YOKOSO JAPAN : เธอ (6)
เช้านี้เรารีบออกจากที่พักใน 'โตเกียว' เพื่อเดินทางไปอีกเมืองที่มีชื่อกลับกันนามว่า 'เกียวโต' เกียวโตอยู่ห่างไปทางตอนใต้ของโตเกียว ประมาณ 460 กม. ถ้าเทียบกับเมืองไทยระยะทางประมาณ กรุงเทพถึงเทพกรุง ไม่ใช่ กรุงเทพถึงชุมพร ถ้าเราขับรถจากกรุงเทพไปที่ชุมพร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-7 ชั่วโมง แต่จะเหลือเวลาเดินทางแค่ 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ถ้าเรานั่ง'รถไฟชินคันเซ็น' รถไฟความเร็วสูงในญี่ปุ่น และเราก็ได้ลองนั่งรถไฟขบวนนี้
ผมวางแผนที่จะแวะเมืองหนึ่งกลางทางก่อน เพื่อหวังที่จะได้พบกับ 'เธอ' ที่ผมใฝ่ฝันมานานจะได้เจอกับตาตัวเอง 'เธอ' สวยสง่า สูงยาว ขาวดี 'เธอ' ดังมากในญี่ปุ่น เป็นดาราประจำประเทศ จะเห็น'เธอ'ในโปสเตอร์ตามสถานที่ทั่วไป 'เธอ'อยู่ใกล้เมืองเมืองนี้ เป็นทางผ่านระหว่างโตเกียวและเกียวโตพอประมาณ นามว่า 'เมืองฮาโกเน่' ผมต้องแวะที่สถานีโอดาวาร่า ซึ่งห่างจากโตเกียว ประมาณ 20 นาทีโดยชินคันเซ็น
สถานีโอดาวาร่า(ชินคันเซ็น)-รถไฟในเมือง-รถไฟขึ้นเขา-รถราง-รถกระเช้าที่ 1-รถกระเช้าที่ 2-รถกระเช้าที่ 3 (ชมวิว)- -เรือโจรสลัด (ชมวิว)-รถบัสกลับ-สถานีโอดาวาร่า(ชินคันเซ็น) คือตารางท่องเที่ยวในเมืองฮาโกเน่ เพื่อได้ชมวิวและได้เจอกับ 'เธอ'
'เฮ้ย ทำไมนั่งหลายต่อจังว่ะ ต้องต่อรถลงเรือทั้งหมด 8 ต่อเลยเหรอ' ผมเริ่มบ่นเมื่อเห็นตารางการเดินทาง
'อยากดูของดี ก็ต้องลำบากนิดหนึ่ง'
'เราต้องซื้อบัตร Pass ราคาเหมาจ่าย แล้วจะนั่งฟรีได้หมดเลย' 'งั้นถามเจ้าหน้าที่' ตอนนี้เราอยู่ข้างหน้าเคานเตอร์ของทีไอซี (Tourist Information Center) แล้ว
'ขอซื้อ Pass ท่องเที่ยวเมืองฮาโกเน่ครับ'
'มี Pass แบบสองวัน และ Pass แบบสามวัน' เจ้าหน้าที่บอกพร้อมโชว์บัตรให้ดู
'ขอซื้อ Pass แบบวันเดียว' เราตั้งใจจะมาและก็ไปภายในตอนเย็น ทางเจ้าหน้าที่ยิ้มเล็กน้อยและก็ส่งแบบสองวันมาให้
'เค้าฟังเรารู้เรื่องหรือเปล่าว่ะเนี่ย ??' ครั้งนี้เราพูดกันเป็นภาษาไทย
'เค้าไม่มี Pass แบบวันเดียว เราต้องซื้อแบบสองวันนั่นแหละ ในหนังสือบอกว่ายังไงก็คุ้มกว่าไปซื้อตั๋วเอง' 'เอาว่ะ เพื่อได้ไปเจอ'เธอ' ผมคิดในใจ
