Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
26 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
ดูกันดั้ม แล้วย้อนมองการเมืองรอบตัว...ร้อง , เล่น , เต้น , หัว ยิ้มยั่วยิ่งกว่าฝัน !



ดูกันดั้ม แล้วย้อนมองการเมืองรอบตัว...

ร้อง , เล่น , เต้น , หัว ยิ้มยั่วยิ่งกว่าฝัน !


“ ดูหนัง ดูละคร แล้วย้อนดูตัว ร้องเล่น เต้นหัว ยิ้มยั่วเหมือนฝัน ” เป็นคำกล่าวที่เฉียบคมจนแพร่หลายเป็นที่รู้จักจำติดใจในวงการบันเทิงไทย ตราบจนถึงปัจจุบัน ถ้อยคำนี้ยังคงมีอิทธิพลต่อเหล่าผู้ชมที่มุ่งแสวงคุณค่าของสื่อบันเทิงที่เผยแพร่ทั้งแบบสิ่งพิมพ์และดิจิตอล ซึ่งในปัจจุบันได้ขยายวงกว้างออกไปในหลากหลายรูปแบบ แม้แต่การ์ตูน ก็นับเป็นสื่ออย่างหนึ่งที่มีวิวัฒนาการด้านเนื้อหาสาระอันมุ่งเน้นสะท้อนความเป็นไปของชีวิตมนุษย์มากขึ้น ประดุจกระจกสังคมอีกด้านหนึ่งที่ฉายแนวคิดของความเป็นมนุษย์ออกมาได้อย่างมีเหตุผลสมจริง ไม่แพ้นวนิยาย ภาพยนตร์และละครเลยทีเดียว

ดังนั้น สาระของการ์ตูนและหนังละคร จึงมีความคล้ายกันที่สามารถจำลองให้เห็นวิถีชีวิตของสรรพสิ่งบนโลก ( หรือจักรวาล ) นั่นจึงเป็นที่มาของการอนุมานคุณค่าแนวคิดของการ์ตูนในเครือซีรี่ย์กันดั้ม กับวิถีทางการเมืองไทยในวันนี้ ด้วยประเด็นที่ขึ้นหัวข้อล้อกันกับสาระการชมหนังละครไทยว่า “ ดูกันดั้ม แล้วย้อนมองการเมืองรอบตัว ร้อง , เล่น , เต้น , หัว ยิ้มยั่วยิ่งกว่าฝัน ! ”

โดยปกติแล้ว บทความเรื่องต่างๆ ของหงส์ฯ จะไม่ค่อยเน้นเรื่องชวนเครียด แต่ตรงนี้ คงต้องขอแหวกแนวฉีกรูปแบบไปจากเดิมเสียหน่อย ด้วยอดไม่ได้จริงๆ ก็อย่างที่รู้กัน คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศเอง ก็คงรู้สึกเจ็บปวดใจไม่น้อยที่เห็นประเทศชาติเป็นเช่นนี้ บางคนชมภาพข่าวแต่ละสถานีที่บันทึกแพร่ภาพแล้ว ก็น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ต่อความรู้สึกที่มีในสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ราวกับว่ามันได้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาจริงๆ ยิ่งกว่ามองแค่ว่ามันเป็นเพียงเหตุการณ์ในจอภาพสี่เหลี่ยม เพราะสิ่งที่คนบางกลุ่มกำลังกระทำอยู่ มันย่ำยีหัวใจไทยทั้งชาติ ก่อเกิดความร้าวรานใจเจ็บแสบทรวงยิ่งกว่าแผลสด แผลเปื่อย แผลไฟไหม้,น้ำร้อนลวก แผลพุพองเป็นหนอง ผิวหนังอักเสบเสียอีก เจ็บกายนั้นยังพอทนได้ รักษาแล้วก็พลันหายไป แต่เจ็บปวดที่หัวใจในเรื่องเลวร้ายของประเทศชาติอย่างนี้ ใครเล่าจะเยี่ยวยาได้ผลอยู่รอดปลอดภัย

