหน้าพี่แล้วเห็นมะ” ผมมองหน้าน้องสาวที่นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยแววตาแข็งกร้าว
“ ขอโทษค่ะ พี่ธี คือริน”
“เดี๋ยวก่อนได้มั้ย ตอนนี้พี่รีบ” ผมกระแทกเสียง
“พี่ธีจะไปไหนเหรอคะ”
“ พี่จะไปบริษัท ไปรับตำแหน่งใหม่” ผมตอบก่อนเดินออกไปอย่างไม่ไยดี


กิรินเป็นน้องสาวแท้ๆ ของผม เมื่อก่อนผมรักน้องคนนี้มาก ดูแลไม่เคยห่างชนิดที่เรียกว่า น้องสุข ผมก็ยิ้ม น้องทุกข์ ผมก็ยิ่งกว่า แต่ความรู้สึกเหล่านั้นค่อยเลือนหาย เพราะหลังจากที่เธอเข้ามหาวิทยาลัย ก็เริ่มทำตัวเหลวแหลก กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ บางวันกลับเช้าเลยก็มี และพอพ่อแม่ตักเตือนสั่งสอน ก็จะเถียงคำไม่ตกฟาก ร้ายกว่านั้นด่ากลับแบบสาดเสียเทเสียจนแม่น้ำตาเล็ด หนำซ้ำเมื่อถูกผมจับได้ว่าแอบไปบ้านเพื่อนชาย ก็ขู่ว่าผมสารพัด ว่าถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูพ่อกับแม่ จะให้เพื่อนชายพาพวกมาทำร้ายผม

และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนที่ผมไม่เคยลืม วันนั้นครอบครัวเราสี่คนไปเลี้ยงฉลองกัน เนื่องในวันครบรอบแต่งงานของพ่อแม่ เราสนุกกันจนดึกดื่นและผมก็เมามาก ขากลับน้องสาวผมอาสาขับรถให้เอง ปล่อยให้ผู้มีพระคุณทั้งสองนั่ง สวีทกันที่เบาะหลัง ถึงแม้ผมจะครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมก็รู้ว่ารินขับรถเร็วมาก ทั้งๆ ที่เป็นถนนทูเวย์ ผมพยายามเตือน แต่เหมือนคำพูดที่หลุดไปจะเป็นแค่เสียงนกเสียงกา เธอยังคงขับปาดซ้ายปาดขวาราวกับเป็นสนามโกคาร์ท และอยู่ๆ ในช่วงที่เธอกำลังจะขับออกเลนขวาเพื่อแซงนั้น ก็มีรถสวนมาด้วยความเร็ว แทนที่เธอจะชะลอให้รถตรงข้ามผ่านไปก่อน กลับเหยียบคันเร่ง ผมรู้เจตนาของน้องสาวเธอจะเร่งความเร็วแซงและหักซ้ายหลบ ผมเชื่อว่าเธอทำไม่ได้แน่ “อย่าริน” ผมตะโกน หวังหยุดการกระทำของเธอด้วยเสียง แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เธอเหยียบจนมิด ไฟหน้าจากรถตรงข้ามส่องจ้ามาพร้อมกับเสียงแตร ผมเอามือบังแสงจนแทบไม่เห็นอะไร โครม! นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนสลบไป

หลังเหตุการณ์ผมต้องสูญเสียบุพการีทั้งสองไปอย่างไม่มีวันกลับ ส่วนผมโชคดีไม่เป็นอะไรมาก ขณะที่รินกระดูกที่ท่อนขาหักต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต แต่ผมก็ไม่เคยคิดสงสารน้องเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะผมมองว่า รินเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องตาย ผมเฝ้าบอกกับตัวเองเสมอว่า ผมจะไม่มีวันยกโทษให้เธอคนนี้เด็ดขาด

ผมเตรียมที่จะขึ้นรถก็เห็นมีคนมากดออดที่หน้าประตูบ้าน ผมจึงรีบรุดไปที่ต้นเสียง

“ อ้าวป้ามีอะไรหรือครับ”
“ เปล่า ป้าก็แค่แวะมาดูเฉยๆ แล้วนี่จะไปไหนเหรอ”
“ ผมจะไปทำธุระที่บริษัทนะครับ”
“ งั้นก็รีบไปเถอะ”
“ เออ เดี๋ยวครับป้า ถ้าป้าว่างๆ ก็เหมือนเดิมนะครับ” ป้าพยักหน้าให้ผมแทนคำตอบ