ในระหว่างการขึ้นรถลงเรือทั้งหมด 8 ต่อ ก่อนขึ้นรถราง เราได้แวะที่ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮาโกเน่ (Hakone Open Air Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีรูปปั้นหลายรูปแบบวางอยู่กลางแจ้ง บางอันสวยเข้าที บางอันรูปร่างประหลาด
แต่ที่สะดุดตาที่สุดก็คือรูปปั้นคนต่อตัวกันขึ้นไป ทั้งคนแดงและคนดำ ผมจ้องอยู่นาน จึงสังเกตได้ว่าคนแดงจะเป็นผู้หญิง คนดำจะเป็นผู้ชาย และทั้งคนดำและคนแดงต่อตัวไขว้ไปมา เป็นโครงสร้างไปในตัว และไม่ได้สัมผัสกันเลย ดูน่าอัศจรรย์ และน่าทึ่งมากมาก
ต่อจากนั้นเราก็นั่งรถกระเช้าต่อไปพร้อมชมวิวรอบข้าง และทันใดนั้น ผมก็ได้กลิ่นไหม้!! ผมนึกอยู่และได้แต่หวังว่าคงไม่ใช่กลิ่นเครื่องยนต์ไหม้ 'กลิ่นกำมะถัน' เพื่อนคนหนึ่งว่า 'เราใกล้จะถึงเหมืองกำมะถันแล้ว ซึ่งเค้าจะมาต้มไข่กันจนไข่ดำ เรียกว่า ไข่ดำ' เพื่อนว่าต่อ ตามหนังสือที่อ่านมา
'ว่ากันว่า ถ้ากินไข่ดำหนึ่งลูก อายุจะยืนยาวไปอีก 7 ปี'
ตอนนี้อายุผมยืนยาวไปอีก 7 ปีแล้ว เพราะหนึ่งลูกอยู่ในท้องผมเป็นอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ไข่ดำก็จริง แต่ดำแค่เปลือก แกะเปลือกออกมาก็เจอไข่ขาวเหมือนเดิม เจอไข่แดงเหมือนเดิม รสชาดเหมือนเดิม
หลังจากไข่ดำอายุยืน 7 ปี เราก็นั่งกระเช้าที่ 3 ต่อ เป็นกระเช้าที่ต้องได้เจอกับ'เธอ'แล้ว
ผมมองออกไปท่ามกลางทะเลสาบ ผมมองไปที่ระหว่าง เนิน......เขา
......ผมเจอแต่ก้อนเมฆเทาทึบในระหว่าง เนิน.....เขา นั้น
'เธอ' ไม่ปรากฏตัวให้ผมเห็น
'เธอ' คงจะอายผม
ต่อจากนั่งกระเช้า ก็นั่งเรือโจรสลัดต่อ ไปท่ามกลางทะเลสาบ
แต่เนื่องจากข้างนอก ลมแรง หนาวมาก จึงต้องเข้ามานั่งกันในเรือแบบน่าเบื่อ น่าเบื่อ
บางทีอาจจะเบื่อที่ไม่ได้เจอกับ 'เธอ'
เธอผู้มีนามว่า 'ภูเขาไฟฟูจิ'แห่งแดนปลาดิบ
วันนี้เมฆค่อนข้างเยอะ บดบัง ภูเขาไฟฟูจิ จนมิด เรารีบนั่งรถบัสกลับไปที่สถานีรถไฟชินคันเซ็น เพื่อมุ่งต่อไปที่ เกียวโต
ชินคันเซ็นพาเรามาถึงเกียวโต ภายใน 2 ชั่วโมง เราต้องต่อรถไฟท้องถิ่น เพื่อไปยังที่พักที่ได้จองไว้แล้ว สถานีรถไฟท้องถิ่นที่นี่จะดูเก่ากว่าที่โตเกียว 'ชื่อสถานี เป็นภาษาญี่ปุ่นว่ะ' เราพยายามดูแผนผังสถานีรถไฟ เพื่อจะได้รู้ว่าต้องลงสถานีไหน 'อ้าว แล้วต้องทำไงอ่ะ' 'ถามสิ' ว่าแล้วผมก็มองหาคนแถวๆนั้น และได้เจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในชานชาลา เธอยืนอ่านการ์ตูนอยู่ ระหว่างรอรถไฟ