จริงอยู่ว่าการ์ตูนนั้น ถือเป็นสิ่งงดงาม คงมีหลายคนที่เห็นว่าไม่อยากให้สิ่งสวยงามเช่นนี้ ต้องมาแปดเปื้อนเกี่ยวพันกับเรื่องทางการเมืองที่ไม่น่าพิสมัย หากแต่ว่าในความรู้สึกของหงส์ฯ เองนั้นมีความเห็นว่า แนวคิดบางอย่างของการ์ตูน โดยเฉพาะซีรี่ยกันดั้มที่มีเนื้อหาเล่นปมทางการเมืองอย่างเด่นชัดนั้น นับว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนสถานการณ์บางอย่างในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

ด้วยว่าความเป็นกันดั้มนั้น แม้มีส่วนหนึ่งที่เป็นจินตนาการแห่งความฝันอันยากจะเป็นไป แต่หัวใจของกันดั้มอีกส่วนหนึ่งก็แสดงเหตุผลและธาตุแท้ของมนุษย์ในแง่มุมเรื่องของ “อำนาจการปกครอง” ที่มีความน่าจะเป็นจริงแฝงเร้นอยู่ด้วย และสัญลักษณ์ของความเป็นหุ่นยนตร์ “กันดั้ม” นั้นก็เหมือนจะแทนสัญญะความหมายของสิ่งที่เรียกว่า “อำนาจ” ด้วยเช่นกัน เพราะในแต่ละซี่รี่ย์กันดั้มนั้น หากไม่แย่งชิงสิ่งนี้กันไปมา ก็มักจะมีทั้งผู้ประสงค์ดีและร้ายที่พยายามสร้างสรรค์พัฒนาสิ่งนี้ขึ้นมาให้แข็งแกร่งเกินใครจะต้านทาน และเมื่อใครได้ครอบครองก็จะเป็นที่น่าเกรงขามหวาดกลัว รวมทั้งแนวเรื่องที่มักสื่อให้เห็นว่า “มีกันดั้มแล้ว ใช่จะเป็นคนดีเสมอไป และมีกันดั้มแล้ว ใช่ว่าจะชนะเสมอไป ” ซึ่งก็แสดงให้เห็นในแง่มุมหนึ่งว่าหากใช้ไม่ถูกที่ ไม่ถูกทาง และไม่มีเหตุผลแล้วล่ะก็ แม้เป็นถึง “กันดั้ม” ก็อาจปราชัยได้ ( ยกเว้นพระเอกบางคนที่ต้องชนะตลอดศก หรือไม่ก็ชนะในนาทีสุดท้าย เพื่อความเทพอมตะ )

ถึงกระนั้น ท่านใดที่แม้ชื่นชอบซีรี่ย์กันดั้ม แต่ไม่ปรารถนาวุ่นวายเรื่องทางการเมืองให้ขุ่นเคืองเบื้องลึกในจิตใจ ก็ขออภัยด้วย ที่หงส์ฯ เองก็ไม่ค่อยอยากแนะนำให้อ่านบทความนี้สักเท่าใดนัก เดียวจะพาเครียดเกินไป จนกลายเป็นว่าหงส์ฯ ทำให้รู้สึกไม่ดี เพราะงั้นหากอยากพักผ่อนไม่ให้สองประเด็นนี้มาข้องเกี่ยวกัน ก็ไม่ควรติดตามอ่านนับจากนี้เป็นต้นไป ที่วิพากษ์ไว้เช่นนี้ ส่วนหนึ่งถือเป็นการระบายความรู้สึกและความคิดเห็นทางการเมือง ที่บูรณาการกับแนวคิดที่ได้รับจากซีรี่ย์กันดั้มใน “บางซีรี่ย์” ( เพราะหงส์ฯ เองก็ไม่ได้ถึงขั้นตามติดทุกภาคซีรี่ย์ ดังนั้น สิ่งที่หยิบยกมาอ้างอิงเขียนถึงนั้น ก็คงเป็นเฉพาะในวงจำกัดที่เคยผ่านตาหงส์ฯ มาในระดับหนึ่งแล้ว )

อันที่จริงหงส์ฯ เองก็เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่โดยปกติแล้วไม่ค่อยใส่ใจเรื่องการเมืองมากมาย ด้วยถือว่าเป็นเรื่องที่เราเองไม่สามารถยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรได้มากนัก เหมือนอยู่ไกลตัวเกินเอื้อมถึง และแม้จะคิดมากไป แต่ไม่นานนักเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรของชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็คงจะต้องจัดการคลี่คลายสถานการ์ให้เสร็จสิ้นไปได้เอง