เป็นประจำอยู่แล้วที่ผมมักจะไหว้วานป้าหน่อยที่อาศัยอยู่ข้างบ้านให้เข้ามาช่วยดูแลริน เพราะหวั่นใจ กลัวว่าน้องสาวจะเข้ามารื้อข้าวของภายในห้องอีก ผมเคยบอกกับป้าไปหลายหนแล้วว่า ผมไม่ค่อยไว้ใจริน


ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุม ภาพแรกที่ผมได้เห็นคือ ห้องที่ว่างเปล่าไร้เงาของผู้คน ผมก้มมองนาฬิกานี่ก็ได้เวลาแล้ว ทำไมยังไม่มีใครมาอีก โดยเฉพาะท่านประธานซึ่งเป็นคนเคร่งครัดมากไม่เคยมาสายแม้แต่ครั้งเดียว ผมรู้สึกร้อนรนจึงพลุนพลันเปิดประตูแล้ววิ่งไปดูแต่ละแผนก แต่ก็ไม่พบใคร ผมคิดว่าลองโทรหาเพื่อนดีกว่า แต่นึกขึ้นได้ว่าลืมกระเป๋าไว้ในห้อง แต่เมื่อประตูถูกเปิดออกผมก็เห็นทุกคนอยู่ในห้อง

“ ขอเสียงปรบมือต้อนรับ “คุณธีรศิลป์ ผู้จัดการคนใหม่ของพวกเรา” พูดจบเสียงปรบมือโห่ร้อง ดีใจก็ดังขึ้นแทน
“เซอร์ไพรส์มั้ยครับคุณธีรศิลป์” หนึ่งในพนักงานถาม ผมยิ้มแทนคำตอบ

หลังเสร็จงานรับมอบตำแหน่ง ผมก็พาลูกน้องผมไปเลี้ยงฉลองเล็กๆ ผมรู้สึกว่าตั้งแต่พ่อกับแม่ตายผมไม่เคยมีความสุขเท่าวันนี้เลย

เมื่อรถผมมาจอดที่หน้าบ้าน ก็เห็นป้าหน่อยยืนอยู่ไม่ห่าง ผมอดสงสัยไม่ได้จึงรีบเปิดประตรถลงไป

“ ป้าเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมมายืนตรงนี้”
“ เอ่อ...คือ ป้า”
“ มีอะไรก็พูดมาสิครับ”
“ป้า... ป้าจะมาบอกว่าป้ากลับก่อนนะ”
“ เอ้า เรื่องแค่นี้เองเหรอครับ คราวหลังถ้าป้าจะกลับก็กลับไปเลยครับ ไม่ต้องรอบอกผม”

ผมไม่เข้าใจแกจริงๆ ว่าทำไมต้องรอบอกด้วย ปกติก็ไม่เคยเห็นทำ สงสัยว่าแกคงจะหลงๆ ลืม ๆ เสียแล้ว

ผมเดินยิ้มเข้าไปในบ้านอย่างไม่กลัวถูกหาว่าบ้า เพราะความสุขที่ได้รับในวันนี้มันล้นปรี่
แต่ก่อนที่ผมจะวางของ ก็มีเสียงดังขึ้น

“เป็นอย่างไรบ้างค่ะ พี่ธี” แค่เงยหน้ามองต้นเสียง ความสุขของผมก็เริ่มลดลง
“ก็ดี” ผมตอบเสียงห้วน
“ยินดีด้วยค่ะ เดี๋ยวก่อนรินมีอะไรจะให้”

พวงกุญแจพีน็อคคิโอถูกหยิบออกมาจากผู้เป็นน้อง ผมแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเธอยังจำได้ว่าผมชอบอะไร