'ขอโทษครับ ขอโทษครับ' ผมส่งเสียงออกไปเป็นภาษาอังกฤษ และเธอก็เงยหน้าขึ้นมาจากการ์ตูนที่กำลังดูอยู่
ผมว่าหน้าเธอคล้ายมารุโกะจัง
'ผมอยากจะไป กิออน-ชิโจ ต้องขึ้นที่สถานีนี้หรือเปล่า'
'กิออน-ชิโจ' มารุโกะจังพยักหน้า และเอานิ้วชี้ลงที่นี่
'แล้วไปอีกกี่สถานี' มารุโกะจัง นับอยู่ในใจแล้วก็ชูขึ้นมา 3 นิ้ว 'ขอบคุณมาก' ผมโค้งให้เธอหนึ่งที
ผมกับเพื่อนยืนงงงงที่หน้าตู้กดตั๋ว เพราะมองหาชื่อสถานีอยู่
ทันใดนั้นมารุโกะจังก็ออกมาจากชานชาลา คาดว่าเธอคงใช้บัตรผ่านของนักเรียน มารุโกะจัง มาชี้ชื่อสถานีให้ดู และให้เรารีบกดตั๋วกัน ทั้งหมด 4 ตั๋ว 'รถไฟมาแล้ว ต้องไปคันนี้' มารุโกะจัง ชี้ไปที่รถไฟซึ่งกำลังจะจอดที่ชานชาลาแล้ว ดูเธอตื่นเต้น มารุโกะจัง รีบเข้าไปในชานชาลา แต่ยังไม่ได้เข้าไปในรถไฟ หันมารอพวกเราที่เพิ่งได้ตั๋ว และกำลังกุลีกุจอลากกระเป๋าที่แบกสัมภาระสำหรับ 10 วันเข้าชานชาลาทีละคน เมื่อเห็นผมซึ่งรั้งท้ายอยู่ เข้ามาที่ชานชาลาแล้ว เธอก็รีบเข้าไปรถไฟ และเพื่อนผมก็ตามเธอไปได้ติดติด
'ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด' เสียงเตือนว่าประตูรถไฟกำลังจะปิดแล้ว และประตูก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว ทิ้งผมและเพื่อนอีกสองคนไว้ที่ชานชาลา แต่เพื่อนผมกับมารุโกะจัง ได้เข้าไปในรถไฟแล้ว รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกไป ผมได้แต่มองเพื่อนและมารุโกะจังผ่านประตูกระจกของรถไฟ ผมเห็นมารุโกะจังพยายามที่จะงัดประตูออก หน้าตาเธอดูเป็นกังวล น่าจะพอพอกับพวกเรา
รถไฟเคลื่อนตัวไปจนลับตาแล้ว ...........
อ่านตอนที่ 1 YOKOSO JAPAN : โตเกียวเกียวโต (1)
อ่านตอนที่ 2 YOKOSO JAPAN : ทางเท้าไม่มีคน ถนนไม่มีรถ (2)
อ่านตอนที่ 3 YOKOSO JAPAN : โตเกียวหลากมุม (3)
อ่านตอนที่ 4 YOKOSO JAPAN : มนุษย์กระป๋อง (4)
อ่านตอนที่ 5 YOKOSO JAPAN : ซูชิละลายในปาก (5)
P A T 03 -
Create Date : 20 กรกฎาคม 2552 |
|
20 comments |
Last Update : 20 ตุลาคม 2552 0:21:04 น. |
Counter : 899 Pageviews. |
|
|
|
แล้วจะมาชมต่อในวันพรุ่งนี้และวันต่อๆไป
เชื่อว่าหน้านี้ต้องอยู่อีกนาน
ราตรีสวัสดิ์นะคะ