หากแต่สถานการณ์ทุกวันนี้ สังเกตดูแล้ว ก็ให้รู้สึกอึดอัดว่าเมื่อไหร่จะจัดการได้เสียที มันยืดเยื้อจนน่ารำคาญ จะไปที่ไหนใน กทม. ก็หวาดระแวงภัย นี่นานเท่าใดแล้วนะ ที่หงส์ฯ ไม่ได้เข้าไปในจังหวัดนั้น ทั้งที่เมื่อก่อน อย่างน้อยต้องไปเยือนสักครั้งหนึ่งในแต่ละเดือน อย่างวันก่อนจะเดินทางไปชมพระเมรุมาศ คณะที่จัดไปต้องบอกยกเลิกกลางคัน เพราะเป็นวันที่ 24 พ.ย. 2551 ที่วุ่นวายโกลาหลอย่างมโหฬาร ด้วยเหตุนี้ จะว่าการเมือง ณ ตอนนี้ เป็นเรื่องที่ไกลตัวหงส์ฯ คงจะไม่ใช่อย่างนั้นเสียแล้ว เพราะคล้ายๆ ว่ามันเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันอยู่ในดุลยพินิจ เพราะเป็นปัจจัยหนึ่งที่กีดกันขวางกั้นการเดินทางไปไหนมาไหนอย่างอิสระเสรีเป็นปกติสุขอย่างที่ควรจะเป็น ช่างคล้ายกับที่ล็อคอินหนึ่งในห้องราชดำเนินได้โพสต์เป็นภาพอักษรด้วยถ้อยคำอันล้อชื่อภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่งในอดีตว่า “ 2551 อันธพาลครองเมือง ”

เอาล่ะ มาถึงตรงนี้ก็ “น้ำ” ก็กินพื้นที่มาพอสมควร คิดเสียว่าที่กล่าวไปเบื้องต้นนั้น เป็นที่มาในการเขียนบทความนี้ก็แล้วกัน และนับจากย่อความข้างหน้านี้ จะเป็นส่วนของ “เนื้อ” ความกับประเด็นว่า “ดูกันดั้ม แล้วย้อนมองการเมืองรอบตัว ร้อง , เล่น , เต้น , หัว ยิ้มยั่วยิ่งกว่าฝัน !”





เราจะเห็นว่าโลกสวย ก็ต่อเมื่อได้มองดูในเวลาที่สงบสุข มนุษย์จึงโหยหาสันติสุข เพราะสันติสุขทำให้โลกเป็นบ้านที่น่าอยู่ แต่มนุษย์มักขัดแย้งกันเอง เพื่อแสวงหาสันติสุขตามแบบของตน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การแบ่งแยกเป็นฝักฝ่ายสีสัน แต่อยู่ที่จิตใจของคนบางกลุ่ม ซึ่งไม่ยอมรับความสงบที่ไม่ได้มาด้วยชัยชนะ ทั้งที่สิ่งที่พวกเขาเข้าใจว่าเป็นชัยชนะ มันคือความพ่ายแพ้ย่อยยับของประเทศชาติ ยิ่งกว่าศึกเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒

เป็นความจริงประการหนึ่งว่า คนเราทุกคนนั้นอยากรักษาสันติสุขร่วมกัน แต่บางครั้งคนเรานั่นแหละที่โกหกและพยายามหาข้อแก้ตัวให้กับความโหดร้ายของตนในหนทางการต่อสู้แย่งชิง เพียงเพื่อต้องการเอาชนะกัน จนเข้าขั้นประจัญศึกสงครามอย่างอหังการ

หากถามว่า “ทำไมคนเราจึงต้องห่ำหั่นกันเอง?” คำตอบอาจเป็นว่า เพราะคนเราเกิดมาพร้อมสัญชาตญาณการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด , เพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ หากแต่ก็ยังไม่อาจยืนยันได้แน่ชัดว่า คนที่กล้าสู้สุดชีวิต จะได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างอุดมสมบูรณ์กว่านี้จริงหรือไม่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันก็ต้องสูญเสียอะไรบางอย่างหรือหลายอย่างไปเช่นเดียวกัน