“รู้ได้ไงว่าพี่ชอบพีน็อคคิโอ”
“เป็นน้องก็ต้องรู้ใจพี่สิคะ” สิ้นเสียงเธอก็เกิดอาการวิงเวียน ไอเสียงดังจนของที่อยู่ในมือร่วงหล่น ผมมองการกระทำของน้องด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“นี่ถ้าไม่เต็มใจให้ก็ไม่ต้องให้” ผมตวาด

ความรู้สึกที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้เลือนหายไปหมดแล้ว ตอนนี้ในใจผมมีแต่ความเดือดดาลเข้ามาแทนที่


เป็นอีกวันแล้วสินะที่ผมกลับบ้านหลังไฟถนนถูกเปิด ภายในบ้านเงียบเชียบทีเดียว สงสัยว่าน้องสาวตัวดีหลับไปแล้ว ดีเหมือนกันจะได้ทำงานได้อย่างสบายหู แต่อยู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียง ตุ้บ! ดังมาจากห้องริน ผมวิ่งเข้าไปดูก็เห็น ร่างของน้องสาวนอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น ไม่ไกลมีรถเข็นล้มลงอยู่ใกล้ๆ

“ริน รินเป็นอะไร ริน” ไม่มีเสียงตอบทำให้ผมชักใจไม่ดี รีบพาน้องสาวขึ้นรถไปโรงพยาบาล

ผมนั่งรอฟังอาการอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาเธอก็แทบไม่ได้อยู่ในสายตาผมอยู่แล้ว บุรุษในชุดขาวออกมาจากห้องด้วยท่าทางเขร่งขรึม

“ใครเป็นญาติของคนไข้ห้องนี้เองครับ”
“ผมเป็นพี่ชายเธอครับ”
“เดี๋ยวเชิญทางนี้หน่อยครับ”

ผมเดินตามหมอไปที่ห้องพัก ซึ่งอยู่ถัดไปไม่กี่เมตร เป็นห้องขนาดกลางมีเตียงอยู่ด้านซ้าย ขวาเป็นโต๊ะทำงานลึกสุดเป็นห้องน้ำ

“หมอพาผมมาที่นี่มีอะไรหรือครับ”
“ หมอมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ ฟังหมอให้ดีๆ นะ น้องสาวคุณป่วยเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย”

ผมแทบช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน มันจะเป็นไปได้อย่างไร
“ไม่จริงหมอเอาอะไรมาพูด ผมไม่เชื่อ”
“เป็นความจริงครับ ถ้าคุณไม่เชื่อลองดูผลการตรวจก็ได้” ชายชุดขาวย้ำพลางยื่นเอกสารสีเหลืองให้ ข้อความในนั้นระบุตรงกับสิ่งที่ผมได้ยิน

ในหัวของผมตอนนี้มันหมุนติ้วไปหมดไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี ใจจริงก็รู้สีกห่วงและสงสารน้องสาวขึ้นมาจับใจ แต่พอนึกถึงภาพบุพการีทั้งสองก็กลายเป็นความโกรธแค้นเข้ามาแทนที่

ผมเก็บรถเข็นที่ล้มคว่ำในห้องขึ้นมา สภาพตอนนี้แทบดูไม่ได้ ล้อข้างซ้ายกระเด็นไปอย่างไม่รู้ทิศ ที่วางแขนเริ่มชำรุด ขณะที่เบาะมีรอยขาด พลัน ผมเหลือบไปเห็นซองยาที่วางอยู่บนสมุด เม็ดยายังเหลืออยู่2เม็ด แต่ข้อความบนฉลากเริ่มเลือน เธอกินยาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมผมไม่รู้ ผมหยิบสมุดเล่มแดงขึ้นมาเปิดหน้าที่คั่นเอาไว้

15 มีนาคม : วันนี้พี่ธีแต่งตัวหล่อเป็นพิเศษไปทำงาน แต่ขากลับหน้าบึ้งเชียว สงสัยงานหนัก อย่าเครียดๆๆ เดี๋ยวไม่หล่อนะ

16มีนาคม : ตื่นเต้นแทนพี่ธีจัง เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการ ตอนเช้าจะอวยพรซักหน่อย แต่เสียดายพี่ธีรีบไป ตอนบ่ายไปซื้อพีน็อคคิโอเซอร์ไพรส์พี่ธี