A : อาจารย์ของหม่อมฉันน่ะสอนว่า

มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่ชอบการต่อสู้

ใครชนะก็จะได้อำนาจควบคุมทุกอย่าง

เพราะฉะนั้นการจัดลำดับชั้น

จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของมนุษย์เรา

เราเพียงแต่สู้ เพื่อจัดลำดับชั้นอำนาจตามแนวคิดนี้

มันเป็นธรรมดาของโลกมนุษย์

สันติสุขสมบูรณ์แบบนั้น

มันจะไปช่วยอะไรได้เล่า

คนที่ตายในการต่อสู้เพื่ออุดมคตินั้น

จะกลายเป็นวีรบุรุษผู้สร้างประวัติศาสตร์

มีคนรุ่นหลังจดจำและนับถือ

สันติสุขสมบูรณ์แบบ มันช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ เลย

มีแต่จะทำให้ตกเป็นเป็นเหยื่อของคนที่บ้าอำนาจเท่านั้น

ตอนนี้จึงจำเป็นต้องสู้แล้วนะเพคะ...


B : อ้างว่ามนุษย์เป็นสัตว์โลกที่ชอบการต่อสู้

แล้วทำสงคราม ( ครั้งสุดท้าย) กันเรื่อยไปน่ะ

มันไม่ถูกนะ ฉันเชื่อว่ามนุษย์นั้นสามารถหาทางอื่น

ที่จะทำให้เกิดความสงบสุขที่แท้จริงได้



กล่าวถึงเรื่องการต่อสู้ในหมู่มนุษย์แล้ว ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นควบคู่กับมนุษย์นับตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ จากการต่อสู้ระหว่างบุคคลกับบุคคล ขยายเป็นสงครามระหว่างประเทศ ทุกยุคทุกสมัยล้วนบันทึกไปด้วยสงครามอันโหดร้ายทารุณที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยแนวคิดที่ว่า “ ถ้าไม่สู้ก็จะทำให้เกิดสิ่งใหม่ที่ดีกว่าไม่ได้” ทั้งที่บางครั้งผลจากการลุกขึ้นสู้อย่างเอาเป็นเอาตายโดยไร้เหตุผลของคนบางกลุ่ม อาจนำไปสู่สิ่งใหม่ที่แย่กว่าเดิมก็เป็นได้



A : ท่านนั้นเป็นคนยิ่งใหญ่ที่สมควรเป็นผู้ปกครอง

แต่ตอนนี้สถานการณ์ปั่นป่วน

ไม่เหมาะที่จะทำสงครามยืดเยื้อ…


B : สงครามนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีใครห้ามได้

เราจึงควรใช้มันเป็นประโยชน์ไปซะ

เพราะว่ามนุษย์ที่อ่อนแอ

ต้องใช้ผู้ที่เข้มแข็งกว่ามาปกครอง

สงครามจึงต้องเกิดขึ้นเรื่อยไปเป็นธรรมดา


A : งั้น ก็จะมีคนตายมากมาย เลือดก็จะนองแผ่นดินสิค่ะ

ท่านน่ะรักมนุษย์ เมตตาต่อมนุษย์ดุจดังพระเจ้า

ท่านคงจัดการปกครองให้มีสันติสุขได้


B : เธอมีอุดมคติเกี่ยวกับอนาคตอยู่ใช่ไหม ?


A : อุดมคติของท่าน ก็คืออุดมคติของดิฉันนะคะ


B : อุดมคติของฉันเป็นแค่ความฝันลมๆ แล้ง ๆ

ของมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น

ฉันอยากจะสร้างอนาคตที่ดีให้ผู้อื่น

แต่มนุษย์คนเดียวสร้างประวัติศาสตร์ไม่ได้…



ประวัติศาสคร์สงครามทางการเมืองสะท้อนให้เห็นผลกระทบต่อประเทศชาติ ทั้งทางด้านความมั่นคงในการปกครองและเสถียรภาพในระบบเศรษฐกิจ การใช้กำลังเพื่อเปลี่ยนแปลงทุกอย่างตามที่ตนต้องการ เป็นวิธีการรักษาสันติสุขตามแบบประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบที่ดีแล้วหรือ ?

ทุกคนน่าจะรู้ดีว่าการใช้กำลังต่อสู้หาญหักเอานั้น ไม่เคยให้ประโยชน์กับใครอย่างสมบูรณ์ และความสงบสุขตามระบอบประชาธิปไตย “ ไม่ใช่ ” สิ่งที่ได้มาจากการใช้กำลังบังคับแบบเอาเป็นเอาตาย แต่อยู่ที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศชาติทุกคน จะร่วมกันกำหนดวิถีทางของตนให้ดำเนินไปตามสันติวิธีได้อย่างไร ? ไม่มีใครอยากเห็นการต่อสู้ของผู้ได้ชื่อว่าร่วมบ้านเมืองเดียวกัน เพราะเมื่อมีการ “สู้” เกิดขึ้น นั่นคือ การฝังเลือดและน้ำตาไว้เป็นหลักฐานแห่งสถานการณ์เลวร้าย และเลือด , น้ำตาที่เสียไปนั้น ก็ไม่ได้มีความหมายใดต่อการเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้น ไม่ใช่ว่าประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมเหล่านี้มันยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจ แต่เพราะผู้คนต่างไม่ยอมเปิดใจที่จะเรียนรู้จากความเป็นจริงเองต่างหาก



A : จริงอยู่ที่ว่าการไม่ต้องต่อสู้กันนั้นน่ะ

ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ แต่ว่า เมื่อศัตรูบุกมา

มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่ครับ ตอนที่ควรสู้มันก็ต้องสู้

ไม่อย่างนั้น พวกเราก็จะปกป้องอะไรไว้ไม่ได้ แล้วที่สำคัญ

เราควรปกป้องคนที่มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขด้วย


B : แต่ว่าทำแบบนั้นเพราะถูกฆ่าก็เลยฆ่า

เพราะฆ่าก็เลยถูกฆ่า สุดท้ายแล้ว

มันจะได้มาซึ่งความสงบสุขจริงๆ น่ะหรือ ?




หากขึ้นคำถามว่า “การที่ท่านต้องต่อสู้นั้น ย่อมต้องเพราะมีศัตรูอยู่ แล้วตกลงศัตรูของท่านอยู่ที่ใด” แล้วท่านจะตอบว่าอย่างไรแน่ เหล่านักสู้ทั้งหลาย เพราะในสายตาหนึ่งแล้ว สิ่งที่ท่านต่อสู้อยู่ด้วยนั้น คือ “ ประเทศชาติ ” ทุกสิ่งที่ทำลงไปล้วนส่งผลกระทบต่อบ้านเมืองอย่างไม่อาจคณานับได้ หวังเพียงแค่ได้ฝังเลือดเนื้อและสายน้ำตาไว้เป็นรากฐานค้ำจุนความมั่นคงในอำนาจการต่อรอง สู่แนวทางที่เชื่อว่าสามารถปฏิวัติและจัดระเบียบอำนาจได้เพียงเท่านั้น ทั้งๆ ที่บางครั้งการเรียกร้องนั้นช่างไม่สมเหตุสมผล และคงไม่มีที่ใดในสากลโลกยอมรับได้กับข้อเรียกร้องแบบนั้น



ณ ห้องซ้อมยิงปืนแห่งหนึ่ง

ปัง ๆๆๆๆๆๆๆ

A : ว้าว ! ยิงด้วยปืนกระบอกเดียวกันแท้ๆ แต่ว่าทำไม....?


B : ไม่ใช่เพราะปืนหรอกนะ เพราะว่ามือเธอสั่น

ตอนที่เหนี่ยวไกปืนต่างหาก เพราะงั้น

กระสุนถึงได้พลาดเป้าไปยังไงล่ะ

....( ยื่นกระบอกปืนคืนให้อีกฝ่ายหนึ่ง )

ถึงจะเก่งเรื่องแบบนี้ไป ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ


A : ไม่เป็นแบบนั้นหรอกค่ะ

มันจำเป็นสำหรับการป้องกันตนเอง

และเพื่อนๆ จาก “ศัตรู” นะคะ


B : “ศัตรู” เหรอ!? ...เป็นใครกันล่ะ !?...