17มีนาคม: อีก2วัน ถึงวันเกิดพี่ธีแล้ว ของขวัญพร้อม ปีที่แล้วพลาดไป ปีนี้รับรองชัวร์

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมบันทึกของเธอกลับมีแต่เรื่องของผม และสิ่งที่ผมเห็นนั้นใช่ความรู้สึกจากใจรินจริงๆ หรือเปล่า ระหว่างที่กำลังขบคิดอยู่นั้นก็มีเสียงดังเข้ามา

“ ธีอยู่หรือเปล่า” ผมเดินไปหาต้นเสียงพร้อมหยิบสมุดติดมือไปด้วย
“ อ้าวป้า เข้ามาข้างในก่อนสิครับ”
“ ป้ามีเรื่องจะถาม อาการน้องสาวแกเป็นอย่างไรบ้าง”
“ ไม่ทราบสิครับ ผมกลับมาก่อน”

“ นี่อย่าหาว่าป้าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ ป้าจะบอกอะไรให้ ถึงแม้แกว่าจะโกรธน้องสาวมากแค่ไหน แต่รู้มั้ยเค้าไม่เคยเกลียดแก ตรงกันข้าม กลับทั้งรักและเป็นห่วง”
“ ไม่จริงป้าเอาอะไรมาพูด”

“จนป่านนี้ยังไม่รู้อีกเหรอ จำวันที่บอกป้าได้มั้ยว่าแกไม่ไว้ใจน้องสาว ผมพยักหน้า แต่รู้มั้ยวันนั้นที่น้องสาวเข้าไปค้นในห้องป้าก็อยู่ด้วย รินมันเค้าไปค้นเอกสารอยู่นานสองนานข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน เพราะตอนเช้ามันได้ยินแกโวยวายว่าเอกสารสำคัญหาย”

“ ไม่จริง ป้าโกหก” ผมกระแทกเสียง พลัน กระดาษที่สอดอยู่ในหนังสือร่วงลงมา ผมหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นรูปของผมและรินสมัยตอนเด็กๆ กำลังแย่งหุ่นยนต์ ซึ่งผมจำได้ว่าเป็นของเล่นชิ้นแรกกันอย่างสนุกสนาน ผมพลิกดูข้างหลัง มีข้อความ “ดีใจที่สุดที่ได้เกิดเป็นน้องพี่ธี ขอให้เราสองพี่น้องรักกันตลอดไปนะ”

ผมเดาเจตนาของเธอออก คงรู้สึกผิดอยากจะกลับตัวกลับใจ แต่คิดเหรอว่าทำดีเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้จะทดแทนในสิ่งที่ทำไปได้

คืนนี้ผมนอนไม่หลับไม่ใช่เพราะเป็นห่วงน้องสาว แต่เป็นเพราะพรุ่งนี้ผมจะเป็นตัวแทนของบริษัทไปเจรจากับคู่ค้า ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ เพื่อขอให้เขาร่วมลงทุน นับเป็นภาระที่หนักอึ้ง รับขวัญผู้จัดใหม่ถอดด้ามอย่างผม


การเจรจาเริ่มต้นขึ้นทันทีที่ผมไปถึง ผมใช้เวลาไม่นานก็ทำให้เขาลุกขึ้นและจับมือกับผม และเมื่อผมโทรไปที่บริษัท ท่านประธานบอกว่าจะตบรางวัลให้ผมทันทีที่ผมไปถึง แต่เมื่อวางสายไปไม่ถึงนาทีป้าหน่อยก็โทรมา

“ว่าไงครับป้า”
“ ธีป้ามีเรื่องสำคัญจะบอกตอนนี้รินฟื้นแล้ว” “ครับ” ผมตอบกลับ
“รีบมาเลยนะรินมันอยากเจอแก ” “ครับ” ผมตอบเหมือนเดิม
“แค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวป้าไปดูรินก่อน แกรีบๆ มาละ”
พอวางสาย ผมตัดสินใจโดยไม่ลังเล ผมจะไปบริษัท