กล่าวกันว่า “คนที่เคยชินกับสิ่งใด ก็มักอยากจะมีสิ่งนั้นเพิ่มขึ้นอีก ส่วนคนที่ไม่เคยมี ก็หาวิธีทำให้ฝันของตัวเองเป็นจริงขึ้นมา โดยเฉพาะสิ่งที่คนเราปรารถนามากที่สุด คือ “อำนาจ” ชีวิตมนุษย์นั้นสั้นนัก แต่มนุษย์กลับมีความปรารถนาไม่สิ้นสุดใน “อำนาจ” ที่จะควบคุมสิ่งต่างๆ ” ทั้งๆ ที่บางครั้งอำนาจนั้นไม่ใช่สิทธิที่ถูกต้องตามระบบกติกาของชาติ รวมถึงไม่ใช่สิ่งที่ควรต่อรองได้เลยในระดับสากลโลก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความไม่มีเหตุผล ความดื้อรั้นดึงดันของคนบางกลุ่มกลับนำไปสู่หายนะของส่วนรวม โดยไม่ยอมเลิกรายุติลง เหตุผลใดเล่าที่ทำให้เป็นเช่นนั้น อาจเพราะยังมีกลุ่มคน ที่เปรียบได้กับ “โลโกสต์” ที่ขึ้นชื่อว่า “ พ่อค้าความตายและหายนะ ” พวกเขาไม่สนใจชีวิตและทรัพย์ที่ต้องสูญเสียไปของผู้เคราะห์ร้าย แต่สิ่งที่เขาให้ความสำคัญ คือ กำไรที่ได้จากการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม

นั่นเป็นแนวคิดที่ผนวกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน นับแต่คราวที่ได้เห็นสื่อแพร่ภาพข่าว “ธุรกิจการค้าสี” ที่กำลังไปได้ด้วยดี รวมถึงเหตุการณ์ที่ครอบครัวข้าพเจ้าได้ประสบพบกับตนเองที่กลางตลาด อันแวดล้อมไปด้วยกลุ่มผู้มาเชิญชวนไปร่วมกู้ชาติ แต่ไม่อาจเข้าถึงครอบครัวข้าพเจ้าได้ หากแต่นั่นก็ทำให้ได้ประสบการณ์ชิ้นโบว์แดงในการรับรู้สาเหตุแน่ชัดว่า ทำไมจึงมีผู้เข้าร่วมขบวนการนี้เป็นจำนวนมาก ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าสังคมปัจจุบัน กระดาษบอบบางเล็กๆ ไม่กี่แผ่น ได้กลายเป็นเจ้าผู้ปกครองของใครบางคนไปเสียแล้ว



การอยากได้ของของคนอื่น ส่วนคนที่ต่างจากตนเอง

ก็จะถูกรังเกียจ อิจฉา และหวาดกลัวจะเป็นฝ่ายผิด

เหตุผลแบบนั้นทำให้มีสงครามเรื่อยมา

เป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขได้....

สิ่งที่เรียกว่ามนุษย์นั้น พอรู้ว่าจะได้กำไร

ก็จะคิดในด้านตรงกันข้าม

ถ้าการต่อสู้จบลง เศรษฐกิจโดยทั่วไปก็จะดีขึ้น

หากแต่กำไรของพวกตนก็จะน้อยลง

แต่ถ้ายังยืนหยัดสู้กันต่อไป

พวกตนก็จะได้กำไรมากมายมหาศาล

ถ้าอย่างนั้นสำหรับพวกเขาแล้ว

สงคราม คือ สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้น...

“ มันคือศัตรู! ” , “ เป็นอันตราย ! ” , “ ต้องสู้ ! ” ,

“ เมื่อโดนยิง ก็ให้อภัยไม่ได้ ! ” , “ ต้องสู้มัน ! ”

จึงมีคนจำนวนหนึ่งซึ่งคิดจะทำให้เกิดธุรกิจที่เห็นว่า

สงคราม คือ การทำอุตสาหกรรมอย่างหนึ่งขึ้นมา

เพื่อกำไรของพวกตัวเอง…



“สงครามและการต่อสู้ เป็นธุรกิจอุตสาหกรรมอย่างหนึ่ง ! ”....? นั่นเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่ามีจริงหรือนี่ ? แต่บางครั้งก็ชวนคิดว่าเป็นวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นได้ใช่หรือไม่ ? หากสภาวะบางอย่างผลักดันให้เงินตราคือพระเจ้าผู้บงการของมนุษย์ไปเสียแล้ว เป้าหมายในการกระทำวินาศกรรมของกลุ่มคนเหล่านั้น อยากให้ยุติลงเป็นเพียงแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ ที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ มีผู้กล่าวว่าสถานการณ์ต่างๆ นั้นเปรียบได้กับกงล้อประวัติศาสตร์ ที่หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แม้จะถึงจุดวิกฤติ แต่ไม่นานนักก็จะดำเนินไปสู่ความสงบสุขดังเดิมได้ ซึ่งก็ได้แต่หวังอยากให้ถึงวันนั้นโดยเร็วพลัน อยากให้สิ่งที่คนเหล่านั้นต้องการจากก้นบึ้งหัวใจ กลายเป็นเพียงแค่ “ภาพฝันของคนบาป” ที่ไม่อาจเป็นจริงได้ตลอดกาล

หากว่าในอนาคตข้างหน้า ถึงวันที่เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่กับเหล่าคนบาป อยากให้ท่านเหล่านั้นจงคิดถึงความจริงในการกระทำของตน ทุกสิ่งมีเหตุและมีผลในตัวของมันเอง ยามร้องไห้เจ็บปวดที่แสดงถึง “ความกลัว” มันก็เหมือนการยอมรับความผิดของของตนที่ได้ก่อวินาศกรรมขึ้น แต่หากยังไม่สำนึกและยังมุ่งที่จะสร้างโศกนาฏกรรมต่อไป ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม สักวันหนึ่ง คงไม่เหลือแม้แต่ที่ซึ่งจะล้มตัวลงนอนได้อย่างเป็นปกติสุขอีกต่อไป และผู้ประกาศสงครามทุกๆ ม้วนไม่รู้จบ ที่ไม่สามารถค้นหาความหมายแห่งการมีชีวิตอยู่ของผู้อื่น ก็จะแพ้อยู่เรื่อยไปเหมือนกัน ถ้าไม่หยุด...แล้วหันมารักเพื่อนมนุษย์ร่วมชาติด้วยกันบ้าง ...



ปัจฉิมลิขิต : ขอพรในโลกหล้า จงนำพาสันติสุขประชาธิปไตย
กลับคืนมาสู่แผ่นดินไทยแห่งนี้อีกครั้งโดยเร็ววัน




“เซส ! กลับมาเร็วๆ นะ เวลานายไม่อยู่

คนโง่ๆ มักทำอะไรงี่เง่าแบบนี้ ฉันทนไม่ได้ !”







Create Date : 26 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2551 13:50:08 น. 5 comments
Counter : 3768 Pageviews.

 
เซ็ง มากถึงมากที่สุดแล้วครับ

แวะมาเยี่ยมครับ


โดย: garnet19th วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:09:49 น.  

 
มาช้าไปหน่อย เพราะมาจากบอร์ด BIO

แต่อยากบอกว่าเราใจตรงกันนะคะ ^^


โดย: Apayin IP: 210.11.129.131 วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:8:48:20 น.  

 
สวัสดีจ๊ะน้องหงส์ การเมืองเรื่องวุ่นวาย ดูสามก๊ก ก็ซึ้งแล้ว

แวะมาฝากภาพตามที่คุยกับน้อง คลายเครียด พาล
กสาวมาแนะนำ จ๊ะ
Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket


โดย: แม่นางเตียว วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:54:51 น.  

 
//tieba.baidu.com/f?kz=613472496

ตามที่คุยกับน้องหงส์ แวะมาฝาก link ภาพของ ซีรีย์ใหม่นะจ๊ะ รู้สึกว่า ลูอี้ จะดูราศีน้อยกว่า พี่เบ้งเยอะเลยนะ โดยเฉพาะตอนแก่นี่ พี่เบ้งกินขาดเลย


โดย: แม่นางเตียว IP: 58.10.12.221 วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:15:32 น.  

 
อยากให้บ้านเมืองสงบสุขเหมือนกันครับ
เริ่มด้วยทำตัวเราให้สงบ เช้านี้นั่งสมาธิด้วยครับ รับเอาส่วนบุญนะครับ


โดย: คนขับช้า IP: 115.67.171.105 วันที่: 7 มกราคม 2553 เวลา:14:16:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หงส์อรุณ
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หงส์อรุณ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.