เมื่อผมมาถึง ท่านประธานก็สั่งให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่ภัตตาคาร “เฮือนพี่เฮือนน้อง” ที่อยู่ตรงข้ามบริษัท ท่านประธานบอกว่าจะเลี้ยงฉลองให้ผมเนื่องในโอกาสที่ผมทำให้บริษัทก้าวหน้าไปอีกขั้น


อาหารชั้นเลิศจานแล้วจานเล่าถูกเสริฟ์อย่างไม่ขาดตอน แต่ผมก็ต้องพบกับอุปสรรค เพราะบรรดาลูกน้องมือไวเสียเหลือเกิน เผลอแป้ปเดียวในจานเหลือแต่กระดูก กินไปกินมาได้สักพัก หนึ่งในลูกน้องก็ชวนทุกคนชนแก้วฉลอง ทันใดนั้นป้าหน่อยก็โทรมาบอกว่าตอนนี้รินอาการกำเริบขี้นอีก อยากให้ผมไปหา ผมปฎิเสธไปบอกว่าตอนนี้ไม่ว่าง ป้าแกไม่ยอมยังยืนกรานจะให้ผมไปให้ได้ โดยบอกว่าสงสัยอาการรินจะหนัก เพราะเห็นหมอสั่งให้พยาบาลเตรียมเครื่องปั๊มหัวใจ เสียงป้าหน่อยเริ่มสั่นเครือ เวลาเดียวกันบรรดาลูกน้องก็ตะโกนเรียก “เจ้านายครับ” เพื่อเร่งเร้า ป้าพยายามขอร้องผมอีกรอบให้ผมไปให้ได้ ผมตัดสินใจกดสายป้าทิ้ง แล้วเดินกลับเข้าไป

“เจ้านายมาแล้ว เอ้าทุกคน”
“เคลียร์” หมอสั่ง
“ไชโย” ผมยกแก้วขึ้น
“เคลียร์”
“ไชโย”
“เคลียร์”
“ไชๆๆๆ โยๆๆๆ” ผมยกดื่มหมดแก้วก่อนวาง
“เคลียร์”

อยู่ๆ บรรดาลูกน้องก็มาจับผมโยนไปบนอากาศ พร้อมด้วยเสียงร้อง เฮๆๆๆๆๆๆ
ร่างบนเตียงนิ่งไม่ไหวติงพร้อมกับกราฟบนจอเปลี่ยนเป็นเส้นตรงดัง ตี๊ดๆๆๆๆๆ





Create Date : 24 มิถุนายน 2550
Last Update : 24 มิถุนายน 2550 22:15:12 น. 21 comments
Counter : 393 Pageviews.

 
สวัสดี่ค่ะ มาเยี่ยมค่ะ
เรื่องนี้พี่ชายใจร้ายจังเลยนะคะ น่าสงสารน้องสาว เศร้า


โดย: วลีรมย์ (วลีรมย์ ) วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:9:34:40 น.  

 


โดย: เด็กชายหมายเลข18 IP: 58.137.21.2 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:13:47:01 น.  

 
สู้นะเพื่อน เท่ดี เรียบแต่คนรักก้อมาเม้นคนแรกอิทฉาวะ


โดย: อัศวินม้าไม้ (กล่องความทรงจำ ) วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:23:19:56 น.  

 
เศร้ามากเละ


โดย: rabbitsong IP: 203.172.178.34 วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:16:55:45 น.  

 


โดย: จ (- จอมจุ้น - ) วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:22:01:27 น.  

 
เรียบๆ แต่เท่ห์

น่ารักดี.... เข้ามารับรอง ขอบอกว่า ไม่ต้องห่วง ไม่อู้แน่นอน


เป็นการต้อนรับที่ดี กับคอมเม้นแรกที่เข้ามา...


โดย: จ๋า (- จอมจุ้น - ) วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:22:03:21 น.  

 


โดย: [y (backpackindy ) วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:22:14:52 น.  

 
โทษทีเพื่อน เมื่อกี้กดผิด แต่ที่ไม่ผิดคือมาให้กำลังใจแล้วนะเว้ยเพื่อน


โดย: บัง (backpackindy ) วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:22:16:11 น.  

 
อยากจะร้องไห้อะ...ทำไมมันเศร้าจัง
น่าสงสาร...
แต่บล็อกสวยนะ...คงทำอยู่นานเลยดิ...อิอิ


โดย: junaka วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:23:04:06 น.  

 
เกลียดพี่ชายคนนี้ที่สุด...อยากร้องไห้อ่ะ....

แวะมาทักทายบล็อกสวยดีนะเอ็กซ์


โดย: peanka วันที่: 27 มิถุนายน 2550 เวลา:12:18:55 น.  

 
ซุ้มเงียบนี่หว่า....... ทำได้เจ๋งดี


โดย: โต้ง (nesthong13 ) วันที่: 27 มิถุนายน 2550 เวลา:12:44:38 น.  

 
สวยดีวะ สอนบ้างดิ


โดย: อัศวินม้าไม้ IP: 203.113.32.9 วันที่: 28 มิถุนายน 2550 เวลา:0:21:06 น.  

 
อ่านแล้วจะร้องไห้ไปก่อนนะเพื่อน ไว้เดี๋ยวมาคอมเม้นต่อ ขอปริ้นเรื่องนี้ไปให้พี่กรูอ่านก่อน


โดย: เด็กๆ (เด็กชายหมายเลข18 ) วันที่: 28 มิถุนายน 2550 เวลา:1:01:02 น.  

 
เริ่มจะเศร้า..ยังไงไม่รู้
อ่านไปครึ่งเรื่องแล้วค่ะ ต้องรีบกลับบ้านก่อน ครั้งหน้าสัญญาว่าจะอ่านให้จบ
ลูกเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีเจ๋งอยู่แล้วค่ะ



โดย: กระต่ายน้อย (tai_kko ) วันที่: 28 มิถุนายน 2550 เวลา:20:24:02 น.  

 
เรื่องนี้ ลอกที่ไหนมาอีกวะเพื่อน 555+

ล้อเล่นๆ ไม่เอาไม่เครียด เด๋วหัวระเบิดเน้อ

โอเชๆ มาเม้นให้ ไปแระ ทำต่อ อิจฉา เพอร์เฟกแมนว่ะ เอิ๊กๆๆๆ


โดย: reaction วันที่: 28 มิถุนายน 2550 เวลา:22:04:06 น.  

 
แวะมาทักทายวะ นับวันจะก้าวหน้าไปทุกวันนะเรา รอบ้างนะ


โดย: อัศวินม้าไม้ (กล่องความทรงจำ ) วันที่: 29 มิถุนายน 2550 เวลา:1:57:08 น.  

 
เศร้าจังเลยว่ะ...หดหู่... แต่บล๊อคเจ๋งดีนะ เป็นกำลังใจให้หนุ่มเมโทรฯ นะ โชคดีเพื่อนเอ๊กซ์


โดย: s-munvimol (ส.มั่นวิมล ) วันที่: 29 มิถุนายน 2550 เวลา:13:09:41 น.  

 
มาหาอีกครั้ง...เพื่อตอกย้ำความคิดถึงอีกที


โดย: ภูผาเดียวดาย (peanka ) วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:14:53:27 น.  

 
ไม่เคยอะที่จะไปเม้น

เพื่อนเลือกปฏิบัติ

เซ็ง



โดย: ม่อน เด็กม้าลาย (MoNiSsArUn ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:32:09 น.  

 
ประเด็นวันนี้มีอะไรบ้างครับ ท่านหัวหน้า อย่าจริงจังน่า
เข้าไปทักทายด้วยดิ



โดย: โต้ง (nesthong13 ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:36:18 น.  

 
และแล้วก้เดินทางมาถึง เสียงเฮๆๆ และเสียง ตี๊ดๆๆ 2 บรรทัดล่างสุดซะที
สำนึกสุดท้ายคงใช้ไม่ได้หรอกค่ะ ต้องใช้ว่า ไม่มีสำนึกมากกว่า เป็นพี่ภาษาอะไร ใจร้าย ใจดำที่สุดเลย อย่าพูดดีกว่าเดี๋ยวอารมณ์จะขึ้น
แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอชมว่า ลูกเจ้าพระยาคนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ


โดย: เพื่อนถิ่นเดิม (tai_kko ) วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:10:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zikou
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Google
Friends' blogs
[Add zikou's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.